แปลเพราะความชื่นชอบในพรินซ์มากๆ ค่ะ เป็นคนที่ถูกชะตาตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรกเลย ประทับใจจนบทสุดท้ายเลย ฮือ หากแปลผิดยังไงก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ จาก http://www.vulture.com/2014/04/pedro-pascal-oberyn-red-viper-bisexuality-interview.html โอเบริน (แสดงโดย เพโดร ปาสคาล) ปรากฏตัวครั้งแรกที่ซ่องของลิตเติ้ลฟิงเกอร์ในภาคล่าสุดของ Game of Thrones แต่ดังที่พวกเรารู้กันจากรอบปฐมทัศน์ของภาคที่ 4 นี้ เขาไม่ได้มาคิงส์แลนดิงเพื่อแสวงหาความสุข เขามาเพื่อแก้แค้นให้แก่ความตายของน้องสาวที่ถูกกระทำอย่างต่ำทรามโดยทหารรับใช้ของตระกูลแลนนิสเตอร์ เกรเกอร์ คลีเกน "นักรบภูผา" ซึ่งเป็นพล็อตสำคัญของซีซั่นนี้ โอเบรินเป็นตัวละครโปรดของหลายคนที่อ่านหนังสือ คุณทราบความนิยมของเขามาก่อนที่จะได้รับบทไหม ผมไม่เคยอ่านหนังสือแต่เป็นแฟนซีรีย์นี้ และผมก็ไม่ใช่คนที่จะคาดหวังกับปฏิกิริยาของผู้ชมมากเท่าไร ผมมักจะคิดว่า ถ้าทุกคนคาดหวังในตัวละครของผมหรือเขาเป็นคนที่ทุกคนชื่นชอบมากจริงๆ ตอนประกาศชื่อนักแสดง ผู้ชมอาจจะเบือนหน้าหนีหรือหมุนหัวกลับไป 180 องศาเหมือนในหนังเรื่อง The Exorcist เลยก็ได้ (หัวเราะ) บางคนอาจรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะพวกเขาไม่รู้จักผม ผมเลยคาดว่าคงจะมีแบบนั้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ผมก็พยายามเลี่ยงที่จะคิดแบบนั้น เพราะผมมีงานที่ต้องทำและอยากทำให้ดีที่สุดเพื่อเติมเต็มความคาดหวังของผู้ชมต่อการปรากฏตัวของโอเบริน และมันก็สำคัญมากที่จะทำให้แฟนๆ พึงพอใจนะ คุณรู้หรือเปล่า ในซีรีย์ได้ขยายความเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกกล่าวถึงในนิยายของจอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเรนลีและลอรัส หรือที่เราเห็นกันตอนนี้ คือ ตัวละครของคุณเป็นไบเซ็กชวล Red viper สนุกกับชีวิตของเขา เขาไม่เคยแบ่งแยกเรื่องความปรารถนา นี่เป็นวิถีที่เขาเข้าใจชีวิต นั่นก็คือ การใช้ชีวิตให้ถึงที่สุด การจำกัดตัวเองในการเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเขา อะไรที่งดงามก็คืองดงาม และผมชอบที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินสร้างตัวละครที่มีการพัฒนาและมีความสวยงามแบบนี้ออกมา เขาเป็นทั้งนักรักและนักรบ เขาทำทุกๆ สิ่งอย่างเต็มที่ แล้วทำไมถึงต้องเลือกระหว่างเพศหญิงกับเพศชายด้วยล่ะ คุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร นั่นคือเหตุผลที่ทำไมตัวละครที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินสร้าง และเดวิดกับแดนแสดงออกมาให้เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ถึงได้ออกมางดงามนัก เขาก็แค่เหมือนพวกพังก์ร็อคจัดจ้านเท่านั้นเอง มันไร้สาระที่จะจำกัดความสุขของตัวเอง ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่มันก็เป็นตามนั้นจริงๆ ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะไวน์หรืออาหาร ผู้ชายหรือผู้หญิง หรือแม้แต่การเป็นพ่อคน นักรัก หรือนักรบ ใช้ชีวิตให้ถึงที่สุดเสมอ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉลาดมาก เป็นสิ่งที่เรื่องราวได้ค่อยๆ สื่อผ่านออกมา พวกเขาพยายามที่จะใช้โอกาสในการส่งข้อความเหล่านี้ให้แก่ทุกคน Game of Thrones ทะลายทุกกรอบด้วยฉากเซ็กส์ แต่ดูเหมือนพวกเรากำลังดำเนินไปสู่ฉากใหญ่ยิ่งกว่า ด้วยฉากที่โอเบรินและคนรักของเขากำลังเลือกสรรบรรดาสาวๆ นั่นเป็นฉากแรกที่เป็นแบบหมู่เหรอ ไม่สิ เดี๋ยวก่อน จะเป็นไปได้ยังไงกัน! ไม่ ใช่ว่าบรอนน์ก็มีฉากแบบนี้ไปแล้วเหรอ ก็ใช่ เขาเคยควบสองมาก่อน แต่ถ้าคุณพูดถึงเซ็กส์หมู่แบบหลากเพศ งั้นนี่คงเป็นฉากแรกจริงๆ ตอนถ่ายฉากนั้นพวกเราหัวเราะกันตลอด เราทุกคนพยายามสนุกกับมันเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้ามีใครสักคนรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกนั้นจะถูกปัดเป่าออกไปด้วยความเร่าร้อนของทุกคน ไม่มีใครตัวคนเดียวในนี้ มันเป็นเรื่องน่ายินดีนะครับ ผมชอบครับ สำหรับฉากนู้ดต่อๆ ไป คุณโชว์หมดเลยหรือเปล่า เพราะมีหลายเสียงที่เรียกร้องให้มีฉากเปลือยของผู้ชายมากขึ้น ไม่มีใครบอกให้ผมปกปิดอะไรเลยนะ ผมเต็มที่เลย ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ Game of Thrones ทำให้คุณผิดหวังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขาให้อาหารสายตากับทุกฝ่าย ผมยืนยันได้เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้นักแสดงหลายคนรู้สึกกดดัน... เพราะผมเป็นคนเริ่มให้อาหารสายตาแก่ผู้ชายงั้นเหรอ จริงๆ มันก็กดดันอยู่นะ ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว (หัวเราะ) และตอนนี้คุณก็เป็นที่ต้องการของทั้งผู้ชายและผู้หญิง หวังว่าอย่างนั้นนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องดี ตอนนี้ผมแค่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่โอเบรินควรจะเป็น แล้วก็มีฉากที่คนรักของคุณพูดว่า "ฉันเป็นลูกนอกสมรส ส่วนเธอเป็นโสเภณี" ใช่! เหมือนกับว่า อย่ามาพูดไม่เป็นเรื่องน่า ตัดเข้าเรื่องเลยดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่โอเบรินก็ทำเหมือนกัน เขาไปที่นั่นและไม่ยอมเสียเวลาเปล่า "นี่คือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ นี่คือสิ่งที่ฉันจะทำ และ...ฉันกำลังจะสนุกกับมัน" แม้แต่ที่งานแต่งงานของแลนนิสเตอร์น่ะเหรอ แค้นที่ผมจะมาชำระไม่ได้เกี่ยวกับจอฟฟรีย์ เพราะฉะนั้นเขาไม่ใช่ธุระของผม แต่ผมไม่มีทางคบหากับคนแบบนั้นแน่ (หัวเราะ) ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จาก http://www.makinggameofthrones.com/...pascal-explains-the-ecstasy-of-oberyn-martell คุณรู้ชะตาของโอเบรินตั้งแต่เมื่อไร ผมทราบตั้งแต่แรกแล้ว มีรายละเอียดอยู่ในบทตัวละครตอนที่ผมออดิชั่น แต่ผมไม่รู้ว่าว่าเขาตายยังไง จนผมได้พบกับเดวิด เบนิออฟฟ์ (ผู้สร้างซีรีย์) และแดน ไวส์ ที่เบลฟาสต์ เขาเล่าถึงฉากบดขยี้หัวผมเป็น 3 ขั้นตอน ตอนแรกเริ่มจากฟัน หลังจากนั้นก็ลูกตา และสุดท้าย คือ หัวแตงโม ความคิดแรกของผม คือ "หวังว่าจะได้ขึ้นลำดับแรกๆ ของการตายสุดสยองในGame of Thrones นะ" ซึ่งมันคงจะหมายถึงอะไรสักอย่าง คุณเห็นฉากที่ถ่ายเสร็จแล้วหรือยัง ยังครับ แต่ผมเองก็จินตนาการไม่ออก (การสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นก่อนตอนที่ 8 ฉาย) ผมต้องดูพร้อมๆ กับทุกคน ผมเป็นห่วงครอบครัวผมมาก เป็นห่วงจริงๆ มันน่าสยดสยองอย่างที่เป็น แต่มันก็ดูสมจริงมากด้วย เขาได้ทำศีรษะปลอมขึ้นมาหรือเปล่า เขาสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นไปและตกแต่งด้วยหนวดเครา และเติมสีหน้าเกรี้ยวกราดลงไป คุณเห็นมันหรือยัง ครับ! มีคนเห็นผมยืนจ้องหัวตัวเองในกองถ่าย พวกเราไม่เคยมีโอกาสได้เห็นตัวเองแบบสามมิติ และมันดูแปลกออกไปมาก บางทีผมคงหลงตัวเองหน่อยๆ หรือแค่หลงใหลที่ได้เห็นตัวเองแบบ 360 องศา ผมรู้สึกเหมือนกันว่า "ให้ตายเหอะ ผมหน้าตาเหมือนพ่อมากเลย" คุณฝึกการใช้หอกนานแค่ไหน HBO และ Game of Thrones ให้ผมไปฝึกวิชากับผู้เชี่ยวชาญวูซู ศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่ง จะฝึกกันจริงๆ ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ผมเรียนแค่ 2-3 สัปดาห์ อาจารย์ฮูจึงสอนผมได้แค่พื้นฐาน อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการฝึก ทุกอย่างครับ โดยเฉพาะการใช้หอกที่สูงกว่าผมฟุตหนึ่งได้ มันมีท่าหนึ่งที่หมุนหอกให้เหมือนกับใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่ผมอยากทำให้ได้ ผมเลยไปซื้อราวผ้าม่านจากร้านขายของมาฝึกที่อพาร์ทเมนท์ เพราะผมอายเกินกว่าที่จะไปฝึกข้างนอก ตอนถ่ายทำฉากต่อสู้เป็นยังไงบ้าง ช่วยอธิบายการตัดสินใจของโอเบรินหน่อยได้ไหม มันท้าทายมากครับ เพราะต้องใช้ความสามารถทางกายที่เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน แต่โอเบรินเองก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ สองสิ่งนี้เลยผสมกันได้อย่างลงตัว ผมได้คุยกับลีน่า เฮดี้ (คนแสดงเซอร์ซี แลนนิสเตอร์) ในกองถ่าย โอเบรินอยากได้ยิน the Mountain สารภาพ แม้สุดท้ายแล้วมันจะจบไม่สวยเท่าไร แต่เขาก็ได้ฟังคำสารภาพในที่สุด การโยนตัวเองไปสู่จุดจบของเขาเป็นความสำเร็จแบบหวานปนขม มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ในตอนที่แล้ว โอเบรินเขียนจดหมายถึงลูกสาว คุณเคยจินตนาการถึงชีวิตของเขาที่ดอร์นบ้างไหม ผมว่าเขาเป็นคนทันสมัย มีการพัฒนา และเป็นพ่อที่ดี ผมว่าก็ดีแล้วที่เขาไม่มีอะไรประเด็นอื่นให้เห็น นอกจากเรื่องลูกสาว เขาไม่ใช่คนหัวโบราณ เพราะฉะนั้นบรรดาลูกสาวของเขาก็เลยไม่ถูกจำกัดด้วยความคิดล้าสมัยของคนยุคก่อน เขาเป็นคนฉลาด ผมว่ามันมีความลึกซึ้งในการมองโลกของโอเบรินและวิธีที่เขาใช้ชีวิต ผมว่าโอเบรินมีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก ซึ่งส่งผลให้เขามีพลัง ช่วยขยายความส่วนที่พูดว่า "มีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก" ให้ฟังหน่อยได้ไหม การรับรู้ ความฉลาด ในโลกของ Game of Thrones สามารถสะท้อนความดำมืดในโลกความจริงบางอย่างได้ ผมพยายามจะบอกว่า ผู้หญิงถูกผลักดันให้มีความฉลาดมากขึ้นและเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะทุกอย่างรอบตัวถูกกำหนดโดยผู้ชาย ทักษะการเอาตัวรอดของผู้หญิงเลยทำงานได้ดีกว่า คุณหมายความว่าโอเบรินสนับสนุนสิทธิสตรีเหรอ แน่นอน โดยไม่ต้องเลือกที่จะเป็นด้วย มันเป็นความรู้สึกภายในและสอดคล้องกับความคิดของเขา เอลลาเรีย แซนด์เป็นคนรักของเขา เพราะเธอเป็นอีกส่วนหนึ่งของเขา ไม่ใช่อยู่เหนือกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นชายที่น่าเกรงขาม เพราะเขารู้ว่าใครจะช่วยผลักดันให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ คุณอยากให้แฟนๆ จดจำโอเบรินในรูปแบบไหน ผมอยากให้ทุกคนจดจำโอเบรินในฐานะนักรักและนักสู้ ในแบบตัวละครที่นำพาความสนุกและสิ่งใหม่ๆ ให้กับคิงส์แลนดิง และมากวนน้ำให้ขุ่น แฟนๆ คงจะช้ำใจกันน่าดู ผมก็เหมือนกัน อย่างที่เคยรู้สึกมาตลอด อยากเห็นการแก้แค้นให้กับความตายของโอเบรินไหม แน่นอนที่สุด ถ้าคุณถูกตัดสินคดี ความผิดของคุณคืออะไร โอเบรินคงจะทำเรื่องบ้าบิ่นหน่อย เขาคงไปนอนกับภรรยาของกษัตริย์หรือสามีของราชินีมา คุณได้รับเชิญไปงานแต่งงาน GOT คุณจะตกลงหรือปฏิเสธ ผมตอบตกลงทุกโอกาสที่สามารถไปกับเอลลาเรียได้ เพราะในงานแต่งย่อมมีโอกาสที่จะได้หาความสนุกอย่างว่า เดอะฮาวน์บอกว่าเขาอยากจะไปบราวอสต่อ แล้วคุณอยากเริ่มชีวิตใหม่ของคุณยังไง ผมคงอยู่แถวๆ คิงส์แลนดิงเนี่ยแหละ มีซ่องดีๆ ที่มีห้องเห็นวิวทะเลตั้งเยอะแยะ คุณจะตั้งชื่อดาบของคุณว่าอะไร Sammy the Sand Snake
ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะคะ เราก็ชอบตัวละครนี้มากๆ นักแสดงก็แสดงดีจริง มีเสน่แบบโอเบอรินในหนังสือเลย ผมอยากให้ทุกคนจดจำโอเบรินในฐานะนักรักและนักสู้ ในแบบตัวละครที่นำพาความสนุกและสิ่งใหม่ๆ ให้กับคิงส์แลนดิง และมากวนน้ำให้ขุ่น สมใจคุณพี่แล้วค่ะ คุณพี่แสดงได้ดีตามที่ตั้งใจทุกอย่างเลยจริงๆ
เห็นอย่างนี่แล้วโล่งใจเลย ถึงแม้ว่าผมยังไม่ได้ดู Ep.8 ก็เถอะ เพราะกลัวที่จะเห็นโอเบอรินตาย แต่ตอนนี่รู้สึกกล้าที่จะดูแล้วว
ปกติดูจบตอนนึง เราจะต้องเอามารีเปิดดูซ้ำอีกครั้งหรือหลายๆครั้ง แต่ EP นี้ เป็น EP ที่เราทำใจดูอีกไม่ไหวจริงๆ เพราะนายคนเดียวเลย Pedro Pascal .... เขาสวมบทเป็นตัวละครที่เข้าไปอยู่ในใจคนดูได้จนฉากสุดท้ายเลย T^T And.... We Want Revenge !!!!
ความคิดแรกของผม คือ "หวังว่าจะได้ขึ้นลำดับแรกๆ ของการตายสุดสยองในGame of Thrones นะ" ปล. เพิ่งสังเกตุเห็นว่าภูผา ใช้ดาบมือซ้าย(ถึงจะเป็นดาบสองมือก็เถอะ) สมเป็นอัศวินเถื่อนจริงๆ