Season 1 ตอนที่ 2

กระทู้จากหมวด "The Complete Story" โพสต์โดย สุนัขป่าโลกันตร์, 9 ตุลาคม 2011.

  1. topz73

    topz73 ราชองค์รักษ์

    แปลว่า "จะดูผู้หญิงงามต้องดูตอนหาปลา ผู้ชายมีปัญญาต้องดูตอนกินเหล้า" ครับ คุณ cindy *-*
    cindy ถูกใจข้อความนี้
  2. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    @Cindy ในหนังสือคับแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าออกมาเล่มไหน ไม่รู้ว่าในซีรี่ย์จะมีออกมารึป่าวคับ
  3. cindy

    cindy ทหารม้า

    ลองใช้ Axe2012 ซิค่ะเผื่อจะเจอนางพญางูขาว
    topz73 ถูกใจข้อความนี้
  4. cindy

    cindy ทหารม้า

    ดูผู้ชายพอเข้าใจค่ะ แต่ดูผู้หญิงให้ดูตอนหาปลา ยังไงค่ะ
  5. topz73

    topz73 ราชองค์รักษ์

    มันเป็นภาษิตเก่าของทางเหนืออะครับ ประมาณว่า กริยาท่าทางของผู้หญิง จะดูได้ตอนหาปลาหรือจับปลา อะไรประมาณนั้นมั้งครับ ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงจับปลาเลย -..-
  6. cindy

    cindy ทหารม้า

    เฮ้อ โล่งอก นึกว่าจะหมายถึง จับปลาสองมือหรือเปล่า
  7. Emsira

    Emsira นักดาบฝึกหัด

    แหมมมมม ก็นึกได้นะครับ 555
  8. cindy

    cindy ทหารม้า

    ฮาๆ ขำๆค่ะ
  9. ผมกับน้องชายฝันคล้ายๆ กันเลยครับเมื่องานซืน
    ผมฝันว่ามีรถกะบะวิ่งหนีน้ำท่วมหน้าบ้านผมเอง น้ำมาแบบเป็นซึนามิ สูงซักเมตรนึง
    น้องชายฝันว่าน้ำท่วมบ้านสูงถึงเอว มีงูกับสัตว์เลื้อยคลานหลบน้ำเข้ามาอยู่ในบ้านเต็มไปหมด
    ... นี่กังวลกันจนงานการไม่ทำอยากกลับบ้านใหญ่ละครับเนี่ย
  10. cindy

    cindy ทหารม้า

    คงเป็นเพราะกังวลมากก็เลยเก็บไปฝันมั้งค่ะ
    แม้ว่าหากมันเกิดขึ้นจริง เดี๋ยวเราก็จะผ่านมันไปได้ค่ะ
    ที่บ้านเราเคยท่วมปี49 และปีนี้ก็ท่วมอีกครั้ง ใช้ประสบการจากครั้งนั้น ทำให้ครั้งนี้รับมือได้ดีค่ะ
  11. topz73

    topz73 ราชองค์รักษ์

    บ้านของทุกคนอยุ่ที่ไหนกันมั่งครับเนี้ย ผมเป็นชาวเหนือ บ้านอยู่Winterfell(เชียงใหม่) ครับ :D The Wall น่าจะเป็นชายแดนไทยพม่า Castle Black คือแม่สายม้้งครับ :p

    ขอส่งแรงใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกท่านขอให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ :)
    cindy ถูกใจข้อความนี้
  12. cindy

    cindy ทหารม้า

    บอกพืกัดบ้านตัวเองไม่ถูกเลยง่ะ5555
    อยู่อ่างทองค่ะ ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของ7 kingdoms
    topz73 ถูกใจข้อความนี้
  13. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ถ้าเชียงใหม่เป็น winterfell. สุโขทัย (บ้านผม) คงเป็น riverrun. เพราะน้ำท่วมทุกปี
    แต่ตอนนี้เรียนอยู่ king's landing คับ
    topz73 ถูกใจข้อความนี้
  14. หลังจากเครียดเรื่องน้ำอยู่พักใหญ่ๆ เตรียมตัวแทบเป็นแทบตาย จนแล้วจนรอดน้ำก็ยังมาไม่ถึง . . . วอเตอร์ อีส คัมมิ่ง จริงๆ กลับมาคุยกันเรื่อง วินเทอร์ อีส คัมมิ่ง กันหน่อยละกันนะครับ

    ที่ออฟฟิสผมมาทำงานได้แค่ครึ่งเดียวเองเนี่ย ติดน้ำกันหมดละ

    สำหรับ เรื่องที่เป็น น้ำ ไม่ได้เป็นเนื้อ ผมจะสรุปเอาสั้นๆ ละกันนะครับ ตรงไหนที่เป็นบทแปล ผมจะเขียนบอกให้ครับผม

    . . .
    . . .

    บทสรุป - Game of Thrones ซีซั่น 1 ตอนที่ 2

    การเดินทางของโรเบิร์ตต้องล่าช้าออกไปกว่ากำหนด เพราะเอดดาร์ดเป็นห่วงลูกชาย แบรน เช้าตรู่วันหนึ่งโรเบิร์ตปลุกเอดดาร์ดแต่เช้าตรู่ ชวนออกไปขี่ม้ารับลม และนั่งคุยกัน “ให้พ้นหูของคนอื่นๆ” ทั้งสองคนถกกันหลายอย่าง แต่เรื่องหลักนั้น เอดดาร์ดคิดอยู่แล้วครับว่าน่าจะเป็นเรื่อง การตอบรับเป็นพระหัตถ์ซึ่งเขายังไม่ได้ให้คำตอบให้ชัดเจน บวกกับบังคับให้เอดดาร์ดออกเดินทางเสียที

    เนื้อหาที่คุยกัน

    1. เรื่องหญิงในอดีต เมื่อถูกถามถึงแม่ของจอนสโนว์ เอดดาร์ดตอบแบบไม่เต็มใจนัก ว่า “วีลล่า”

    2. เรื่องการให้ เจมี แลนนิสเตอร์ เป็นองครักษณ์ข้างกาย เอดดาร์ดไม่ไว้ใจเจมี่ เขาเป็นคนลงดาบฆ่าพระราชาคนก่อนมาแล้วทั้งที่เป็นถึงคิงส์ การ์ด โรเบิร์ตเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่าตอนนั้นเจมียังเป็นเด็กอายุ 17 เท่านั้น ประกอบกับพระราชาคนนั้นเป็นศัตรูของเขา และถ้าเอดดาร์ดไม่ยอมรับตำแหน่ง เขาจะเอาเข็มกลัดพระหัตถ์ไปปักให้เจมี แม้แต่เรื่องที่เจมีขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ โรเบิร์ตก็เถียงว่าคงเป็นเพราะเจมี่น่ะ เหนื่อย “การฆ่าพระราชาน่ะ เป็นงานหนัก” เขาบอกเอดดาร์ด

    3. เรื่องของเจ้าหญิงตระกูล ทาร์แกเรียน ที่แต่งงานกับหัวหน้าเผ่าโดธราคีเผ่าใหญ่ โรเบิร์ตอยากกำจัดให้สิ้นซาก แต่เอดดาร์ดไม่เห็นด้วย เอดดาร์ดไม่คิดว่าการฆ่าเด็กผู้หญิงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเชื่อว่าเผ่าโดธราคี ยังไงก็ไม่มีทางนั่งเรือข้ามทะเลมารุกรานเวสเทอรอสแน่นอน

    อันที่จริงเอดดาร์ดเคยผิดใจกับโรเบิร์ตด้วยเรื่องคล้ายกันนี้มาแล้ว ในวันที่ ทายวิน แลนนิสเตอร์ ฆ่าเมียและลูกเล็กๆ ทั้งหมดของ เรการ์ ทาร์แกร์เรียน เอดดาร์ดเรียกการกระทำนั้นว่าฆาตกรรม แต่โรเบิร์ตเรียกมันว่า สงคราม “ข้าไม่เห็นเด็กทารก ข้าเห็นแต่ตัวอ่อนของมังกร” แม้แต่ จอน แอร์ริน ก็ไม่สามารถสงบศึกของทั้งคู่ในวันนั้นได้

    และวันรุ่งขึ้น เอดดาร์ดก็ควบม้าลงใต้ไปทำศึกเพียงลำพังด้วยความโกรธที่ยังคุกรุ่นอยู่ภายในใจ (เหตุการณ์นี้อยู่ใน การปฏิวัติของโรเบิร์ต)

    05-eddard.jpg

    . . .
    . . .

    หลังจากนั้นก็จะมาที่ ทีเรียน ครับ ทีเรียนออกเดินทางจากวินเทอร์เฟลในวันเดียวกับที่เอดดาร์ดออกเดินทางไปคิงส์แลนดิง ทีเรียนรู้สึกมันไกลกว่าที่เขาเห็นในแผนที่อย่างมากมาย แรกๆ ก็ยังมีบ้านคน ฟาร์ม มีโรงแรมให้นอน แต่เพียง 3 วัน ถนนคิงส์โรดก็เข้าป่าซะแล้ว แทบไม่มีคนเลย และทีเรียนต้องกางเต้นท์นอนกลางป่า ยิ่งเดินทางอากาศก็ยิ่งหนาว มีเกล็ดหิมะลอยตามลมอยู่ตลอดเวลา

    พอขบวนของทีเรียนและจอน เดินทางผ่านป่า ‘สุนัขป่า’ (Wolfswood) แล้ว พวกเขาก็พบกับขบวนอีกขบวนหนึ่งของ โยเรน ซึ่งกำลังพาเด็กใหม่ 2 คนไปร่วมหน่วยพิทักษ์ “ข่มขืน” โยเรนบอกทีเรียน

    สรุปสมาชิกทั้งหมดในขบวน มีชาย 5 คน เด็ก 3 สุนัขป่าโลกันตร์ ม้า 20 ตัว และกรงใส่อีกาจากเมสเตอร์ลูวิน

    ทีเรียนสังเกตุว่า จอน มองดูพวกโยเรนอย่างไม่วางตา โยเรนตัวเหม็นเปรี้ยวมาก เสื้อผ้าสกปรกเต็มไปด้วยคราบเปื้อน แถมในหนวดเคราและผมก็ยังมีแมลง มีเห็บหมัด เด็ก 2 คนที่เขาพามาก็ไม่ได้ดูดีเลยแม้แต่นิดเดียว

    ทีเรียนอ่านออกทันที ว่าจอนคงจินตนาการหน่วยพิทักษ์ราตรีว่าต้องเต็มไปด้วยคนเท่ๆ อย่างคุณอา เบนจิน ของเขา ส่วนตัวเบนจินเองมีท่าทีรังเกียจแลนนิสเตอร์มาก ทั้งจากคำพูดและท่าทางที่มีต่อทีเรียน

    06-jon.jpg

    ประโยคจากหนังสือที่น่าสนใจเกี่ยวกับทีเรียน

    . . .
    . . .

    แปลเต็ม - บทสนทนาของ จอน กับ ทีเรียน

    . . .

    “ทำไมท่านอ่านเยอะจัง?”

    ทีเรียนมองขึ้นมาหาเจ้าของเสียง จอนสโนว์ยืนห่างออกไปไม่กี่ฟุต กำลังมองดูเขาอย่างฉงนสงสัย เขาปิดหนังสือโดยเอานิ้วคั่นหน้าเอาไว้ “มองข้านะ แล้วบอกซิเจ้าเห็นอะไร”

    เด็กชายมองทีเรียนอย่างไม่ไว้ใจนัก “กำลังทดสอบอะไรหรือเปล่า? ข้าเห็นท่านไง ทีเรียน แลนนิสเตอร์”

    ทีเรียนถอนใจ “สำหรับลูกนอกคอก เจ้านี่สุภาพใช้ได้นะนี่ สิ่งที่เจ้าเห็นคือคนแคระ เจ้าน่ะเท่าไหร่ สิงสอง?”

    “สิบสี่”

    “สิบสี่ และตัวสูงอย่างที่ข้าไม่มีวันจะสูงได้ ขาของข้าน่ะสั้นและบิดเบี้ยว แค่เดินก็ลำบากแล้ว จะขี่ม้าก็ต้องใช้อานและบังเหียนที่ทำมาเป็นพิเศษเพียงเพื่อไม่ให้ตกม้า มันเป็นอานม้าที่ข้าคิดขึ้นมาเองล่ะเผื่อเจ้าจะสนใจ ถ้าไม่งั้นข้าก็ต้องขี่ลา แขนข้าน่ะแข็งแรงดี แต่มันสั้นเกินไป สั้นจนเป็นนักดาบก็ไม่ได้ ถ้าข้าเกิดมาเป็นคนธรรมดาทั่วไปข้าคงถูกทิ้งให้ตายไปแล้ว หรือไม่ก็ถูกขายให้กับพวกทาสพิการ เฮ้อ แย่หน่อยนะที่ข้าดันเกิดมาเป็นแลนนิสเตอร์แห่งคาสเทอรีร็อก ทาสพวกนั้นเลยอดได้คนเท่ๆ อย่างข้าไปร่วมวง”

    “ข้าน่ะถูกคาดหวังไว้หลายเรื่อง พ่อข้าเป็นหัตถ์ของพระราชาอยู่ถึงยี่สิบปีเชียวนะ แล้วต่อมาพระราชาคนนั้นก็ถูกพี่ชายของข้าฆ่าตาย ชีวิตคนเรามันก็เต็มไปด้วยเรื่องแดกดันอย่างเนี้ยแหละ พี่สาวข้าแต่งงานกับพระราชาคนใหม่ และในไม่นานไอ้หลานชายน่ารักเกียจของข้าก็จะรับช่วงบัลลังก์ต่อ ข้าเองก็ต้องทำในส่วนของข้าให้สมเกียรติของตระกูล เห็นด้วยมั้ย? แต่ ทำยังไงล่ะ? นะ ขาข้านะเล็กเกินไปสำหรับตัวข้า และหัวข้าก็ใหญ่เกินไป แต่ข้าพยายามคิดนะว่าหัวข้าใหญ่พอดีสำหรับมันสมองของข้า ข้าไม่หลอกตัวเองน่ะนะว่าตัวข้าเองมีจุดอ่อนจุดแข็งอะไรบ้าง สมองคืออาวุธของข้า พี่ชายข้ามีดาบ พระราชาโรเบิร์ตมีค้อนศึก และข้ามีมันสมอง . . . และมันสมองต้องการหนังสือเหมือนกับที่ดาบต้องการหินลับ ถ้ามันต้องการรักษาความแหลมคม” ทีเรียนเอานิ้วแตะปกหนังสือ “นั่นแหละ ข้าถึงอ่านเยอะ จอนสโนว์”

    07-tyrion.jpg

    เด็กชายซึมซับทุกอย่างไว้อย่างเงียบๆ แม้จะไม่มีชื่อสตาร์ค แต่เขามีสีหน้าแบบสตาร์ค: ยาว เอาจริงเอาจัง ระมัดระวัง สีหน้าที่ไม่บอกใบ้อะไรภายในให้เห็นเลย ไม่ว่าแม่ของเด็กจะเป็นใคร นางทิ้งส่วนของนางเองไว้น้อยเหลือเกินในตัวลูกชายคนนี้ “ท่านกำลังอ่านเรื่องอะไร?”

    “มังกร”

    “เพื่ออะไร ในเมื่อมังกรไม่มีเหลือแล้ว” เด็กชายถามด้วยความแน่ใจง่ายๆ แบบเด็กๆ

    “ใช่ เขาว่ากันอย่างนั้น” ทีเรียนตอบ “น่าเศร้าเนอะ? ตอนข้าอายุเท่าเจ้านะ ข้าฝันว่าข้ามีมังกรเป็นของตัวเอง”

    “จริงหรือ?” เด็กชายตอบแบบเคลือบแคลงใจ บางทีเขาคงคิดว่าทีเรียนกำลังล้อเขาเล่น

    “อ้าว จริงสิ แม้แต่เด็กน่าเกลียดตัวเตี้ยและบิดเบี้ยว ก็สามารถมองลงมายังพื้นโลกได้ถ้านั่งอยู่บนหลังมังกรบิน” ทีเรียนผลักผ้าหนังหมีไปข้างๆ แล้วปีนขึ้นยืนบนสองขา “เมื่อก่อนข้าชอบแอบจุดไฟในส้วมของคาสเทอรีร็อกแล้วมองดูเปลวเพลิงเป็นชั่วโมงเชียวล่ะ จินตนาการว่ามันเป็นไฟของมังกร บางครั้งข้าก็จินตนาการพ่อข้าเองกำลังถูกเผา และบางครั้งก็เป็นพี่สาว” จอนสโนว์กำลังจ้องเขาอยู่ สีหน้ามีทั้งความกลัวและความชื่นชม “อย่ามองข้าอย่างนั้นสิ ลูกนอกคอก ข้ารู้ความลับเจ้าน่ะ เจ้าเองก็เคยฝันแบบเดียวกัน”

    “ไม่” จอนบอก “ข้าจะไม่ . . .”

    “ไม่? ไม่เคยเลย?” ทีเรียนเลิกคิ้วขึ้น “เอานะ ไม่สงสัยเลยว่าพวกสตาร์คนี่ต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดีแน่ๆ เลย ข้าฟันธงให้เลย ว่าคุณหญิงสตาร์คต้องปฏิบัติกับเจ้าราวกับเป็นลูกแท้ๆ และร็อบพี่ชายเจ้าน่ะก็ใจดีกับเจ้ามาเสมอใช่มั้ยล่ะ? ก็แหงสิ เขาได้วินเทอร์เฟลหนิ ในขณะที่เจ้าได้กำแพง และพ่อเจ้านะ . . . ต้องมีเหตุผลที่ดีมากแน่ๆ ถึงเก็บข้าวของส่งเจ้าออกมาหน่วยพิทักษ์ราตรีเนี่ย”

    “หยุด” สีหน้าของจอนเข้มขึ้นด้วยความโกรธ “หน่วยพิทักษ์ราตรีเป็นหน่วยที่มีชาติตระกูลสำหรับคนสูงศักดิ์!”

    ทีเรียนหัวเราะ “เจ้าน่ะฉลาดเกินกว่าจะเชื่อเรื่องโกหกนั้นนะข้าว่า หน่วยพิทักษ์ราตรีน่ะ เป็นกองขยะสำหรับพวกที่ถูกเฉดหัวทิ้งมาจากอาณาจักรต่างหากล่ะ ข้าเห็นนะว่าเจ้ามองโยเรนกับเด็กๆ ของเขา นั่นไงล่ะพี่น้องใหม่ของเจ้า จอนสโนว์ ชอบมั้ย? คนเฉื่อยชา คนติดหนี้ พวกล้วงกระเป๋า คนร้ายข่มขืน โจร ขโมย แล้วก็ลูกนอกคอกแบบเจ้า โดนเฉดหัวไปที่กำแพงทั้งนั้นแหละ เพื่อคอยเฝ้าระวังพวกสัตว์ร้ายและปีศาจต่างๆ ในนิทานที่แม่นมเล่าให้เด็กๆ ฟังไงล่ะ ข้อดีคือปีศาจพวกนั้นน่ะมันไม่มีจริงหรอก มันเป็นหน้าที่ที่ปลอดภัยดีจริงๆ ข้อเสียคือมันหนาวจนกระแป๋งเจ้าแข็งแน่ แต่ไงๆ เจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มีลูกอยู่แล้วมันก็เลยไม่มีผลอะไร เนอะ”

    หยุดเสียที! ” เด็กชายร้องตะโกน เขาก้าวขึ้นหน้า มือกำเป็นหมัด และตาเอ่อไปด้วยน้ำตา

    ทันใดนั้นทีเรียนก็รู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาทันที เขาก้าวขาเดินเข้าหาจอนสโนว์ ตั้งใจจะเอามือวางบนบ่าแล้วเอ่ยคำขอโทษ

    ทีเรียนไม่เห็นเลยว่าหมาป่ามาจากไหนหรือเข้าใกล้มาได้ยังไง เมื่อกี๊เขากำลังเดินเข้าหาจอนสโนว์ พริบตาต่อมาเขาก็นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นหิน หนังสือของเขากระเด็นออกไปเมื่อเขาล้มลง และลมหายใจเฮือกใหญ่ออกจากตัวของเขาเพราะแรงกระแทก และปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด โคลน และใบไม้เน่าๆ เมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้น หลังของเขาก็สั่นกระตุกอย่างเจ็บปวด มันคงแพลงตอนล้มลง เขาขบฟันด้วยความหัวเสีย มือคว้ารากไม้แล้วพยายามดึงตัวขึ้นนั่ง “ช่วยข้าด้วย” เขาเอื้อมมือไปหาเด็กชาย

    ทันใดนั้น สุนัขป่าก็มาอยู่ระหว่างเขากับจอน มันไม่ได้ส่งเสียงขู่ เจ้าตัวนี้ไม่เคยส่งเสียงอะไรเลย มันเพียงมองดูทีเรียนด้วยดวงตาสีแดงที่สุกสกาวและแยกเขี้ยวให้ดู แค่นั้นก็เหลือเฟือแล้ว ทีเรียนส่งเสียงร้องเมื่อเขาล้มกลับลงไปกับพื้น “งั้น ไม่ต้องช่วยก็ได้ ข้าจะนั่งอยู่นี่แหละ จนกว่าเจ้าจะไป”

    จอนเกาขนหนาขาวของโกสต์ ถึงตอนนี้เขากำลังยิ้ม “ขอร้องข้าดีๆ”

    ทีเรียนรู้สึกถึงความโกรธกำลังก่อตัวอยู่ภายใน แต่เขาขยี้มันทิ้งไปด้วยแรงใจอันแรงกล้า มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนเยอะเย้ย และมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย บางทีเขาอาจจะสมควรโดนการเยอะเย้ยในครั้งนี้แล้วก็ได้ “ข้าจะขอบคุณมากเลยสำหรับการช่วยเหลือของเจ้า จอน” เขาพูดอย่างถ่อมตัว

    “นั่งลง โกสต์” เด็กชายพูด สุนัขป่าโลกันตร์นั่งลงบนขาหลัง ตาสีแดงไม่เคยละไปจากทีเรียน จอนเดินอ้อมมาหาเขา ช้อนมือลงใต้แขนแล้วยกตัวเขาขึ้นยืนอย่างง่ายๆ แล้วเขาก็หยิบหนังสือยื่นคืนมาให้

    “ทำไมมันจู่โจมข้า?” ทีเรียนถามพลางเอียงหัวชำเลืองมองไปที่สุนัขป่าโลกันตร์ เขาเช็ดเลือดและโคลนจากปากด้วยหลังมือ

    “มันคงคิดว่าท่านเป็นปีศาจในนิทาน”

    ทีเรียนชำเลืองตาอย่างรวดเร็วกลับมาที่จอนแล้วหัวเราะ น้ำมูกสาดกระเซ็นออกมาจากจมูกของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “พระเจ้า” เขาส่ายหัวพูดพลางหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทัน “ข้านี่ต้องเหมือนปีศาจน่าดูล่ะนะ แล้วถ้าเจอสัตว์ประหลาดล่ะมันจะทำอะไร?”

    “ท่านไม่อยากรู้หรอก” จอนหยิบถุงไวน์คืนให้ทีเรียน

    ทีเรียนเอาจุกออกแล้วยกเทไวน์สายยาวเข้าปาก ไวน์นั้นเหมือนไฟเย็นๆ เมื่อผ่านลงคอไปให้ความอบอุ่นกับท้อง แล้วเขาก็ยื่นถุงให้จอนสโนว์ “เอามั่งมั้ย?”

    เด็กชายรับถุงไวน์ไปแล้วพยายามกลืนอย่างระมัดระวัง “มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?” เขาถามหลังจากดื่มเสร็จ “เรื่องที่เจ้าพูดถึงหน่วยพิทักษ์ราตรี”

    ทีเรียนพยักหน้า

    จอนสโนว์เม้มปากเป็นเส้นอย่างน่ากลัว “ถ้ามันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นอย่างนั้น”

    ทีเรียนยิ้มกล้าวให้เขา “ดีมาก ลูกนอกคอก ชายส่วนใหญ่จะพยายามปฏิเสธ แทนที่จะเผชิญหน้ากับความจริง”

    “ชายส่วนใหญ่” เด็กชายพูด “แต่ไม่ใช่ท่าน”

    “ไม่” ทีเรียนยอมรับ “ไม่ใช่ข้า เดี๋ยวนี้ข้าแทบไม่ได้ฝันถึงมังกรอีกแล้วล่ะ มังกรไม่มีอีกแล้ว” ทีเรียนช้อนเสื้อคลุมหนังหมีขึ้นจากพื้น “มาเถอะ เราควรกลับไปที่ตั้งแค้มป์ ก่อนที่อาของเจ้าจะเรียกระดมพล”

    ทางเดินกลับเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ แต่มีพื้นที่ขรุขระ ขาของทีเรียนเป็นตะคริวปวดไปหมดเมื่อพวกเขากลับไปถึงแค้มป์ จอนสโนว์ยื่นมือช่วยทีเรียนข้ามรากไม้ใหญ่ แต่ทีเรียนสลัดทิ้ง เขาจะเดินด้วยตัวเองเหมือนที่เขาทำมาตลอดชีวิต ถึงอย่างนั้น แค้มป์ของพวกเขาก็เป็นภาพที่น่ายินดี ที่พักของเขาถูกตั้งขึ้นโดยอาศัยซากบ้านเก่าๆ แถวนั้น และกลิ่นสตูว์หอมๆ ก็ลอยมาเข้าจมูกของทีเรียน เขาลากสังขารไปยัง มอร์เรก คนรับใช้ของเขาที่กำลังปรุงสตูว์ โดยไม่พูดอะไร มอร์เรกยื่นที่ตักซุปให้ทีเรียนชิม “เพิ่มพริกไทยอีก” เขาบอก

    เบนจิน สตาร์ค โผล่ออกมาจากที่พักที่เขาใช้ร่วมกับหลาน “อยู่นั่นเอง จอน ให้ตายเหอะ อย่าออกไปตัวคนเดียวแบบนั้นสิ ข้านึกว่า ‘สิ่งนั้น’ เอาตัวเจ้าไปแล้วซะอีก”

    “มันเป็นปีศาจจากนิทานเด็กน่ะ” ทีเรียนบอกเขาพลางหัวเราะ จอนสโนว์ยิ้ม สตาร์คมองงงๆ ไปที่โยเรน โยเรนยักไหล่และคำรามเสียงทางจมูก แล้วหันกลับไปทำงานของเขา

    กระรอกได้ช่วยเติมเนื้อให้กับสตูว์หม้อนั้น พวกเขากินมันกับขนมปังดำและชีสแข็งอยู่รอบกองไฟ ทีเรียนแชร์ไวร์ของเขาจนโยเรนหน้าแดงเปล่งปลั่ง ผู้ร่วมทางค่อยๆ แยกย้ายกลับไปนอนที่เพิงของตัวเองทีละคน ยกเว้นจอนสโนว์ที่จับฉลากได้เวรเฝ้ายามกะแรก

    ทีเรียนเป็นคนสุดท้ายที่กลับไปนอน ขณะที่เขากำลังก้าวเข้าไปในเพิงพักที่คนรับใช้สร้างให้ เขาก็หยุดมองกลับมาที่จอนสโนว์ เด็กชายยืนอยู่ข้างกองไฟ ใบหน้าของเขานิ่งและหนักแน่น กำลังมองลึกเข้าไปในเปลวเพลิง

    ทืเรียนยิ้มอย่างเศร้าๆ แล้วเข้านอน

    08-jon.jpg

    . . .
    . . .[/QUOTE]
    cindy ถูกใจข้อความนี้
  15. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    เย้ๆ ท่านสุนัขป่าฯ กลับมาแล้วคิดถึงมากมาย รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
    ps. ไม่ได้แตะ ebook เรย
  16. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    เย่ ๆ ๆ มาให้อ่านต่อแล้ว
    อ่างทองผมเดา่ว่าให้เป็นบริเวณหอกสามง่ามละกันครับ ผมอยู่ King's Landing ช่วงลาดพร้าวครับ วอเตอร์อีสคัมมิ่ง
    cindy ถูกใจข้อความนี้
  17. cindy

    cindy ทหารม้า

    คุณaeiman ตอนนี้อพยพมาอยู่King's Landing แล้วค่ะ
    ในซีรีย์ ไม่ค่อยเหมือนหนังสือเลยสำหรับตอนนี้
    แต่ก็ชอบบทสนทนาในซีรีย์นะค่ะ เพราะรู้สึกว่าจอนรู้ทันทีเรียนเหมือนกัน
  18. ในซีรีย์ มีปรับแต่งบทของทีเรียนได้ดีขึ้นหลายจุดจริงครับ ทีเรียนดูจะพูดง่ายพูดเก่งไปซักนิดนึงในหนังสือ อะไรๆ ก็เล่าหมด ในซีรีย์ซะอีก ดูทีเรียนจะมีเรื่องไม่อยากเล่าหลายเรื่อง จนคนรอบข้างคาดคั้นถึงเล่าออกมา
  19. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    บทบาทสองคนนี้เป็นคนมีปมด้อยเหมือนกัน แต่เป็นคนที่แข็งแกร่งทั้งคู่ ซึ่งผมชอบคาแร็กเตอร์ทั้งสองคนเลยในซีรี่ย์ อยากรู้ว่าซีรี่ย์ต่อไปจะเป็นยังไง
  20. แคทลิน กับสภาพจิตใจที่แหลกเหลว

    ผมจะขอแปลช่วงต้นของบทนี้นิดนึงครับ เพราะมันสื่อสภาพจิตใจของแคทลินได้มากจริงๆ

    . . .
    . . .

    เน็ดและพวกเด็กผู้หญิงออกเดินทางไป 8 วันแล้วเมื่อเมสเตอร์ลูวินมาหานางในห้องของแบรนในค่ำคืนหนึ่ง ในมือถือตะเกียงและกองสมุดบัญชี “มันเลยเวลาตรวจสอบบัญชีแล้ว คุณผู้หญิง” เขาบอก “ท่านจะอยากรู้ว่าการมาเยือนของราชวงศ์ครั้งนี้ทำให้เราเสียไปเท่าไหร่”

    แคทลินมองดูแบรนบนเตียงแล้วปัดผมออกไปจากหน้าผาก เส้นผมของแบรนยาวขึ้นมาก นางสังเกตุ นางจะต้องตัดมันในเร็วๆ นี้ “ข้าไม่จำเป็นต้องดูตัวเลข เมสเตอร์ลูวิน” นางบอก สายตาไม่เคยละไปจากแบรน “ข้ารู้ ว่าเราเสียอะไรไปบ้างจากการมาเยือนครั้งนี้ เอาสมุดกลับไป”

    “คุณหญิง คณะของพระราชาดื่มกินกันอย่างฟุ่มเฟือยมาก เราต้องรีบเติมคลังของเราก่อนที่---”

    นางตัดบท “ข้าบอกว่าให้เอาสมุดกลับไป ให้บริกร (สจ๊วต) ของเราจัดการเอง”

    “เราไม่มีบริกร” เมสเตอร์เตือนนาง เขาช่างขี้ตอแยเหมือนหนูตัวเล็กสีเทาจริงๆ นางคิด กัดไม่ปล่อยเลย “พูล (Poole) ลงใต้ไปเพื่อดูแลเรื่องในภายในบ้านให้ท่านลอร์ดเอดดาร์ด ที่คิงส์แลนดิง”

    แคทลินพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย “อา ใช่ ข้าจำได้” แบรนตัวซีดเหลือเกิน นางคิดว่าน่าจะเลื่อนเตียงไปใกล้ๆ หน้าต่างให้เขาได้รับแสงแดดในยามเช้าเสียหน่อย

    เมสเตอร์ลูวินวางตะเกียงลง “ตอนนี้มีหลายเรื่องจริงๆ ที่ต้องการท่าน คุณผู้หญิง นอกจากบริกร เรายังต้องการหัวหน้าทหารยามคนใหม่แทนจอรี่ และผู้ดูแลม้า----”

    ดวงตาของนางกลอกอย่างรวดเร็วไปที่เมสเตอร์ลูวิน “ผู้ดูแล ม้า? ” เสียงของนางราวกับเสียงหวดแส้

    เมสเตอร์ตัวสั่น “ใช่ คุณผุ้หญิง ฮัลเลนเองก็ลงใต้ไปกับท่านลอร์ดเอดดาร์ด เพราะฉะนั้น---”

    “ลูกชายของข้าแตกหักเป็นชิ้นๆ นอนรอความตายอยู่ ลูวิน แล้วเจ้าต้องการคุยกับข้าเรื่องผู้ดูแล ม้า? คิดว่าข้าสนใจเรื่องในคอกม้าหรือ? คิดว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ? ข้ายินดีเชือดม้าทุกตัวในวินเทอร์เฟลด้วยมือของข้าเองถ้ามันจะทำให้แบรนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าเข้าใจไหม? เข้าใจไหม?

    ลูวินโค้งหัวลง “ข้าเข้าใจ คุณผู้หญิง แต่เราต้องแต่งตั้ง---”

    “ข้าจะจัดการเรื่องการแต่งตั้งเอง” ร็อบพูด

    09-cat.jpg

    แคทลินไม่ได้ยินเลยว่าร็อบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้น ตรงประตู กำลังมองดูนางอยู่ นางเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่นางกรีดร้องตะโกนเสียงดัง มันทำให้นางรู้สึกอับอายขึ้นมา นางกำลังเป็นอะไรไป? นางรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน และเจ็บข้างในหัวตลอดเวลา

    เมสเตอร์ลูวินละสายตาจากแคทลินไปหาลูกชายของนาง “ข้าเตรียมรายชื่อของคนที่ควรพิจารณาเข้ารับตำแหน่งว่างไว้แล้ว” เขาบอกพลางดึงม้วนกระดาษออกจากแขนเสื้อให้ร็อบ

    ลูกชายนางมองราบชื่อผ่านๆ เขามาจากข้างนอก แคทลินสังเกตุ แก้มเขาแดงจากความเย็น เส้นผมถูกลมพัดยุ่งเหยิง “เลือกคนได้ดี” เขาบอก “เราจะมาดูเรื่องนี้กันต่อในวันพรุ่งนี้” เขาคืนรายชื่อให้ลูวิน

    “ดีขอรับ ท่านลอร์ด” ม้วนกระดาษอันตรธานไปในแขนเสื้อ

    “ท่านไปได้แล้ว” ร็อบบอก เมสเตอร์ลูวินโค้งแล้วจากไป ร็อบปิดประตูแล้วหันไปหานาง เขาสวมดาบด้วย นางสังเกตุ “ท่านแม่ ท่านทำอะไรอยู่?”

    แคทลินคิดว่าร็อบได้รูปหน้าแบบทัลลี่จากนางมาตลอด เหมือนกับแบรน ริคคอน และซันซา ทั้งสีผิว สีผม และตาสีฟ้า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นความเป็นเอดดาร์ด สตาร์ค ในใบหน้าของร็อบ ใบหน้าที่เข้มงวดและแข็งแกร่งแบบชาวเหนือ “ข้ากำลังทำอะไร?” นางพูดกลับอย่างฉงน “เจ้าถามแบบนั้นได้ยังไง? เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรอยู่? ข้ากำลังดูแลน้องชายของเจ้า ข้ากำลังดูแลแบรน”

    “ท่านเรียกมันว่าอย่างนั้นเหรอ ท่านไม่ได้ออกจากห้องเลยนะตั้งแต่แบรนบาดเจ็บ ท่านไม่ได้ไปส่งท่านพ่อกับพวกผู้หญิงที่ประตูเลยด้วยซ้ำ”

    “ข้ากล่าวคำลาแล้วที่นี่ และเฝ้ามองดูพวกเขาเดินทางจากไปจากทางหน้าต่าง” นางได้ขอร้องเน็ดไม่ให้เขาไปหลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ทำไมเขาไม่เห็น? แต่ไม่มีประโยชน์ เขาไม่มีทางเลือก เขาบอกนาง แล้วเขาก็เลือกที่จะไป เขาเลือก “ข้าจะห่างจากแบรนไปได้ยังไง ในเมื่อทุกวินาทีอาจเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตเขา ข้าต้องอยู่กับเขา ถ้า . . . ถ้า . . .” นางกุมมือที่ผอมโซของแบรน เขาช่างผอมและเปราะบางเหลือเกิน ไม่มีพละกำลังใดๆ เหลืออยู่ในมือเลย แต่นางยังสัมผัสความอบอุ่นของชีวิตได้จากผิวหนัง

    น้ำเสียงของร็อบอ่อนลง “เขาไม่ตายหรอก ท่านแม่ เมสเตอร์ลูวินบอกว่า ช่วงเวลาที่อันตตรายที่สุดได้ผ่านไปแล้ว”

    “แล้วถ้าเมสเตอร์พูดผิดล่ะ? ถ้าแบรนต้องการข้าแล้วข้าไม่อยู่ล่ะ?”

    ริคคอน ต้องการท่าน” ร็อบตอบอย่างรวดเร็ว “เขาอายุสามขวบเอง เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาคิดว่าทุกคนทอดทิ้งเขา เขาตามกอดขาข้าแล้วร้องให้ตลอดทั้งวัน ข้าไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี” เขาหยุดชั่วขณะ แล้วเอาฟันขบริมฝีปากแบบที่เขาชอบทำสมัยเด็กๆ “และท่านแม่ ข้าก็ต้องการท่าน ข้าพยายามที่สุดแล้ว แต่ข้าไม่ . . . ข้าทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวไม่ได้” ทันใดนั้นเสียงของเขาแตกพร่่าและเต็มไปด้วยอารมณ์ และแคทลินก็จดจำขึ้นมาได้ว่าเขาเพิ่งอายุสิบสี่เท่านั้น นางอยากจะลุกขึ้นไปหาเขา แต่มือของแบรนยังคงกุมมือของนางอยู่ นางไม่สามารถขยับได้

    . . .
    . . .

    สรุปเรื่องราวในห้องนอนต่อนะครับ

    - แคทลินสติแตกกับเสียงสุนัขหอนมาก แต่เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างอยู่ในเสียงหอนที่ทำให้แบรนยังคงมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้แคทลินเคยให้ปิดหน้าต่าง พอเสียงหอนไม่เข้ามาในห้อง แบรนก็ทรุดลงจนเกือบตาย จนทุกคนต้องรีบเปิดหน้าต่างให้เสียงเข้าไปใหม่

    - เหตุการณ์ไฟไหม้ และคนลอบสังหาร คล้ายๆในซีรีย์ ยกเว้นคนร้ายถูกกัดล้มลงข้างๆ แคทลินเลย หมาป่าของแบรนกัดคอคนร้ายหายไปครึ่งคอ เลือดของคนร้ายสาดกระจายเต็มหน้าแคทลิน นางรู้สึกเหมือนเป็นเม็ดฝนอุ่นๆแคทลินบอกขอบคุณ

    - หลังจากสุนัขป่าของแบรนกัดคนร้าย มันก็เลียมือแคทลินจนสะอาด แล้วขึ้นไปนอนบนเตียง ส่วนแคทลิน สักพักนางก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะไม่หยุด จนทุกคนกลับมาเห็น รอจนนางเริ่มหยุดหัวเราะ จึงพาตัวกลับไปที่ห้องนอนของนางเอง อาบน้ำ แล้วปฐมพยาบาล

    - หลังจากนั้นแคทลินหลับไปถึง 4 วัน

    10-cat.jpg
  21. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    ในซี่รี่ย์บทค่อนข้างไปเร็วมาครับเนื้อหาตรงนี้ โดยรวมแล้วเหมือนเก็บครบ แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังขาด ๆ อยู่ ขอบคุณครับสำหรับบทแปล
  22. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ในซี่รีย์ดูเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่แคทดูแลแบรน ทำให้ตอนแบรนนึกน้อยใจที่แม่ไม่อยู่ดูสมกับที่แบรนโกรธ
    แต่ในหนังสือเห็นว่าแคทดูแลอยู่นานมากกว่า
  23. แคทลินแกก็เพี้ยนๆ นะครับ เล่มหลังนี่ เหมือนไม่ยอมแพ้ร็อบ จนไม่ยอมกลับบ้านดูแลลูกๆ เลย ผมว่าคุณเธออีโก้สูงทีเดียว ทั้งแบรนทั้งริคค่อน ควรต้องมีแม่คอยปรามจริงๆ
  24. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    แต่ผมว่าคงไม่เพี้ยนเท่า น้องสาวแกอ่ะ
    ในหนังดูวิกลจริตไปแล้ว
  25. น้องสาวนี่บ้าไปแล้วครับ 555

Share This Page