โครงเรื่องแฟนตาซีฝรั่งนี้แบบgoTมันเป็นแบบซ้ำที่เขานิยมทำกันมาใช้ไหมครับ

กระทู้จากหมวด "พูดคุย Game of Thrones" โพสต์โดย pat643, 3 มีนาคม 2014.

  1. pat643

    pat643 นักดาบฝึกหัด

    โครงเรื่องแฟนตาซีฝรั่งนี้แบบgotเป็นแบบซ้ำที่เขานิยมทำกันมาใช้ไหมครับ
    ผมสังเกตุจากการเสพหนังและเกมย้อนยุคฝั่งฝรั่งมานานแล้วนะ
    ว่าบทมันมีแกนเดียวกันหมดเลยบ่อยๆ
    เช่น lord of the ring สู้กับปีศาจโดยคนก็แย่งอำนาจกันเองไปด้วย
    หรือเกม dragon age ที่มีโครงเรื่องโขกมาจากพิมพ์เดียวกัน
    ปีศาจมาบุกแต่คนชิงบัลลังค์กัน
    ลอบฆ่าราชาตายโดยมือขวาราชาคือพ่อตากับเมียคือราชีนี
    มีหน่วยผู้พิทักษ์สีเทาไม่สนใจการเมืองรวบรวมนักโทษมาฝึกสู้กับ
    กลุ่มปีศาลดาร์กสปอน
    พระเอกเป็นลูกตระกูลใหญ่ใกล้ชิดกับราชาที่ถูกพ่อตาราชาล้างตระกูล
    จำเป็นต้อง
    ร่วมกับผู้พิทักษ์สีเทาไปมาๆคนแก่ๆตายหมดได้เป็นผบผู้พิทักษ์สีเทา
    มีมังกร มีปีศาจซอมบี้ บลาๆๆๆๆๆๆ

    มันเป็นแกนเรื่องยอดนิยมที่เขาทำซ้ำๆกันมา
    เหมือนหนังตบตีแย่งผู้ชายบ้านเราป่าวครับ
    Last edited: 3 มีนาคม 2014
    Kurodo และ Lord wizz ถูกใจข้อความนี้
  2. นั่นสิครับ ฝรั่งคนไหนๆ ก็ชอบตบตีแย่งเก้าอี้กันเนอะ

    ...

    ธีมเรื่องในปัจจุบันนี้จะให้คิดธีมใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเลยก็คงจะไม่มีนะครับว่ากันตรงๆ ไม่ว่าจะเขียนเรื่องพระเอกสะสมกบตากแห้งหรืออะไรประหลาดแค่ไหนก็คงมีคนเขียนมาหมดแล้ว สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้จึงอยู่ที่รายละเอียดการดำเนินเรื่อง พัฒนาการตัวละคร การหักมุม อะไรต่างๆ มากกว่า

    อย่างเราๆ ดูซีซํนแรก หรืออ่านหนังสือเล่มแรก มีใครเดาออกไหมว่าคนแต่งหักมุมให้ใครตาย?

    เพียงแต่ธีมเรื่องแฟนตาซีส่วนใหญ่มันเป็นเนื้อเรื่องโลกสวย ในขณะที่ GoT กลับโคตรจะไม่สวยซึ่งทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างโดดเด่นกว่าเรื่องอื่น

    ยกเว้นเกมนะครับ แฟนตาซีดาร์กๆ หน่วยรบสีเทา อย่างที่ว่ามามีให้เห็นในหลายเกมมาก ใน Dragon Age ก็มีหักมุมของตัวเองคือเกรย์วอร์เด็นต้องดื่มเลือดปีศาจอะไรก็ว่าไป

    ส่วนนิยาย ถามว่ามีใครเขียนแบบนี้มาก่อนมั้ย ก็คงมีแหละครับ แต่ผมไม่เคยอ่าน เดี๋ยวรอท่านสมาชิกนักอ่านตัวยงแวะมาตอบครับ
    Last edited: 3 มีนาคม 2014
    Sheep87, OrdinaryDecentCriminal, Kurodo และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  3. Ball

    Ball อัศวินไร้นาย

    โครงเรื่องก็เหมือนหนังจีนกำลังภายใน เหมือนละครจักรๆวงศ์ๆบ้านเราด้วยครับ เพราะการรบพุ่ง แย่งชิงอำนาจ ความเป็นใหญ่มันอยู่คู่กับมนุษยชาติมาทุกยุคทุกสมัยล่ะครับ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร
    แต่จุดนึงที่ GOT มันแตกต่างจากนิยายแฟนตาซีเรื่องอื่นๆคือ ความดาร์ค ที่ตีแผ่ส่วนลึกของจิตใจคนหลากหลายรูปแบบ ไม่มีคนดี 100% ไม่มีคนชั่ว 100% ทุกคนมีด้านมืด ด้านสว่าง เป็นจุดที่ทำให้มันโดดเด่น
    เพราะบ่องตง ถ้าเป็นนิยายแฟนตาซีอัศวินสู้กะสัตว์ประหลาด พระเอกหล่อแสนดี โคตรเก่ง นางเอกสวยน่ารัก สุดท้ายครองรักกันอย่างมีความสุข อะไรประมาณนี้ ผมก็คงไม่อ่านล่ะครับ เพราะมันไม่ใช่แนว
    OrdinaryDecentCriminal, Jakiia, Kurodo และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  4. JimKKWTC

    JimKKWTC พลเดินเท้า

    ขอนอกเรื่องครับ Dragon Age 3 ออกปลายปีนี้นะครับ55555555555
  5. Midnights

    Midnights พลเดินเท้า

    ทั้งหนัง-หนังสือหลายๆเรื่องผมจะรู้ตัวเอกตั้งแต่ต้นๆ แต่GOTดูครั้งแรกไงก็เอ็ดดาร์ค ตอนประหารไม่มีฉากโดนฟัน ก็ยังแอบหวังอยู่อีก:(
  6. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    แฟนตาซีไทยยุคปัจจุบันที่เด็กๆ แต่งกันก็สไตล์นี้เลยครับ ผมอุตส่าห์อุดหนุนแทบทุกเรื่องแต่เดาเรื่องได้ตั้งแต่บทแรก และการดำเนินเรื่องก็ไม่ซํบซ้อน จริงๆ แล้วของต่างประเทศก็มีอย่างนี้เยอะครับและก็ไม่ดังเลย

    จะเห็นว่าขนาดเรื่องในตำนานอย่างลอร์ดเราก็ยังมีฮอทบิทเป็นตัวเอกซึ่งก็ไม่หล่ออะไร (แต่ในหนังอาจจะต้องให้มีหน้าตาดีแบบโฟรโดบ้าง ใครจะยอมดูแต่แซมหรือกอลลั่นทั้งเรื่อง) และตัวละครก็สีเทาเอามากๆ ครับ

    โครงเรื่องหลักของแฟนตาซีจะหนีไม่พ้นตัวร้ายเป็นใหญ่แต่แรกละถูกพระเอก/นางเอกชาติกำเนิดสูงแต่ตกระกำลำบากพิชิตได้แบบงงๆ และเหลือเชื่อ ลอร์ดเองก็เข้าข่ายนี้ เซารอนตัวร้ายระดับเทพ, อารากอนกษัตริย์แห่งวงศ์ชั้นสูงสุดแห่งมนุษย์และเอลฟ์, แหวนถูกทำลายตัวร้ายสิ้น แต่อย่างที่เรามักได้ยินกัน จุดหมายปลายทางอาจไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง การดำเนินเรื่องที่ดีต่อให้เป็นพล็อตง่อยๆ มันก็สนุกได้

    อย่างตัว Song of Ice and Fire ของลุงมาร์ตินเองก็มีจุดริเริ่มมาจากการเยือนแนวกำแพงฮาเดรียนที่โรมันสร้างขึ้นป้องกันชนเผ่าป่าเถื่อนบนเกาะอังกฤษ ลุงแกเลยสงสัยว่าเลยแนวกำแพงไปมีแต่ดินแดนรกร้างหนาวเย็นที่เต็มไปด้วยปีศาจร้ายและมนุษย์จะเอาตัวรอดได้หรือถ้ามันคิดจะข้ามมา ลุงแกเลยสร้างหน่วยพิทักษ์ราตรีและเหมันต์ภูติขึ้นมาเป็นแกนหลัก ก่อนร่ายยาวถึงโลกและบังเอิญว่าเล่มแรก Game of Thrones ที่แกตั้งใจเขียนเกริ่นนำเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเรื่องกลับยาวจนขยายได้เป็นสามเล่ม (Game of Thrones, Clash of Kings, Storm of Swords) โดยโครงเรื่องก็เป็นการหยิบยืมประวัติศาสตร์ของอังกฤษเองในช่วงสงครามกุหลาบ (1455-1487) มาดัดแปลงให้เป็นเรื่องราวของตนเอง


    หนังสือแฟนตาซีเรื่องอื่นๆ ที่มีเนื้อหาค่อนข้างแตกต่างจากแนวทั่วๆ ไปก็ขอยกมาเป็นน้ำจิ้ม ด้านล่างครับ
    ซึ่งเรื่องที่ยกมามักถูกนำมาเปรียบเทียบกับ Song of Ice and Fire หรือมักถูกยกมาเป็นหนังสืออ่านคั่นเวลารอลุงมาร์ตินเขียนเสร็จ

    The First Law Trilogy โดย Joe Abercrombie
    The Blade Itself หนังสือในชุดนี้แสดงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ทางด้านศีลธรรมอย่างสุดโต่งแบบที่ลุงมาร์ตินทำกับเหล่าตัวละครของเค้า ใครที่ชื่อชอบโศกนาฎกรรม ที่ตอนจบของ GOT เล่มแรกเป็น The First Law Trilogy ชุดนี้จะยิ่งกว่าตอบโจทย์ของคุณได้ โลกในเรื่องนี้เลวร้ายอย่างยิ่งมันสร้างขึ้นเพื่อทนสอบศีลธรรมและความแข็งแกร่งของมนุษย์ ดาร์คแฟนตาซีชิ้นนี้เต็มไปด้วยตลกร้ายและอารมณ์ขันร้ายกาจจะพบได้อบอวลทั้งเรื่องซึ่งแตกต่างจาก GOT รวมถึงเส้นเรื่องที่โฟกัสไปยังตัวละครเพียงตัวเดียว

    The Acacia Trilogy โดย David Anthony Durham
    ตัว Durham เองเป็นนักเขียนที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วในงานเรื่องแต่งอิงประวัติศาสตร์ และใน Acacia Trilogy นี้เค้าสร้างมหากาพย์เรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดขึ้นมา โดยโลกใน Acacia Trilogy นี้ได้รับการยกย่องว่าซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียดยิ่งกว่าเวสเทอรอส (และดินแดนอื่นๆ ของมาร์ติน) เสียอีก ตัวละครมากหน้าหลายตาล้วนแล้วแต่ซับซ้อนในเชิงศีลธรรม (มักนิยามว่าตัวละครสีเทา) และจุดมุ่งหมายของแต่ละตัวล้วนไม่แน่นอน (คล้ายคลึงกับตัวละครใน GOT)

    The Earthsea Cycle โดย Ursula K. LeGuin
    หนังสือชุดเอิร์ธซีนี้น่าจะคุ้นหูชาวไทยมากเนื่องจากเคยมีแปลเป็นไทยโดยสำนักพิมพ์ Good Morning มาแล้ว หนังสือเรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลากหลายมากๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเอกด้วยกันทั้งสิ้น (เล่มแรกเป็นเก็ด เล่มสองเป็นเทนาร์ ฯลฯ) ตัวหนังสือมักถูกนิยามว่าเป็นอภิมหาปรัชญาที่ปลอกเปลือยมนุษย์ที่แต่ละตัวล้วนเป็นปุถุชนและการกระทำตามอำเภอใจอันนำมาซึ่งความเสียหายแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้คุณป้าเลอกวินยังตั้งใจเขียนหนังสือสำหรับเด็กโตเป็นหลัก ดังนั้นระหว่างเล่มเหตุการณ์จึงกระโดดข้ามไปข้างหน้าเป็นหลายสิบปีโดยไม่มีการเล่าเรื่องราวส่วนที่หายไปแต่อย่างใด การอ่านหนังสือชุดนี้เหมือนเป็นการท่องไปในโลกอันลี้ลับและท้าทายให้ค้นหาเป็นอย่างมาก

    Stormlight Archive โดย Brandon Sanderson
    เล่มแรกของชุดอย่าง The Way of Kings อาจเกริ่นนำมาด้วยเรื่องราวที่ดูเป็นมาตรฐานของแนวแฟนตาซีด้วยเรื่องราวของกลุ่มมนุษย์ต่อสู้กับอสูรร้าย แต่เรื่องราวต่อมาในอีกพันปีก็ค่อยมีกลิ่นอายแบบมาร์ตินผสมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนชั้นสูงที่ต่างก็จ้องจะแย่งกันครอบครองสิ่งวิเศษด้วยเล่ห์กลทั้งทางการเมืองและการสู้รบ เรื่องราวตัดสลับไปมาระหว่างเหล่าขั้วอำนาจต่างๆ ที่ต่างก็มีตัวเอกแต่ละตัวที่ต่างวาระและจุดประสงค์ที่เข้าร่วมเล่นเกมส์แห่งชีวิตครั้งนี้ แต่เรื่องราวในชุด Stormlight ค่อนข้างจะมีโทนที่สว่างกว่าของลุงมาร์ตินและเวทมนตร์ก็เหมือนเป็นจุดขายที่แตกต่างจากแฟนตาซีสมจริงในปัจจุบัน

    The Chronicles of the Black Company โดย Glen Cook
    หนังสือชุด Black Company มีโครงเรื่องที่คล้ายคลึงในผากำแพงของลุงมาร์ติน โดยโฟกัสไปที่การต่อสู้ระหว่างมนุษย์และปีศาจร้าย แน่นอนว่าเหล่าตัวละครล้วนปะปนในด้านศีลธรรมกันอย่างเมามัน และภายในหมู่พันธมิตรก็มีสิทธิ์แว้งกัดได้ กระนั้นสไตล์การเขียนของเกลน คุกกับลุงมาร์ตินค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คุกนั้นเล่าเรื่องเร็วและเน้นการบรรยายเป็นหลักแต่ก็เลือกที่เล่าผ่านๆ ข้ามเหตุการณ์สำคัญไปโดยไม่ให้รายละเอียด

    The Shadowmarch Tetralogy โดย Ted Williams
    อีกหนึ่งผลงานการสร้างโลกระดับมหากาพย์ที่ละเอียดยิบ หลากหลายตัวละครที่ต่างมีเส้นเรื่องของตัวเอง เล่าผ่านตระกูลหลักอย่าง Eddon แต่เรื่องนี้ค่อนข้างแฟนตาซีกว่า GOT และโทนเรื่องก็ไม่หนักเท่า
    MuzTa, Ball, OrdinaryDecentCriminal และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  7. ZEUS70004

    ZEUS70004 นักดาบฝึกหัด

    ผมไม่เคยอ่านเยอะขนาดนั้น เลยไม่รู้ แต่ผมกับมองว่าเรื่องนี้ต่างจากเรื่องอื่นๆที่ผมเคยอ่านอย่างมาก นิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่ถ้าเป็นวรรณกรรมเยาวชน พระเอกต้องเป็นพระเอก ดีไปหมดให้อภัยไปหมด แต่ถ้าเป็นนิยายก็อาจจะมีไม่ดีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็พระเอกอะนะ (ถ้าจะตายก็ต้องเท่สุดๆ แล้วดู เอ็ดดาร์ค สตาร์ค กับ ร็อบ สตาร์ค สิเท่มั้ย) แล้วนิยายหรือวรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่ ถ้าเป็นแฟนตาซี ก็จะโชว์เวทมนต์อลังการประมาณฉากเรียกมนต์อสูร บาฮามุส ของ ยูนะจัง ตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพื่อให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ แต่เรื่องนี้ไม่ ถ้าอ่านหนังสือเล่มแรกจะเห็นว่าเป็นการสู้ชิงไหวชิงพริบของคนธรรมดา เวทมนต์ มังกร ปิศาจ เป็นแค่ตำนานเท่านั้น ไม่มีใครเชื่อว่ามันเป็นจริงนอกจากเรื่องเล่า (เหมือนพวกเราในปัจจุบัน) แล้วลุงแกก็มาตบหัวทิ่มเอาตอนมังกรฟักจากไข่ บอกให้รู้ว่า "นี่มันเพิ่งเริ่มนะหนูๆทั้งหลาย" นี่ต่างหากล่ะที่ทำผมติดใจอย่างมาก ยังไม่นับว่าต้องนั่งลุ้นว่าใครจะตายแบบเดากันไม่ออก และแกยังสร้างโลกทั้งโลก ผังกระกูลที่ยิบย่อย ความคิดแบบเด็กและแบบผู้ใหญ่มีให้เห็นในตัวละครทั่วไป(ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจโลกตั้งแต่ยังเด็ก) คนเลวก็มีมุมที่ดี ส่วนคนดีก็เลวได้ มันคือคนธรรมดาแบบที่เราเห็นอยู่ทุกวัน อำนาจเยอะก็มีคนคอยโค่น เก่งเยอะก็มีคนอิจฉา ดีมากก็ใช่ว่าจะมีแต่คนรัก พวกที่อยู่ได้ไม่ต้องเป็นคนดีแต่ต้องเป็นคนฉลาดที่รู้จักพูด รู้จักเวลาไหนควรอ่อนน้อม เวลาไหนควรแข็ง เวลาไหนควรประจบ เวลาไหนควร 2 หัว เวลาไหนควรเลว คนแบบนี้ล่ะที่อยู่ได้ดี แม้แต่ปัจจุบัน
    Polarbear และ OrdinaryDecentCriminal ถูกใจข้อความนี้
  8. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    อันนี้ไม่จริงเสมอไปครับ นั่นมันเฉพาะคนที่เลือกเล่นเป็นคนสายอาชีพ Warrior กับ Rogue มีให้เลือกหกแบบ แบบที่ผมชอบที่สุดคือเอลฟ์แขนง City Elf ชีวิตระทอมทุกข์เป็นพลเมืองชั้นสาม สูญเสียวัฒนธรรมไปเกือบทั้งหมด ถูกบังคับให้รับศาสนาของผู้ยึดครองและถูกกดขี่ข่มเหง ตัวเลือกนี้โดดเด่นด้านทางเลือกของตัวละครว่าจะละทิ้งทุกสิ่งที่เคยมีและทุกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเพื่อผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าและชีวิตที่ดูงดงามกว่า หรือจะยืนหยัดเคียงข้างสิ่งและคนเหล่านั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นซึ่งทำให้เสียผลประโยชน์และโอกาสที่กล่าวมาและประสบเคราะห์กรรม แต่ขออุบไว้นะครับว่าทางไหนส่งผลยังไง น่าจะมีคนไม่เคยเล่นเยอะ ถ้าสนใจซื้อก็ไปดูที่ร้านแมงป่องได้ บางสาขามี Collector's Edition ลดราคา ถ้าใครเล่นภาค Origin แล้วข้องใจ ถามผมได้ ผมรู้แทบทุกซอกทุกมุม

    เกมแฟนตาซีที่มีเนื้อเรื่องแนวอื่นก็มีครับเช่น The Witcher แต่อันนี้ผมไม่เคยเล่น ถ้าเป็นเรื่องการใช้แนวเรื่องซ้ำๆ กัน เกมหรือนิยายแนวอื่นก็เหมือนกัน โดยเฉพาะ Sci-Fi เช่น มุกเอเลี่ยนบุก เกมที่ใช้ก็เช่น Halo, Gear of War, Crysis ยิ่งการ์ตูน Marvel กับ DC นี่ยิ่งแล้วใหญ่

    เกมเช่น Heavy Rain, Beyond Two Souls ก็มีลูกเล่นใหม่ๆ เยอะ และเดินเรื่องคล้ายภาพยนตร์ เกมที่เนื้อเรื่องแหวกแนวจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเกมจากค่ายอิสระ

    การริเริ่มเรื่องราวเป็นเรื่องยาก แต่การดำเนินเรื่องราวให้ดึงดูดผู้ชมยิ่งยากกว่า
  9. the Witcher นี่น่าจะเรียกว่า action รึเปล่าครับ เคยลองเล่นอยู่พักนึง ทหารศํตรูเอาแต่ป้องกันอยู่นั่นละตีเท่าไหร่ก็ไม่โดนซะที เลยเบื่อ...
  10. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    Action RPG ครับ ผมเคยอ่านมาว่าการต่อสู้จำเป็นต้องกดปุ่มแบบเจาะจงคล้ายๆ เกมต่อสู้ เพื่อสร้างท่าโจมตี เวอร์ชัน PC มีปัญหาเรื่อง engine ท่าโจมตีแบบไหนๆ ก็เลยทำได้แค่ตีโดนกับพลาด เป็นจุดอ่อนของเกมอย่างหนึ่ง ทำให้การต่อสู้ยืดยาว
    ผมก็ยังไม่เคยเล่นเองเลยไม่รู้ว่ามันแย่แค่ไหน
  11. Touya Akira

    Touya Akira พลเดินเท้า


    แฟนตาซีไทยที่เนื้อเรื่องไม่ได้เด็กๆ เท่าไหร่แล้วก็อ่านสนุกพอสมควรเราเคยอ่านเรื่อง "ศึกจอมขมังเวทย์" น่ะค่ะ เป็นเรื่องการแก่งแย่งชิงอำนาจ + เวทย์มนตร์ เหมือน GOT เนื้อเรื่องส่วนวางแผนรบ/สงคราม นี่น่าจะได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์จีนเป็นหลัก มีสามเล่มจบ จำชื่อผู้แต่งไม่ได้แล้ว แต่พระเอกเป็น double cast ออกแนวสองขั้วแบบในการ์ตูน รู้สึกจะชื่อ เมราส กับ เฟย์ เสียดายที่เราอ่านแล้วอารมณ์มันไม่สุดเท่าไหร่เพราะผู้แต่งค่อนข้างเป็นคน conservative น่ะค่ะ คล้ายๆ กับคนที่แต่งเรื่อง ผู้เสกทราย (จำชื่อผู้แต่งไม่ได้เช่นกัน)
    tanz snow ถูกใจข้อความนี้
  12. Ball

    Ball อัศวินไร้นาย

    โห เรื่องที่คุณ Kurodo บอกมานี่ผมไม่เคยอ่านซักเล่มเลยครับ น่าสนใจมาก ไม่ทราบมีแปลไทยออกมามั่งรึเปล่าครับ
  13. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ศึกจอมขมังเวทย์ผมไม่ยังไม่ได้อ่านครับ ไว้เด๋วอ่านจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ
    แต่ผมไม่ได้ว่าแฟนตาซีไทยนะครับ ผมหมายถึงแฟนตาซีไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จริงๆ ผมชอบหัวขโมยแห่งบารามอสนะ แม้ว่าจะไม่ได้เข้มข้นหรือมีภูมิหลังของโลกที่สมบูรณ์ แต่เนื้อเรื่องนี่สนุกใช้ได้เลยโดยเฉพาะอารมณ์ขันสนุกๆๆ

    เมื่อก่อนผมก็ชอบไวท์โร็ดกับลาสท์แฟนตาซี แต่อ่านไปก็รู้สึกว่าเหมือนอ่านเกมส์ (โดยเฉพาะเรื่องแรก) แต่ตัวละครดูสูตรสำเร็จมากๆ (เรื่องหลังอาจแหวกแนวหน่อยๆ) สรุปก็คิดว่าใช้ได้

    แต่เรื่องอื่นๆ ที่เคยอ่านมันสูตรสำเร็จจนแบบว่าเซ็ง อย่างเช่นเรื่องพ่อมดแห่งราชสำนัก เป็นต้น

    ที่มีแปลออกมาก็น่าจะมีแค่ Earthsea Cycle ครับ ไว้ว่างๆ ผมจะลองรวบรวมแฟนตาซีสนุกๆ มาแนะนำนะครับ
  14. Boylagoon

    Boylagoon ราชองค์รักษ์

    ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมดูเอาสนุกอ่ะ บันเทิงเริงรมย์แค่นั้นเอง อิอิ หนังสือก็ไม่อ่านเหมือนชาวบ้านเค้าด้วย ดูแต่ซีรี่ย์ ส่วนหนังจีนผมชอบ 3 เรื่องนะ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า กับ มังกรหยก กับ กระบี่เย้ยยุทธจักร (นอกเรื่อง) อิอิ
  15. Touya Akira

    Touya Akira พลเดินเท้า

Share This Page