หวัดดีคร้าบ + มีคำถามนิดหน่อย

กระทู้จากหมวด "ห้องนั่งเล่น" โพสต์โดย Ninety_Night, 22 เมษายน 2015.

  1. Ninety_Night

    Ninety_Night นักดาบฝึกหัด

    หวัดดีครับ มารายงานตัวครับผม555+
    พอดีพึ่่งได้ติดตามซีรีย์นี้สนุกจริงๆดูเเล้วหยุดไม่ได้เลยซัดไป4ซีซั่นใน4วันตาเเฉะเลยครับ

    มีคำถามนิดหน่อยครับ
    1. อยากจะขอคำแนะนำหน่อยว่าถ้าจะอ่านนิยายนี้ควรเริ่มตั้งเเต่เเรกเลยหรืออ่านต่อที่ A Feast for Crows เลยดีครับ
    2.เรื่องบอร์ดเกมอะครับ อยากจะถามหน่อยว่าเป็นยังไงสนุกไหม เเล้วก็กติกาคร่าวๆอะครับ
    3.เรื่อง เซอร์บรินเดน อยากได้ประวัติเเบบละเอียดหน่อยอะครับพอรู้ว่าลุงเเกเมพมากเเต่อยากรู้ว่าเเกไปเรียนมาจากไหน

    Beware...Summer is going!!!(อากาศร้อนเวอร์-__-)
    Last edited: 23 เมษายน 2015
  2. ถ้าแนะนำก็คงแนะให้อ่านตั้งแต่เล่ม 1 แหละครับ แต่ถ้าเอาแค่พอรู้เรื่อง เริ่มจากเล่ม 3 ก็ได้ เพราะก่อนหน้านั้นเนื้อเรื่องค่อนข้างใกล้เคียงกัน มาต่างกันจริงๆ ช่วงหลังนี่ละครับ
  3. Ninety_Night

    Ninety_Night นักดาบฝึกหัด

    อ่อขอบคุณมากๆครับผม
  4. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ประวัติ Brynden Tully ก่อนเรื่องราวในซีรี่ย์ครับ

    เฮียแกมีศักดิ์เป็นน้อยชายของ ฮอสเดอร์ ทัลลี่ ลอร์ดแห่งริเวอร์รัน โดยมีอายุห่างกันประมาณ 5 ปี และมีศักดิ์เป็นอาของแคทลีน สตาร์ค, ไลซ่า อาร์ริน และ เอ็ดมันด์ ทัลลี่

    ในวัยเด็กฮอสเตอร์และบรินเดนสนิทกันมาก บรินเดนเป็นอัศวินฝึกหัดของลอร์ดดาร์รี ก่อนจะกลายเป็นอัศวินก่อนอายุ 20 ปี
    บรินเดนสร้างชื่อเสียงครั้งแรกในสงคราม War of the Ninepenny Kings ซึ่งเป็นสงครามระหว่าง Seven Kingdoms ภายใต้การปกครองของจาเฮริสที่ 2 กับ Brand of Nine ภายใต้การนำของ เมลีส แบล็คไฟร์ สงครามนี้มีลอร์ดและอัศวินหนุ่มเข้าร่วมกับเจ็ดราชอาณาจักรมากมาย เช่น แอริสที่ 2 ทาร์แกร์เรียน, ไทวิน แลนนิสเตอร์, เซอร์สเตฟฟอน บาราเธียน, เซอร์บรินเดน ทัลลี่ และเซอร์บาริสตัน เซลมี ฯลฯ

    บรินเดนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับบาริสตัน พิสูจน์ฝีมือและความห้าวหาญแห่งอัศวินให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งในขณะนั้นบรินเดนอายุยังไม่ถึง 20 ปีเลย กระนั้นคนที่ขโมยซีนสงครามครั้งนี้ไปก็ไม่มีใครเกินเซอร์บาริสตันในวัย 23 ปีที่บุกเดี่ยวเด็ดแม่ทัพศัตรูในดาบเดียว และกลายเป็นราชองครักษ์ภายหลังเหตุการณ์นี้


    [​IMG]

    ภายหลังสงครามบรินเดนกลายเป็นอัศวินที่มีชื่อเสียง ฮอสเตอร์ผู้พี่ได้หมั้นหมาย เบทธานี เรดไวน์ ในแก่น้องชายซึ่งปฏิเสธไป ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองบูดบึ้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฮอสเตอร์จึงเรียกบรินเดนเป็น "แกะดำในตระกูลทัลลี่" บรินเดนเลยเอาปลาเทราท์สีขาวสัญลักษณ์ของตระกูลเปลี่ยนเป็นสีดำแล้วทำเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว จนกลายเป็นฉายา "ฺBlackfish" นั่นเอง
    บรินเดนเข้าร่วมในสงครามของโรเบิร์ตพร้อมกับพี่ชาย กระนั้นภายหลังสงครามสองพี่น้องก็ยังคงห่างเหินมิได้ปรับความเข้าใจกัน บรินเดนติดตามไลซ่าไปยังเอียรี่และรับใช้ตระกูลอาร์ริน กลายเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ประตูภายใต้การแต่งตั้งของจอน อาร์รินซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติที่สุดตำแหน่งหนึ่งแห่งหุบเขาแห่งอาร์ริน

    [​IMG]
    Hodor is coming, last_nite, Sun Snow และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  5. Ninety_Night

    Ninety_Night นักดาบฝึกหัด

    ขอบคุณมากๆครับ Grand maester แหะๆ
    คุณ @Kurodo ขอถามอีกเรื่องครับเรื่องของ blood raven ที่แบรนไปฝึกด้วยอะครับเห็นว่าเคยอยู่ในกำแพงมาก่อนเเล้วออกไปที่หลังอะครับ
    Last edited: 23 เมษายน 2015
  6. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    Lord Bloodraven

    Lord Bloodraven มีชื่อเดิมว่า Brendan Rivers จากนามสกุลเราก็คาดเดาได้ทันทีว่าเค้าเป็นลูกนอกสมรสที่เกิดในดินแดนลุ่มน้ำ แต่บิดาของเค้าหาใช่ลอร์ดทั่วไปไม่ แต่เป็นถึงกษัตริย์แห่งเจ็ดราชอาณาจักร เอกอนที่ 4 ทาร์แกร์เรียน ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่มีฉายาแย่ที่สุด ผู้ไม่น่าพิศมัย ผู้ไม่น่าชื่นชม กษัตริย์ที่มีลูกนอกสมรสมากที่สุดและให้กำเนิดตระกูลแบล็คไฟร์ที่ก่อปัญหากบฎแก่ราชวงศ์ตลอดมานับจากนั้น

    เอกอนที่ 4 มีบุตรนอกสมรสมากมาย ตามประวัติอ้างว่ามีมากกว่า 900 คน (ขอทวยเทพช่วย) และมีอยู่ 9 คนที่เป็นหญิงสูงศักดิ์ที่เค้ารักใคร่ แต่ไม่รวม แนร์ริส ผู้เป็นราชินีแต่อย่างใด และในบรรดาชู้รักทั้ง 9 มีทายาทอยู่อย่างน้อย 6 คนที่มีชื่อบันทึกไว้ถูกเรียกว่าเป็น Great Bastards ได้แก่ เดมอน วอเตอร์ (เดมอนที่ 1 แบล็คไฟร์), เอกอร์ ริเวอร์ส (บิทเทอร์สตีล), ไมอา ริเวอร์ส, เกวนส์ ริเวอร์ส, บรินเดน ริเวอร์ส (บลัดเรเวน), เชียรา ซีสตาร์

    มารดาของของบรินเดนคือ เมลิซซา แบล็ควูด ซึ่งเป็นตระกูลแห่งลุ่มน้ำที่ยังนับถือทวยเทพองค์เก่า ไมอาและเกวนส์คือพี่สาวสองคนของบรินเดนที่กำเนิดจากบิดามารดาเดียวกัน
    บรินเดนมีลักษณะเผือกมาตั้งแต่แรกเกิด คือผิวและผมขาวเผือก ดวงตาสีแดง ซึ่งทำให้สัญลักษณ์ประจำตัวเป็นรูปมังกรเผือก นัยตาแดง บนธงสีดำ
    ที่ใบหน้าด้านขวามีปานสีแดงลักษณะคล้ายนกเรเวน ทำให้กลายมาเป็นชื่อเล่น บลัดเรเวน
    บรินเดนมีรูปร่างผอมบาง สูงประมาณ 6 ฟุต และผิวเซนซิทีฟต่อแสง

    ในบรรดา Great Bastards ทั้งหมดของเอกอนที่ 4 เดมอน เป็นคนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ทั้งฐานะจากฝั่งมารดาที่มีเชื้อสายทาร์แกร์เรียนและเป็นราชินีของกษัตริย์องค์ก่อน จึงได้รับมอบดาบแบล็คไฟร์อันเป็นดาบประจำตัวของเอกอนผู้พิชิตและถูกใช้เป็นดาบประจำตัวองค์กษัตริย์ในแต่ละรุ่นของทาร์แกร์เรียน เดมอนได้รับดาบตอนอายุ 12 ปี
    ส่วนบลัดเรเวนได้ถือครองดาบดาร์คซิสเตอร์อันเป็นดาบประจำตัวของวิเซนย่า ทาร์แกร์เรียนและเป็น 1 ใน 2 ดาบวาไลเรียนประจำตระกูลที่ตกทอดกันมา อันแสดงถึงความปราดเปรื่องและเก่งกาจ หรืออีกนัยหนึ่งอาจมาจากมารดาผู้เป็นที่รักและให้กำเนิดเชื้อสายแก่เอกอนที่ 4 ถึง 3 คนก็เป็นได้

    [​IMG]

    เดรอนที่ 2 ขึ้นสืบบังลังค์ภายใต้ข้อครหาว่าเป็นลูกของเอมอน อัศวินมังกร บวกกับดาบเหล็กวาไลเรียนประจำตระกูล 2 เล่มล้วนอยู่ในมือของ Great Bastards ทำให้ขณะขึ้นบัลลังค์ไม่ได้มั่นคงนึก กระนั้นชนวนแห่งสงครามกลางเมืองประทุขึ้นเมื่อเดรอนที่ 2 วิวาห์กับมาริอาห์ มาร์เทล ทำให้การรวมดอร์นเข้าสู่เจ็ดราชอาณาจักรสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่เอกอนผู้พิชิตยังทำไม่ได้
    มาริอาห์ มาร์เทลเมื่อกลายเป็นราชินีได้นำวัฒนธรรมดอร์นเข้ามาแทนที่ทาร์แกร์เรียน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าราชนิกูล โดยเฉพาะเดมอน แบล็คไฟร์ ในที่สุดก็ก่อกบฎขึ้นโดยการอ้างว่าเดรอนที่ 2 มิใช่โอรสที่แท้จริงของเอกอนที่ 4 และถือดาบแบล็คไฟร์ชู้ในฐานะราชาที่แท้จริง

    สงครามกบฎแบล็คไฟร์ครั้งแรกเริ่มขึ้น เป็นสงครามระหว่างทาร์แกร์เรียนกับแบล็คไฟร์ บรินเดน แบล็คไฟร์
    บลัดเรเวนเข้าร่วมกับทาร์แกร์เรียนต่อต้านกบฎสู้กับเหล่าพี่น้องชายต่างมารดาของเค้า คู้แค้นคนสำคัญคือ เอกอน ริเวอร์ส หรือบิทเทอร์สตีล ที่โกรธแค้นบลัดเรเวนอยู่แล้วจากการที่เซียร่าเลือกบลัดเรเวนแทนตนเอง
    สงครามแบล็คไฟร์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจากทั้งหมดห้าครั้ง เป็นสงครามสายเลือดที่ยาวนานหลายปีต่อมา เดมอนและเหล่าขุนนางส่วนใหญ่ไม่พอใจกับการแต่งงานของเดรอนที่สองกับมาร์เทล เพราะสงครามระหว่างเจ็ดราชอาณาจักรกับดอร์นดำเนินมายาวนานหลายร้อยปีแล้ว (ผมขอไม่ลงรายละเอียดมากเพราะยาวเหลือหลายแค่นี้ก็ยาวแล้ว) สรุปสงครามเริ่มต้นในที่สุดจากการหลบหนีการจับกุมของเดมอน และบลัดเรเวนชนะเสียงในสภาเหนือเบลอร์หอกหักเจ้าชายรัชทายาทในการทำสงครามเหนือการประนีประนอม

    ศึกครั้งสำคัญที่เป็นศึกชี้ขาดสงครามคือ ศึกเหนือท้องทุ่งหญ้าสีชาด ศึกครั้งนี้เหล่าเจ้าชายเชื้อพระวงศ์ของเดรอนที่สอง และราชองครักษ์ต่างแสดงฝีมือเป็นที่ประจักษ์ (ตัวละครทั้งหลายปรากฎในเรื่อง Dung and Egg ซึ่งมีให้อ่านในบอร์ดครับ) แต่ผู้ที่ขโมยซีนเหนือใครคือบลัดเรเวน แม้จะถือครองดาบวาไลเรียนประจำตระกูลอันสูงค่า แต่บลัดเรเวนเป็นที่รู้จักในฐานะยอดฝีมือด้านการยิงธนูราวจับวาง ซึ่งในศึกนี้ได้ยิงธนูในระยะกว่า 300 ยาร์ดสังหารเดมอน แบล็คไฟร์และบุตรชายฝาแฝด ตายเรียบ!!!!!!! เทพจนผมอยากจะกราบไม่รู้พี่แกแอบใช้เวทมนตร์ไรร่วมด้วยมั้ย?? พี่แกเลยได้ฉายา ผู้สังหารญาติ มาอีกหนึ่งฉายา แต่พี่แกก็พลาดท่าตาบอดภายใต้ฝีมือญาติบิทเทอร์สตีล ภายหลังสงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายทาร์แกร์เรียน บลัดเรเวนยังคงดำเนินงานตามล่าล้างเหล่าผู้ทรยศ

    [​IMG]

    บลัดเรเวนครองตำแหน่งในสภาที่ปรึกษาแต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงว่าตำแหน่งอะไร แต่เป็นที่ทราบกันดีถึงความสามารถที่รู้ข่าวสารทุกสิ่งอย่างจนได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น Master of Spies กรอปกับความเชื่อว่าบลัดเรเวนเรียนรู้เวทมนตร์ดำอันตรายมากมายจากชู้รักของเค้า เชียรา (น้องสาวต่างมารดาที่สืบทอดเวทมนตร์จากทางแม่) จนเกิดปริศนาที่ว่า "ทายซิว่าลอร์ดบลัดเรเวนมีกี่ตา" คำตอบก็คือ "A Thousand Eyes, and One" ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อเพลงที่บลัดเรเวนแต่งขึ้นเกี่ยวกับ Great Bastards ซึ่งคำว่า A Thousand Eyes หมายถึงหูตาจากสายของบลัดเรเวนที่มีจำนวนมากมาย ส่วน And One หมายถึงตาที่เหลือข้างเดียวของบลัดเรเวน

    บลัดเรเวนครองตำแหน่ง หัตถ์แห่งราชา ในสมัยพระราชา เอริสที่ 1 และ เมการ์ที่ 1
    ภารกิจแรกในตำแหน่งหัตถ์คือการเผาศพของเหล่าผู้ที่ตายใน The Great Spring Sickness ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคนเพื่อหยุดยั้งโรคระบาดที่สังหารพระราชาและทายาท ว่ากันว่าการไฟจากเผาศพครั้งนี้ทำให้ไม่สามารถแยกกลางคืนกับกลางวันออกจากกันเลย ขณะเดียวกันภัยแล้งมาเยือนเจ็ดราชอาณาจักร เหล่าชาวนาต่างพากันย้ายถิ่นฐานไปหาแหล่งที่ทำกินใหม่ ทำให้การขาดแคลนแพร่ระบาดไปทั่ว บลัดเรเวนมีคำสั่งให้พวกเขากลับถิ่นฐานเดิมแต่เหล่าชาวบ้านต่างพากันร่ำลือถึงคำสาปที่เกิดจากการสังหารญาติของบลัดเรเวน

    ในปีถัดๆ มา ดากอน เกรย์จอย ก่อกบฎ สตาร์คกับแลนนิสเตอร์ต่างระดมพลต่อต้าน แต่บลัดเรเวนสนใจแต่ไทรอส หนึ่งในนครอิสระที่ญาติผู้พรากดวงตาของเค้าหลบซ่อนอยู่ วิคทาเรียน เกรย์จอยกล่าวในภายหลังว่า กระทั่งมังกรก็มิอาจมังกรด้วยกันได้

    ในสงครามกบฎแบล็คไฟร์ครั้งที่ 2 ด้วยการจับตามองอย่างใกล้ชิดและข่าวความเคลื่อนไหวที่ทันท่วงที่ ทำให้ทราบว่า เดมอนที่ 2 แบล็คไฟร์ เตรียมยกทัพก่อการกบฎ บลัดเรเวนยกทัพอันประกอบด้วย 3 ราชองครักษ์ 300 Raven's Teeth (กองทหารส่วนตัว) 500 อัศวิน 5000 พลทหารจากคราวแลนด์และแดนลุ่มน้ำ ซึ่งมีจำนวนมากกว่ากบฎอย่างเทียบกันไม่ติด เดมอนที่ 2 ท้าทายบลัดเรเวนเพื่อต่อสู้ตัวต่อตัวแต่ถูกปฏิเสธ เกิดสงครามที่จบอย่างรวดเร็วภายใต้ความพ่ายแพ้หมดรูปของฝ่ายกบฎ เดมอนที่ 2 ถูกจับตัวในที่สุด

    [​IMG]

    ในสงครามกบฎแบล็คไฟร์ครั้งที่ 3 (มันต่อเนื่องดีจริงๆ)
    บิทเทอร์สตีลและราชาเฮกอนที่ 1 แบล็คไฟร์ยกทัพอันได้แก่ Golden Company และตระกูลแบล็คไฟร์ บุกเจ็ดราชอาณาจักร กษัตริย์เอริสที่ 1 ทรงไม่อยากเกี่ยวข้องกับเหตุกบฎนี้ แต่น้องชายเจ้าชายเมการ์ที่ 1 ได้แสดงภาวะผู้นำอันสมเป็นทายาทราชา พร้อมด้วยบุตรชายเอริออนและเอกอน (Egg) เข้าต่อสู้กับเหล่ากบฎ ในเหตุการณ์ตัดสินสงครามเป็นการดวลตัวตัวระหว่าง บิทเทอร์สตีลกับบลัดเรเวน ที่เต็มไปด้วยความแค้น สุดท้ายเฮกอนที่ 1 ยอมแพ้และถูกสังหาร บิทเทอร์สตีลหลบหนีเข้าเรดคีฟ ราชาเอริสที่ 1 ตัดสินใจให้ส่งไปยังผากำแพง ท่ามกลางเสียงคัดค้านของบลัดเรเวนที่ขอให้ประหารชีวิต อย่างไรก็ดีบิทเทอร์สตีลหลบหนีไปได้ระหว่างเดินทางทางเรือไปยังเอสซอส

    [​IMG]

    บลัดเรเวนยังคงเป็นหัตถ์ต่อมาในสมัยราชาเมการ์ที่ 1 ภายหลังต่อมาเมื่อเมการ์สิ้นพระชนม์ บลัดเรเวนเรียกประชุมครั้งใหญ่อันเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า Great Council เพื่อหาพระราชาคนใหม่ แอนิส แบล็คไฟร์ต้องการเข้าร่วมประชุมด้วยสันติจึงส่งสารและเดินทางมาแต่ถูกบลัดเรเวนสั่งตัดหัวทันทีที่เดินทางมาถึงคิงส์แลนด์ดิ้ง เอกอนที่ 5 (Egg) ขึ้นเป็นพระราชาองค์ใหม่ องค์การแรกคือการจับกุมบลัดเรเวนข้อหาฆาตกรรมเอนิส แบล็คไฟร์ ภายใต้การแนะนำของเมสเตอร์เอมอน ทาร์แกร์เรียน (เมสเตอร์ของผากำแพงในซีซันแรกๆ) และสุดท้ายถูกส่งไปยังผากำแพงแทนที่การประหารชีวิต

    [​IMG]

    บลัดเรเวนขึ้นเป็นผู้บัญชาการแห่งผากำแพงไปนานหลังจากนั้น 13 ปีหลังจากหนังเค้าก็สาปสูญไปพร้อมกับดาบดาร์คซิสเตอร์ และนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่แบรนจะมาพบในภายหลัง
    Hodor is coming, Ninety_Night และ last_nite ถูกใจข้อความนี้
  7. Ninety_Night

    Ninety_Night นักดาบฝึกหัด

    ขอบคุณมากๆครับผม
  8. Ocelot

    Ocelot อัศวิน

    พูดถึง Bloodraven ผมบอกตามตรงว่าผิดหวังกับสารรูปนะ คือคาดหวังว่าไหนๆก็ตอนสุดท้ายละ จัด CG งามๆซักฉากให้คนดูหมด เพราะหนังสือบรรยายสารรูปไว้ชัดเจนว่าปู่แกไม่อยู่ในสภาพที่เรียกว่าเป็น"ร่างมนุษย์"อีกต่อไปแล้ว (ภาพตัวอย่างก็อยู่ในคอมเม้นของคุณ Kudoro แล้วฮะ)

    อะไรว้า เอางบ CG ไมทุ่มให้มังกือสามตัว

    ก็เค้าจะเอาแบบนี้อ่า

    [​IMG]

Share This Page