Westeros : รวมทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับเวสเทอรอส

กระทู้จากหมวด "พูดคุย Game of Thrones" โพสต์โดย Kurodo, 2 พฤศจิกายน 2014.

  1. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    Everything About 'Westeros' --- รวมทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับ 'เวสเทอรอส'

    กระทู้นี้เป็นกระทู้รวบรวบข้อมูล ประวัติความเป็นมาของแผ่นดิน บ้านเมือง และบุคคลสำคัญในแผ่นดิน เวสเทอรอส เรียกได้ว่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นบทเวสเทอรอส ผมจะเอามาเล่าทั้งหมด แน่นอนว่าเป็นมหากาพย์ที่ยาวแน่ๆ

    สำหรับการอัฟเดต จะมีสารบัญอัฟบอกให้ทู้แรกนี้ตลอดเวลาเพิ่มเติมอะไรขึ้นมา และระยะเวลาในการอัฟช้าสุดคือทุกอาทิตย์ เร็วสุดก็แล้วแต่ผมว่างก็จะอัฟให้เลยนะครับ มีข้อสงสัย/ข้อติชม อะไรก็เขียนกันมาได้เลยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ

    ***กระทู้เก่าๆ ของผมจะถูกเอามายำรวมในกระทู้นี้กระทู้เดียวนะครับ ใครที่เคยติดตามและรอมานาน ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

    .
    .
    .
    .
    Contents
    - Know World
    - About
    Westeros
    - Dorne

    .
    .
    .
    .


    Know World

    [​IMG]
    Figure 1 : Know World ---- 4 ทวีปใน Song of Ice and Fire


    จากดินแดนในยุคปัจจุบันของโลกในหนังสือ Song of Ice and Fire จะประกอบไปด้วยทวีปทั้งหมด 4 ทวีป รวมเรียกว่า 'Know World' อันได้แก่

    Essos : ดินแดนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด จากแผ่นที่ด้านบนก็คือทวีปตรงกลางแผ่นที่ที่ครอบคลุมไปจนสุดขอบของแผ่นที่

    Westeros : ดินแดนทางตะวันตกของแผ่นที่ โดยที่อาณาเขตด้านบนสุดจะเป็นดินแดนตกสำรวจ The Land of Always Winter

    Sothoryos : ดินแดนทางตอนใต้ของ Essos ที่ยังไม่มีการสำรวจกันสักเท่าไหร่เลยเห็นเพียงนิดเดียว แต่เชื่อว่ามีขนาดใหญ่ อาจจะพอๆ กับ Essos เลย

    Ulthos : อีกดินแดนตกสำรวจที่มีขนาดไม่แน่ชัด ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ถัดจาก Essos ไป ที่เห็นสีออกดำๆ ในแผ่นที่ ซึ่งบางทีอาจจะไม่ใหญ่ขนาดเป็นทวีปก็ได้

    .

    .
    .
    .
    About Westeros

    [​IMG]
    Figure 2 : Westeros ---- Seven Kingdoms & The Land Always Winter

    ดินแดน เวสเทอรอส ประกอบด้วยสองส่วนที่สำคัญด้วยกันคือ

    1. Seven Kingdoms หรือ เจ็ดราชอาณาจักร ดินแดนทางใต้ผากำแพง
    2. Beyond the Wall หรือ ดินแดนเหนือผากำแพง ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น The Land of Always Winter หรือ เหมัตน์คาม
    โดยทั้งสองส่วนแยกจากกันด้วย The Wall หรือ ผากำแพง ที่ถูกสร้างขึ้นจากฝีมือคนในเจ็ดราชอาณาจักร

    ลักษณะของเวสเทอรอสมีลักษณะเป็นแนวยาวและแคบ มีความยาวประมาณ 3000 ไมล์ และความกว้าง (ส่วนที่กว้างสุด) 900 ไมล์
    เวสเทอรอสล้อมรอบไปด้วย
    - ทะเลแคบ / Narrow Sea ทางทิศตะวันออก

    - ทะเลฤดูร้อน / Summer Sea ทางทิศใต้
    - ทะเลอัศดง / Sunset Sea ทางทิศตะวันตก


    [​IMG]
    Figure 3 : Westeros ---- Seven Kingdoms

    ดินแดนต่างๆ (โดยสังเขป) ในเวสเทอรอสแบ่งแยกได้เป็นดังนี้
    1. Beyond the Wall / ดินแดนเหนือผากำแพง
    เป็นดินแดนตอนเหนือสุดของเวสเทอรอส มีอากาศหนาวเย็นมาก นอกจากแผ่นน้ำแข็งแล้วก็ยังประกอบด้วยป่าขนาดใหญ่ Haunted forest และภูเขา Frostfangs พวกที่อาศัยอยู่แถบนี้คือพวก free folk / wildling หรือคนเถื่อน
    .
    .

    2. The North / ดินแดนเหนือ (สีเทาในแผนที่)
    เป็นดินแดนที่อยู่ทางใต้ติดกับผากำแพง และเป็นส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน เจ็ดราชอาณาจักร ปกครองโดยตระกูล
    สตาร์คแห่งวินเทอร์เฟล ในฐานะพระราชาและต่อมาในฐานะลอร์ด ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวปฐมบุรุษ

    มีนครขนาดใหญ่คือ White Harbor ทางใต้ของดินแดนคือ The Neck หรือ คอคอด เป็นชัยภูมิและอาณาเขตกันระหว่างดินแดนทางใต้

    ศาสนาที่คนส่วนใหญ่นับถือคือ
    บุรพเทพ / Old God ยกเว้นใน White Harbor ที่นับถือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม / Faith of the Seven และดินแดนที่ติดกับผากำแพงรวมถึงผากำแพงเป็นอาณาเขตของ หน่วยพิทักษ์ราตรี / Night's Watch

    บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Snow'

    .
    .

    3. The Iron Islands / หมู่เกาะเหล็ก (สีเหลือส้มรูปปลาหมึกในแผนที่)
    เป็นดินแดนตะวันตกสุดของเวสเทอรอสในทะเลอัศดง ประกอบด้วยหมู่เกาะ 7 เกาะในอ่าว Ironman's Bay ได้แก่ Pyke, Great Wyk, Old Wyk, Harlaw, Saltcliffe, Blacktyde และ Orkmont

    ในหมู่เกาะเหล็กนั่นแห้งแล้ง ไม่สามารถเพาะปลูกได้ ที่เพาะปลูกได้ก็ให้ผลน้อยเนื่องจากสภาพภูมิประเทศและอาณาไม่เหมาะสม อันเนื่องด้วยความไม่มีจะกินทำให้พวกเขาเรียกตัวเองว่าเป็น ชนชาติเหล็ก / Ironmen, Ironborn อ้นแสดงถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างจากคนบนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่อย่างสุขสบาย อย่างไรก็ดีที่นี่มีความมั่งคั่งในงานด้านเหมืองหลายประเภทโดยเฉพาะเหล็กและตะกั่ว

    หมู่เกาะเหล็กปกครองด้วยตระกูล
    เกรย์จอยแห่งไพค์ ซึ่งปกครองมาตั้งแต่หลังสงครามพิชิตดินแดนของเอกอน อย่างไรก็ตามในสมัยก่อนพวกเขาปกครองโดยตระกูลอื่นซึ่งสถาปนาตนเองเป็นพระราชาปกครองดินแดนส่วนใหญ่ของ Riverlands และในยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกทั้งหมดเป็นของชนชาติเหล็ก อันเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงความสามารถและความเข็มแข็งของชนชาตินี้
    ศาสนาของชนหมู่เกาะเหล็กคือ ชลคตเทพ / Drowned God ซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของชาวปฐมบุรุษ และเป็นเทพเจ้าที่มีความโหดไม่แพ้ชนชาติเหล็กที่นับถือเลย

    บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Pyke'

    .
    .

    4. The Riverlands / ดินแดนลุ่มน้ำ (สีฟ้าในแผนที่)

    ดินแดนลุ่มน้ำเป็นดินแดนที่อยู่ถัดลงมาจากดินแดนเหนือใต้บริเวณคอคอด ถือเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทำให้ในสมัยก่อนเกิดการแย่งชิงดินแดนนี้กันเนื่องๆ โดยมีภูมิประเทศสำคัญคือ สามง่าม / Trident

    ในอดีตดินแดนนี้ถูกแบ่งส่วนปกครองโดยหลายพระราชามีการรบพุ่่งกันต่อเนื่อง ครั้งสุดท้ายก่อนสงครามพิชิตดินแดนของเอกอน ดินแดนลุ่มน้ำทั้งหมดถูกปกครองโดยตระกุล Hoare แห่งหมู่เกาะเหล็ก แต่หลังพ่ายแพ้แก่เอกอนจนสิ้นตระกูล ตระกลู ทัลลี่แห่งริเวอร์รัน ลอร์ดผู้สวามิภักดิ์ต่อเอกอนก็ได้ปกครองแทน

    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม ซึ่งแม้ทัลลี่จะเป็นตระกูลปฐมบุรุษแต่ก็ได้เปลี่ยนศาสนา แต่ยังมีบางตระกูลที่ยังนับถือทวยเทพองค์เก่าอยู่เช่นกัน

    บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Rivers'

    .
    .

    5. The Vale of Arryn / หุบเขาแห่งอาร์ริน (สีน้ำเงินขาวในแผนที่)
    ดินแดนหุบเขาแห่งอาร์รินจัดเป็นดินแดนทางตะวันออกสุดของเจ็ดราชอาณาจักร ดังจะเห็นได้ว่าชื่อลอร์ดเป็นลอร์ดผู้พิทักษ์ตะวันออก โดยมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนมาก (ใน Figure 2) โดยเป็นเทือกเขาพระจันทร์ / Mountains of the Moon และมีประชากรอยู่อาศัยในระหว่างหุบเขาซึ่งค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีนคร Gulltown เป็นนครท่าสำคัญและมีประชากรมากเป็นลำดับที่สี่

    ตระกูล อาร์รินแห่งอายรี่ คือผู้ปกครองดินแดนนี้ โดยสืบเชื้อสายเชื้อชนชั้นสูงชาวแอนดัลที่บริสุทธิ์และเก่าแก่ที่สุด โดยปกครองต่อจากพระราชาชาวปฐมบุรุษเมื่อกว่าหลายพันปีมาแล้ว

    ในดินแดนนี้มีคนป่าเผ่าต่างๆ ในภูเขาคอยออกปล้นอยู่บนเส้นทางสัญจร ซึ่งเพราะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนและอยู่สูงอากาศหนาวเย็นทำให้เส้นทางสัญจรมีเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถตรงสู่อายรี่ได้ ทำให้การเดินทางไปยังที่นั่นค่อนข้างลำบากพอตัว

    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Stone'
    .
    .

    6. The Wastelands / ดินแดนตะวันตก (สีแดงสิงโตทองในแผนที่)
    ดินแดนตะวันตกก็คือดินแดนในแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ตะวันตกสุดสมชื่อ มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาเช่นเดียวกับ หุบเขาแห่งอาร์ริน แต่ไม่สูงชันเท่า และเป็นแหล่งเหมืองทองและเงินที่่มั่งคั่งที่สุดในเวสเทอรอส ประชาชนมักเรืยกตนเองว่า Westernmen

    ตระกูล แลนนิสเตอร์แห่งคาสเทอร์ลี่ร็อค ปกครองดินแดนนี้ต่อจากตระกูลคาสเทอร์ลี่ตั้งแต่หลายพันปีก่อนในฐานะราชาและต่อมาในฐานะลอร์ด โดยมีนครแลนนิสพอร์ทเป็นนครท่าสำคัญ และมีจำนวนประชากรมากเป็นลำดับที่สาม

    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Hill'
    .
    .

    7. The Crownlands / ดินแดนพระราชา (สีแดงส้มังกรในแผนที่)

    ดินแดนพระราชา / ดินแดนมงกุฏ เป็นอาณาเขตที่เกิดขึ้นใหม่ในสมัยของเอกอนผู้พิชิต เป็นดินแดนที่เอกอนขึ้นฝั่งและพิชิตได้เป็นที่แรก โดยจุดแรกคือที่ตั้งของนคร King's Landing อันมีความหมายตามชื่อ นครที่กษัตริย์เอกอนแลนดิ้งลงมาจากมังกรนั่นเอง และยังได้เพิ่มส่วนของ เกาะมังกร / Dragonstone ดินแดนดั้งเดิมของทาร์แกร์เรียนเข้ามาด้วย

    ดินแดนนี้ปกครองโดยตระกูลกษัตริย์ ทาร์แกร์เรียน ชาววาไลเรียน และต่อมาเป็นตระกูล บาร์ราเธียน ภายหลังการกบฎ
    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม แม้ว่าตระกูลทาร์แกร์เรียนจะทำผิดหลักศาสนาโดยการสมรสระหว่างพี่น้องก็ตาม บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Waters'
    .
    .

    8. The Reach / ท้องทุ่ง (สีเขียวในแผนที่)
    ดินแดนรีชเป็นดินแดนใต้สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดรองจากดินแดนเหนือ และเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดด้วย ทำให้มีจำนวนประชากรมากกว่าดินแดนอื่น อาณาเขตที่ติดกันอย่างดินแดนดอร์นนั้นถือเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาช้านานและมีสงครามเล็กๆ ต่อเนื่องไม่หยุดแม้ว่าในปัจจุบันละลดน้อยลงมากแล้วก็ตาม มีนครสำคัญที่เก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินอย่างนคร โอลด์ทาว์น ซึ่งมีจำนวนประชากรมากเป็นลำดับที่สองรองจากนครหลวง

    ปกครองโดยตระกูล ไทเรลแห่งไฮการ์เดน ซึ่งแต่เดิมมีฐานะเป็นพ่อบ้านของตระกูล การ์เดนเนอร์ ซึ่งสิ้นตระกูลไปในสงครามพิชิตดินแดน
    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม โดยมีศูนย์กลางในอดีตที่นครโอลด์ทาว์น ปัจจุบันย้ายไปยังนครหลวงแล้ว บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Flowers'
    .
    .

    9. The Stormlands / ดินแดนวายุคำราม (สีเหลืองกวางดำในแผนที่)
    ดินแดนนี้อยู่ถัดลงมาทางใต้จาก คราวน์แลนด์ ทางทิศตะวันออกเป็น อ่าวเรือแตก ส่วนทางทิศใต้เป็นทะเลแห่งดอร์น โดยภูมิประเทศประกอบด้วยป่า ภูเขา และชายฝั่งที่เต็มไปด้วยโขดหิน

    ในอดีตดินแดนนี้ถูกปกครองโดยตระกูล ดูร์แรนดอน ก่อนจะสิ้นตระกูลในสงครามพิชิตดินแดน และกลายเป็นดินแดนของตระกูล บาร์ราเธียน ที่เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลทาร์แกร์เรีย ซึ่งปัจจุบันถือเป็นตระกูลกษัตริย์
    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Storm'
    .
    .

    10. Dorn / ดอร์น (สีแดงล่างสุดในแผนที่)
    ดอร์นเป็นดินแดนที่เคยเชื่อมต่อกับ Essos ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ ปฐมบุรุษ อพยพเข้ามา ก่อนที่ทางเชื่อมนั้นจะถูกทำลายด้วยเวทมนตร์ของเด็กๆ แห่งพงไพร ภูมิประเทศของดอร์นร้อนและแห้งแล้ง เป็นที่เดียวที่มีทะเลทราย มีภูเขาสำคัญคือ เรดเมาท์เทน ประชากรแถบนี้เรียกตนเองว่า Dornishmen และมีวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากประชาการแถบอื่น เนื่องเพราะมีการรับเอาวัฒนธรรมของชาว รอยนาร์ ชนชาติจาก Essos ซึ่งอพยพมาในช่วงที่ วาไลเรียนกำลังแผ่ขยายอำนาจใน Essos


    ดอร์นเป็นที่ตั้งของหลายอาณาจักรที่รบพุ่งกันไปหยุดหย่อนตั้งแต่สมัยปฐมบุรุษ เรื่อยมาถึงสมัยแอนดัล จนกระทั่ง ราชินีนักรบ ไนมีเรียพาชาวรอยนาร์หลายร้อยคนอพยพมา และวิวาห์กับราชามาร์เทล รวมสองตระกูลจึงปราบอาณาจักรทั้งหมดในกลายเป็นหนึ่งเดียวได้ ตระกูล มาร์เทลแห่งซันสเปียร์ จึงปกครองในฐานะเจ้าชาย ซึ่งเป็นตำแห่งสูงสุดตามวัฒนธรรมชายรอยนาร์เรื่อยมา แม้ในสมัยเอกอนพิชิตดินแดนก็มิอาจผนวกดอร์นไว้ได้ จนกระทั่งการวิวาห์กับตระกูลทาร์แกร์เรียนจึงสามารถรวมดอร์นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเจ็ดราชอาณาจักรได้ในเวลาต่อมา

    ศาสนาในดินแดนคือ สัตตพักตรศรัทธาธรรม บุตร/ธิดานอกสมรสจะใช้นามสกุล 'Sand'
    .
    .

    ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศของเวสเทอรอส

    ในดินแดนเหนือผากำแพงได้ชื่อว่ามีอากาศหนาวเย็นเยือกแข็งตลอดกาลสมชื่อ The Lands of Always Winter

    และในเรื่องระบุไว้ว่าช่วงฤดูร้อนและหนาวในเวสเทอรอสนั้นยาวนานได้หลายๆ ปี สลับกันไป โดยการบอกการเปลี่ยนของฤดูจะเป็นหน้าที่ของเมสเตอร์ ซึ่งตรวจวัดช่วงเวลาของกลางวันกลางคืน เก็บข้อมูลของอุณหภูมิ และการเติบโต/ผลิใบของต้นไม้ ซึ่งจะช่วยในการบอกถึงเวลาที่ควรเก็บเกี่ยวเพื่อกักตุนอีกด้วย ซึ่งในเล่มสี่มีการบอกถึงการสิ้นสุดฤดูร้อนอันยาวนานซึ่งกินเวลาเป็นสิบปี และเข้าสู่ฤดูหนาว

    โดยจะมีคำกล่าวที่ได้ยินกันบ่อยในหนังสือคือ "ฤดูร้อนที่ยาวนาน หมายถึงฤดูหนาวที่ยาวนานยิ่งกว่า" ซึ่งเป็นเหมือนคำที่แสดงความหวาดกลัวของผู้คนต่อฤดูหนาว ที่ไม่เพียงสื่อถึงความอดอยาก หนาวเหน็บ แต่มันยังหมายถึงโรคภัย ความตาย และบางทีอาจเป็นเหมันต์ภูติ ที่เคยบุกดินแดนกว่าหลายพันปีตั้งแต่สมัยปฐมบุรุษก็เป็นได้

    เหตุการณ์ในปัจจุบันเกิดช่วงปี 298-300 AC ซึ่งตรงกับฤดูดังนี้
    ปี 288-299 AC (ศักราชเอกอน) - ฤดูร้อนอันยาวนานในประวัติศาสตร์ 10 ปี 2 เดือน 16 วัน
    ปี 299-300 AC - ฤดูใบไม้ร่วง 1 ปีครึ่ง
    ปี 300 AC - ฤดูหนาวเริ่ม
    .
    .

    ว่าด้วยเผ่าพันธ์ุ
    ในเวสเทอรอสประกอบด้วยเผ่าพันธ์ุหลักๆ 4 ประเภทด้วยกัน คือ มนุษย์, เด็กๆ แห่งพงไพร, ยักษ์ และเหมันต์ภูติ
    .
    .

    สำหรับทู้เปิดก็ขอเขียนเท่านี้ก่อน เรื่องต่อไปอยากให้พูดถึงดินแดนไหนก็บอกกันมาได้นะครับ



    Main article: Crownlands
    Last edited: 3 พฤศจิกายน 2014
    CherryBoy, plakinmek, Fangiris และอีก 5 คน ถูกใจข้อความนี้
  2. Lord wizz

    Lord wizz อัศวินไร้นาย

    เหงามานาน ขอบคุณมากครับ ชอบเรื่องของดอร์นเป็นพิเศษครับ :whip::whip::whip:
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  3. Hodor is coming

    Hodor is coming ราชองค์รักษ์

    [​IMG]
    กรี๊ดดดดดด!!!!! ท่านเมสสสสสสสส!!!!!! หายไปนาน เหล่าสาวกคิดถึงนะขอรับท่าน
    Levantine Storyteller, Kurodo และ สุนัขป่าโลกันตร์ ถูกใจข้อความนี้
  4. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    มิสโฮดอร์ก็มาพร้อมการขโมยซีนตลอดเลยนะครับ

    ไว้เร็วๆ นี้ผมจะ Dorne ตามคำขอคุณ Lord wizz
    Hodor is coming และ Lord wizz ถูกใจข้อความนี้
  5. ผมเพิ่งได้อ่าน ไกด์การออกเสียง จากหนังสือซิลมาริลเลียน

    AE อ่านว่า ไอ...

    แปลว่า Maester อ่านว่า ไมย์สเตอร์
    Daenerys อ่านว่า ไดเนอริส
    CherryBoy, Hodor is coming, plakinmek และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  6. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    ผมเคยอ่านเรื่องนี้อยู่เมื่อก่อน เจอบทสัมภาษณ์ของคนเขียนที่บอกว่าออกเสียงยังไงก็ได้ตามใจคุณ ผมก็เลยทำตามนั้นมาตลอด ผมว่า Maester อ่านว่า (มะ-เอส)-เตอร์ ส่วน Daenerys อ่านว่า (ดะ-เอ)-เน-ริส ในวงเล็บหมายถึงออกเสียงรวมกันสั้นๆ
    Hodor is coming, plakinmek และ Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  7. Lord wizz

    Lord wizz อัศวินไร้นาย

    ขอบคุณท่าน Grand Kurodo มากขอรับ
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  8. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    Dorne // แคว้นดอร์น

    [​IMG]

    ----ภูมิประเทศ----
    ดอร์นเป็นดินแดนส่วนที่อยู่ทางตะวันออก-ใต้สุดของทวีปเวสเทอรอส โดยเป็นดินแดนส่วนที่แห้งแล้งและเป็นที่แห่งเดียวที่มีทะเลทราย นอกจากนี้ดินแดนส่วนใหญ่ยังประกอบไปด้วยเทือกเขา/ภูเขาที่แห้งแล้ง ทางใต้ติดกับทะเลฤดูร้อน ตะวันตกติดกับแคว้นรีช เหนือติดกับทะเลแห่งดอร์นกับภูเขาแดงซึ่งขวางกั้นกับแคว้นสตอร์มแลนด์ และตะวันออกคือสเตปสโตน (Stepstones) ซึ่งเป็นหมู่เกาะในทะเลแคปที่ตั้งอยู่ระหว่างเวสเทอรอสและเอสซอส
    .
    มีสองเส้นทางที่ตัดตรงเข้าสู่ดอร์นคือ กระดูกมรรคา (Boneway) และเส้นทางแห่งเจ้าชาย (Prince's Pass) ซึ่งเป็นสองเส้นทางที่ผ่านเทือกเขาแดงจากสตอร์มแลนด์มายังดอร์น โดยกระดูกมรรคาจะเป็นเส้นทางที่อยู่เหนือกว่าและใกล้กับทะเลแห่งดอร์นซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่ วังฤดูร้อน (Summerhall) สถานที่อันเกิดโศกนาฎกรรมมากมายแก่ตระกูลแทร์การ์เรียนในแคว้นสตอร์มแลนด์ ส่วนเส้นทางแห่งเจ้าชายจะอยู่ลึกลงมาในแผ่นดินและมีจุดเริ่มต้นที่ไนท์ซองค์ (Nightsong) ในแคว้นสตอร์มแลนด์

    [​IMG]
    Stepstones


    แม้จะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่แห้งแล้งที่สุดในเวสเทอรอสแต่ดอร์นก็มีแม่น้ำหลายสายซึ่งไหลลงสู่ทะเลและระหว่างแม่น้ำก็เป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ที่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ดีแม่น้ำในแผ่นดินนั้นก็มีค่าดังทองคำได้รับการปกปักดูแลเป็นอย่างดี
    .
    แม่น้ำสายหลักคือ เส้นเลือดเขียว (Greenblood) ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของดอร์นไหลสู่ทะเลแคบ ซึ่งเกิดจากการรวมกันของแม่น้ำสองสายคือ Vaith และ Scourge ส่วนที่ปากแม่น้ำ Greenblood เป็นเมืองท่าสำคัญคือ Planky Town
    .
    แม่น้ำอีกสายคือ Brimstone ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้สุดไหลลงสู่ทะเลฤดูร้อน มีเมืองสำคัญที่แม่น้ำนี้ไหลผ่ากลางคือ Hellholt, แม่น้ำ Torentine มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแดงและไหลไปออกทะเลฤดูร้อนที่ Starfall, แม่น้ำ Wyl ไหลคู่ขนานไปกับ กระดูกมรรคา ลงสู่ทะเลแห่งดอร์น, และแม่น้ำอีกเส้นตรง Yronwood
    .
    ดอร์นประกอบด้วยชายฝั่งทะเลที่ยาวกว่า 400 ลีก อย่างไรก็ดีมีไม่มากที่สามารถจอดเรือได้อย่างปลอดภัย

    -----ประชากร-----
    ดอร์นมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในเจ็ดราชอาณาจักร ซึ่งมีวัฒนธรรมที่ผิดแผกแตกต่างไปจากที่อื่นอย่างมากอีกด้วย (กระทั่งปฐมบุรุษแห่งแคว้นเหนือก็ไม่ผิดแผกไปกับแอนดัลแห่งเจ็ดราชอาณาจักรที่เหลือเท่าที่ดอร์นเป็น) เหตุผลความแตกต่างมาจาก ชาวรอยนาร์ (Rhoynish) ที่อพยพเข้ามาอยู่ในยุคสมัยก่อนสงครามพิชิตดินแดน และได้สร้างวัฒนธรรมหยั่งลึกลงในดินแดนดอร์น ซึ่งมีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมของปฐมบุรุษและแอนดัลซึ่งเป็นเชื้อสายดั้งเดิมของชาวดอร์นิช
    .
    ชาวดอร์นิชขึ้นชื่อเรื่องความเลือดร้อน บ้าเซ็กซ์ (แน่นอนว่าส่วนหนึ่งคงต้องโทษสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศด้วย) ไว้ใจคนอื่นยาก และชื่นชอบการประลองแข่งขัน
    Last edited: 17 พฤศจิกายน 2014
    Lord wizz, Levantine Storyteller, Hodor is coming และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  9. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    กลัวจะกลายเป็น ไอเมย์สเตอร์ สิครับ แหม่

    ผมชื่นชอบการออกเสียงเช่นนี้ครับ
    Lord wizz และ Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้
  10. ชาซารี

    ชาซารี ราชองค์รักษ์

    ทำไมดอร์นมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดล่ะคะ เพราะภูมิประเทศที่แห้งแล้ง,พื้นที่อยู่อาศัยน้อย,นิสัยคนทำให้อายุไม่ยืน หรือว่า นิยมมีลูกน้อย (บ้าเซ็กซ์ ก็ไม่น่าน้อยนะ:notworthy:) เจ้าชายดอรันกับโอเบอรินก็มีลูกหลายคน ส่วนตัวคิดว่าสงครามที่ผ่านๆมาทำให้ชาวบ้านในดินแดนอื่นตายไปจำนวนมาก มีแต่แคว้นที่ไม่ได้ผลกระทบอย่าง Vale Reach Dorn น่าจะมีคนพิ่มขึ่นบ้าง
  11. คงเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และฟังๆ ดู แม่น้ำเลือดเขียวก็ดูเล็กๆ ไม่น่าจะรองรับเมืองใหญ่ๆ เหมือนแม่น้ำไนล์หรือไทกริส/ยูเฟรติสได้นะครับ
    Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้
  12. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    อาจเป็นเพราะอัตราการรอดชีวิตของเด็กน้อย ถ้าอัตราการรอดชีวิตต่ำ คนก็อาจพยายามมีลูกให้มากไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นดินแดนแร้นแค้น วิถีชีวิตก็จะส่งเสริมค่านิยมนี้ และเป็นสิ่งสะท้อนค่านิยมนี้ ดังนั้นการมีคู่รักหรือนางหรือนายบำเรอหลายคนเปลี่ยนไปมามากหน้าหลายตา การพยายามทำให้ภรรยาของสามีที่ตายไปให้แต่งงานใหม่ไวๆ อาจด้วยการบังคับด้วยการถือครองทรัพย์สินก็ไม่แปลกอะไร ตัวอย่างที่ผมรู้ก็เช่น มองโกลสมัยโบราณ ประเทศโลกที่สามในแอฟริกา
    ชาซารี ถูกใจข้อความนี้
  13. pat643

    pat643 นักดาบฝึกหัด

    วัฒนธรรมเป็นไปตามสภาพที่ๆอยู่แหละมั่งครับ

    พวกประเทศที่อยู่ในที่ลำบากๆ อย่างตะวันออกกลาง หรือ ประเทศกลางทะเล

    ส่วนมากยอมรับการมีเมียน้อย มั่วเซ็กซ์ได้อย่างสบายใจ

    แม้แต่ประเทศที่ถือว่าเข้าสังคมโลกแล้วหลายประเทสรัสเซียมักจะมีข่าวไขหูไม่ค่อยลงโทษคนมีเมียน้อย

    เพราะเขาต้องการ Manpower มากๆขณะที่มีปัจจัยธรรมชาติทำให้คนโตยากตายเร็วเยอะ
    Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้
  14. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    -----ประวัติศาสตร์-----

    ต้นตระกูลของชาวดอร์นิชเป็นปฐมบุรุษ โดยมีความสำคัญคือ ดอร์น เป็นสถานที่แห่งแรกในเวสเทอรอสที่ปฐมบุรุษได้เหยียบย่างเข้ามา โดยผ่านทาง Arm of Dorne ซึ่งแต่เดิมเคยเชื่อมต่อกับ Essos (เส้นปะในรูป)

    เด็กๆแห่งพงไพร คือประชากรกลุ่มแรกและดั้งเดิมของเวสเทอรอส (เช่นเดียวกับยักษ์) ก่อนที่ปฐมบุรุษจะอพยพเข้ามาจาก Essos สู่เวสเทอรอส ผ่านทาง Arm of Dorne ราวๆ หมื่นปีก่อน ซึ่งก่อนให้เกิด Great War สงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธ์ุ

    ในระหว่างสงครามเด็กๆ แห่งพงไพร ได้แสดงอำนาจเวทมนตร์อันทรงพลังอำนาจคือการทำลาย Arm of Dorne เพื่อยับยั้งการไหลบ่าของปฐมบุรุษสู่เวสเทอรอส แต่นั่นก็สายเกินไป อย่างไรก็ตามสงครามจบลงด้วยการสงบศึกกัน



    [​IMG]


    @ ดอร์นในยุคของปฐมบุรุษแห่งแอนดัล

    ภายหลังสงครามระหว่างปฐมบุรุษ และเด็กๆ แห่งพงไพร ดอร์นซึ่งเป็นอาณาบริเวณที่ร้อนที่สุด กลายเป็นอาณาจักรของปฐมบุรุษ ซึ่งจะด้วยสภาพภูมิประเทศก็ดีที่ไม่เอื้อต่อการปกครอง ทำให้ดอร์นเด็มไปด้วยอาณาจักรนับสิบแห่งที่ต่อสู้แย่งชิงกันขึ้นเป็นหนึ่ง กระนั้นก็ไม่เคยมีตระกูลของราชาองค์ใดสามารถรวมอำนาจได้

    เมื่อชาวแอนดัลอพยพมาจาก Essos ผ่านทางหุบเขาแห่งอาร์ริน ดอร์นก็เป็นเช่นเดียวกับอาณาจักรอื่นของปฐมบุรุษคือถูกกลืนโดยสงครามและการวิวาห์ ซึ่งตระกูลส่วนใหญ่ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็นชาวแอนดัล กระนั้นก็ยังคงไม่มีตระกูลใดสามารถรวมอาณาจักรดอร์นให้เป็นหนึ่งได้
    โดยตระกูลที่เป็นที่รู้จักในฐานะราชาและยังคงสืบเชื้อสายถึงปัจจุบัน ได้แก่ ยอร์นวูด (ตระกูลนี้ยิ่งใหญ่สุดในดอร์นในขณะนั้น), มาร์เทล, ฟาว์เรอร์ และ แมนวูดดี เป็นต้น

    [​IMG]


    @ ว่าด้วยการอพยพของชาวรอยนาร์

    ราวๆ 700 ปีก่อนศักราชเอกอน ช่วงเวลานั้นใน Essos เต็มไปด้วยสงคราม หรือนัยหนึ่งอาจพูดว่าเป็นการขยายอาณานิคมก็ได้ ของ วาไลเรียน อาณาจักรของเหล่ามนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเนื่องเพราะพวกเค้าบังคับควบคุมมังกรได้ และพูดได้ว่ากองทัพมังกรนั้นใกล้เคียงกับคำว่าไร้พ่ายมาก

    อาณาจักรใหญ่เล็กใน Essos ล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ทีละอาณาจักร อาณาจักร Rhoynar ก็เป็นหนึ่งในนั้น รอยนาร์เป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ที่แม่น้ำ Rhoyne ใน Essos ซึ่งพวกเค้าเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สอนเทคนิคการทำเหล็กให้แก่ชาวแอนดัล (แม้ว่า สัตตพักตรศรัทธาธรรม จะบอกว่าเทพช่างเหล็กต่างหากที่มอบให้ชาวแอนดัลก็ตาม) ผมเอาภาพเมืองสำคัญของอาณาจักรมาให้ชมซึ่งแสดงให้เห็นถึงขนาดของอาณาจักรนี้ว่าใหญ่โตเพียงไร Ny Sar เป็นเมืองหลวง และทุกเมืองถูกวาไลเรียนทำลายลงแล้ว

    [​IMG]

    เจ้าชายการินได้นำกำลังชาวรอยนาร์ 250,000 คน ออกไปเผชิญหน้ากับ วาไลเรียน แน่นอนพวกเขาทั้งหมดไม่มีใครรอดชีวิต ราชินีนักรบไนมีเรียจึงได้นำชาวรอยนาร์ที่เหลืออพยพหนีจาก Essos มายังเวสเทอรอส

    [​IMG]

    ราชินีนักรบไนมีเรียได้นำชาวรอยนาร์ที่เหลือทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กจำนวนมากกว่า 10000 ลำเรือ อพยพมายังเวสเทอรอส โดยขึ้นฝั่งที่ ซันสเปรียร์ ได้พบกับ ลอร์ดมอร์ส มาร์เทล และได้วิวาห์กัน ซึ่งทำให้ตระกูลมาร์เทลกลายเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจขึ้นมา ทั้งจากจำนวนคนและอาวุธ อย่างไรก็ตาม ไนมีเรีย คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดที่ตระกูลมาร์เทลได้รับ ภายใต้การบัญชาการและคำแนะนำของไนมีเรีย ตระกูลมาร์เทลสามารถกำราบราชาทั้งหลายแห่งดอร์นได้

    ราชาชาวดอร์นิช 6 องค์ พ่ายแพ้และถูกจับส่งไปยังผากำแพง ราชาตระกูลฟาวเลอร์สวามิภักดิ์ต่อมาร์เทล แต่ตระกูลยอร์นวูดซึ่งทรงอำนาจที่สุดในบรรดาราชาชาวดอร์นิชยังคงต่อต้านแต่สุดท้ายก็มิอาจต้านทานอำนาจได้ อย่างไรก็ตามยอร์นวู๊ดยังถือเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุด โดยมีฐานะเป็น The Bloodroyal เป็นรองแต่มาร์เทล

    [​IMG]

    [​IMG]

    ไนมีเรียได้ชื่อเป็นบุคคลในตำนานของดอร์น และเวสเทอรอส ด้วยความสามารถทางการรบและสติปัญญา เธอวิวาห์กับลอร์ดมอร์ส มาร์เทล เพื่อให้ชาวรอยนาร์มีที่อยู่อาศัย และใช้ความสามารถปกครองดอร์นให้กลายเป็นหนึ่งด้วย ซึ่งไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน วัฒนธรรมของชาวรอยนาร์จึงแข็งแกร่งอยู่ในดอร์น

    [​IMG]

    ไนมีเรียปกครองชาวรอยนาร์ในฐานะเจ้าหญิงที่นคร Ny Sar เชื่อว่าเจ้าชายการินผู้ยิ่งใหญ่ น่าจะเป็นพี่ชายหรือพ่อของเธอเอง และด้วยวัฒนธรรมรอยนาร์ แม้จะเป็นสตรีแต่ก็สามารถสืบทอดในฐานะทายาทได้ ซึ่งวัฒนธรรมนี้ก็ตกทอดมายังดอร์นในปัจจุบัน แต่ก็ปรากฎให้เห็นเฉพาะตระกูลมาร์เทลเท่านั้น

    ยกเว้นเรื่องศาสนาที่มีอิทธิพลน้อยมาก (อาจเนื่องจากแหล่งกำเนิดของเทพเจ้าล้วนแล้วแต่อยู่ที่ Essos) วัฒนธรรมอื่นๆ ของชาวรอยนาร์ล้วนแล้วแต่ปรากฎให้เห็นในดอร์น และชาวดอร์นิช ซึ่งแตกต่างจากชาวเวสเทอรอสที่อื่นอย่างสิ้นเชิง

    [​IMG]
    บัลลังก์แห่งดอร์น



    @ ว่าด้วยสงครามพิชิตดินแดน

    เอกอน ทาร์แกเรียน ซึ่งเป็นตระกูลเล็กๆ ของวาไลเรียน แต่เป็นตระกูลเดียวที่หนึรอดจากภัยพิบัติที่ทำลายวาไลเรียนลงได้ด้วยการพยากรณ์ของแดนี่ผู้มีฝัน ได้บุกมายังเวสเทอรอสและพิชิตดินแดนนี้ตั้งแต่แคว้นเหนือจรดแคว้นรีช กระนั้นดอร์นก็ยังรอดพ้นจากสงครามไปได้ด้วยยุทธวิธีกองโจร ซึ่งมังกรมิได้เพิ่มความได้เปรียบแต่อย่างใด ซึ่งเรนิสและเมอร์แรกซิสมังกรของเธอได้ตายในระหว่างการพิชิตดอร์น โดยมิอาจพิชิตได้

    [​IMG]


    @ ว่าด้วยสงครามแห่ง Stepstones

    Stepstones คือเกาะที่เป็นแผ่นดินดั้งเดิมที่เชื่อมระหว่าง เวสเทอรอส กับ Essos โดยในปี 110 ศักราชเอกอน The Triarchy ร่วมมือกับดอร์น กบฎต่อ ทาร์แกร์เรียน ในยุคสงคราม การร่ายรำของมังกร ซึ่งแน่นอนว่าพ่ายแพ้



    เด๋วผมมา edit ต่อนะครับ
    CherryBoy, Hodor is coming, Lord wizz และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  15. ชาซารี

    ชาซารี ราชองค์รักษ์

    แล้วทำไมไนมีเรียขึ้นฝั่งแล้วต้องเผาเรือแสดงความเด็ดขาดด้วยอ่ะ ลอบเก็บไว้เป็นกองกำลังเสริมไม่ได้เหรอ:whistle:
  16. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ส่วนตัวเชื่อว่า ไนมีเรีย ต้องการทำให้ชาวรอยนาร์เห็นว่า แผ่นดินเก่านั้นมิอาจกลับไปได้อีกแล้ว ดอร์นคือแผ่นดินแม่แห่งใหม่ของพวกเค้าที่จะอยู่ชั่วลูกหลาน เหมือนกับที่พระเจ้าตากสินทุกหม้อข้าวก่อนทำสงครามชิงเมืองกลับมา เหมือนเป็นการสร้างกำลังใจให้หึกเหิมและทำให้ไม่พะวงหรือห่วงนู้นนี้ ชาวรอยนาร์จะได้ไม่ต้องพะวงหรือหวนใช้เรือกลับไป และร่วมกันต่อสู้ที่ดอร์น
    CherryBoy และ ชาซารี ถูกใจข้อความนี้

Share This Page