***Game of throne :: In the name of father***

กระทู้จากหมวด "พูดคุย Game of Thrones" โพสต์โดย claymask, 23 กรกฎาคม 2014.

  1. claymask

    claymask พลเดินเท้า

    ***Game of throne :: In the name of father***




    [​IMG]
    เหล่าชายผู้ล่วงเลยสิ่งที่เรียกว่าความเยาว์นั่งเล่นไพ่กับบนโต๊ะที่มีเก้าอี้รายล้อมอยู่สี่ตัว ผู้เล่นไม่มากไปกว่าจำนวนเก้าอี้ เป็นโรงเหล้าเล็กๆพื้นที่พอให้นั่งได้ห้าโต๊ะ กลิ่นของไม้โอ๊คที่หมักไวน์จากแดนใต้ ควันจากการรมเนื้อม้าพร้อมใบไทม์ อบเชย และกระวาน ย่างพอสุกให้ฉ่ำเลือดนิดๆ พร้อมเสริฟร์บนโต๊ะไม้แอ๊ชเคลือบชักเงา ลายแกะสลักบนโต๊ะเป็นรูปของทวยเทพผู้จมน้ำ
    โรเบิร์ต บาราเทียน กำลังมือขึ้น เขากระดกไวน์องุ่นเข้าปาก ถ้วยสีเงินสลักรูปกวางเคลือบทองบ่งบอกความภาคภูมิใจของตระกูล พร้อมบ่นอุบอิบอยู่เสมอเมื่อต้องลุกไปรินไวน์ด้วยตัวเองบ่อยครั้ง เขาคิดถึงทหารฝึกหัดของตระกูลแลนนิสเตอร์ที่เคยทำหน้าที่นี้ บัดนี้พุงและส่วนเกินอื่นๆที่ยื่นงอกมาราวกับอวัยวะพิเศษ ทำให้เขาเชื่องช้า งุ่มง่าม เพิ่มเติมความหงุดหงิดให้แก่เขา อาวุธของเขาในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถต่อกรเหล่าศัตรูในวงไพ่ได้ก็มีแค่ฝีปากซึ่งดูจะโผงผางและไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เท่าทันผู้เล่นอีกสามคนบนโต๊ะ เขาจึงเลือกจู่โจมคนที่คิดว่าเขาพอจะรับมือไหว

    “รีบๆทิ้งไพ่เสียทีเถิด เน็ด ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนข้าจริงๆแล้วนะ สิ่งที่เจ้าทำอยู่ไม่ได้เรียกว่าสุขุมหรือเย็นชาแต่ประการใด มันเรียกว่าขี้ขลาดต่างหาก” โรเบิร์ต เล่นเกมจิตวิทยากับเพื่อนรักในวัยเยาว์จวบจนวันที่สิ้นชีพ

    “โรเบิร์ต ก็เจ้ามัวแต่เก็บไพ่ของตัวเอง มองย้อนเงาสมัยยังหนุ่มแน่นไว้กับอยู่ตลอดทุกตาที่เจ้ามีไพ่นั้นอยู่ เขาก็รู้กันหมดว่าใบสุดท้ายของเจ้าน่ะคืออะไร ตาที่แล้วเจ้าก็แพ้ให้กับไทวิน จนถึงกับต้องร้องเพลง เรน ออฟ คาสตาเมียร์ โหยหวนและผิดคีย์ราวกับหมูป่าถูกเชือด” เอ็ดดาร์ก สตาร์ค พูดเสร็จก็ดึงไพ่ในมือมาหนึ่งใบทิ้งลงไปที่กลางวง เขาจับคอตัวเองอยู่บ่อยครั้งราวกับว่ามันจะหลุดเคลื่อนไปถ้าไม่ได้สัมผัสมันบ่อยๆ ชุดเกราะเคี่ยวหนังที่ส่วมใส่สีน้ำตาลอ่อน ผ้าคลุมสีเทาจากหนังหมี เขาภูมิใจกับมัน เกียรติ์ยศ ศักดิ์ศรี และเมื่อลองคลำไปที่ข้างเอวอย่างคุ้นชิน เขาก็มักจะลืมอยู่เรื่อยว่าดาบไอซ์ของเขาไม่อยู่ในที่ๆควรจะอยู่เสียแล้ว สายตาจ้องเขม็งไปที่ไทวิน แลนนิสเตอร์ ในขณะที่ปากพูดกับโรเบิร์ต บาราเธียน
    “จากคำเรียกฝ่าบาท บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นคำว่า เจ้า ไวน์แดนใต้นี้รสชาติขมยิ่งนักเน็ด แต่นั่นไม่เจ็บปวดเท่าไพ่ที่เจ้าทิ้งลงมา” โรเบิร์ต บาราเธียน เพ่งมองไพ่ที่อดีตสหายร่วมศึกและหัตถ์ขวาเขาเพิ่งทิ้งลงมา สัญลักษณ์รูปกวางทองบนขอบซ้ายบนและขวาล่างของไพ่ รูปวาดเด็กหนุ่มผมทองที่คล้ายตัวจริง บนศีรษะประดับไปด้วยมงกุฏทำจากทองคำประดับด้วยทับทิมและเพชรสีดำ ลวดลายการออกแบบให้เหมือนเขากวางในตระกูลบาราเธียน เขายิ้มอย่างที่โรเบิร์ตคิดว่าน่ารักน่าใคร่ น่าเอ็นดู ซึ่งอาจจะต่างจากมุมมองของ เอ็ดดาร์ค ในมือทั้งสองของเขาถือหน้าไม้สลักเสลาลายสวยงาม เท้าขวาเหยียบไปที่หมู่ป่าตัวใหญ่ เหยื่อที่เด็กชายผมทองภูมิใจ

    “เจ้าควรจะเก็บมันไว้ท้ายๆนะเน็ด ไพ่แต้มสูงอย่างนี้ บุตรที่น่าเกรงขามของข้า เจ้าทิ้งไพ่แลนนิสเตอร์ทุกตาข้าพอเข้าใจ แต่นี่เจ้าถึงกับทิ้งไพ่ของลูกข้าลงมาที่ตาแรก” โรเบิร์ตส่ายหัวกับความคิดประหลาดของ เอ็ดดาร์ค สตาร์คไพ่จอฟฟรีย์ บาราเธียน ทำให้เขาตัดสินใจยากขึ้น


    “หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าใครสั่งตัดคอข้า โรเบิร์ต!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คเริ่มขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์

    มันเข้าทางของโรเบิร์ต พอดิบพอดี เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ยั่วสำเร็จ แกล้งทำเป็นถ่วงเวลาเลือกไพ่นั่งจิบไวน์ในกิริยาที่น่าหมั่นไส้

    “ไพ่โรเบิร์ต บาราเธียนตอนหนุ่มที่เจ้าถืออยู่นั่นไง เอามันออกมาใช้เสียที เจ้าถือไว้มันก็ไม่ได้ช่วยเจ้าย้อนเวลาไปผอมเหมือนคนในไพ่หรอกน่า!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คยังหยุดความโมโหของตัวเองไม่ได้
    “ข้าขอผ่าน มีพ่อที่ไหนทำร้ายลูกตัวเองบ้าง ตาเจ้าแล้วล่ะ โอเบริน มาร์เทล” โรเบิร์ตผายมือไปยังชายผู้นั่งนิ่ง ยิ้มเป็นบางครั้งแต่มักจะใช้สายตาสอดส่ายพฤติกรรมเพื่อนรวมวง

    “นั่นเพราะท่านยังเดินทางไม่มากนะ โรเบิร์ต จากอีสต์ซอส จนถึงเวสเทอรอส ข้าเห็นมันมานักต่อนัก และส่วนใหญ่จบลงด้วยความเศร้า” โอเบริน มาร์เทล หรือที่ใครๆเรียกกันว่าอสรพิษแดง นั่งไขว้ห้าง มือขวาจับที่เคราหรอมแหรม สีดำสนิทเหมือนหนวด และผมที่หยักศก แต่งกายในชุดลำลองผ้าไหมเนื้อดีสีแดงราวกับสีเลือดของอสรพิษ ปักดิ้นทอง กระดุมเงินห้าเม็ดเรียง ตัวกระดุมเป็นสัญลักษณ์พระอาทิตย์ และหอก ตราประจำตระกูลมาร์เทล มือซ้ายของเขายังไม่ได้จับไพ่เพื่อตัดสินใจ แต่เลือกที่จะชูแก้วที่คล้ายจอกสีเงิน หันหน้าไปยังบุรุษร่างกำยำผู้ที่เป็นทั้งพ่อครัวและผู้ตระเตรียมอาหารให้ในวงไพ่นี้

    “โอเบริน ทำไมเจ้าถึงได้สิทธิ์พิเศษในการรินไวน์อยู่คนเดียวนะ” โรเบิร์ต ทำน้ำเสียงฉุนเฉียว
    “นั่นเพราะข้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นอิสตรี และความเป็นชายไงล่ะท่าน” เขาหันไปยิ้มให้กับชายร่างกำยำ ผิวสีทองแดง ตาสีน้ำตาลเข้ม เปียที่ถักบนหัวยาวมาจรดพื้น

    นักสู้บนหลังม้าที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุค เดินถือถาดอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จ เนื้อมาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำราดสมุนไพรย่างสุก พร้อมทั้งเหยือกที่เปี่ยมด้วยไวน์ โรเบิร์ตทำจมูกฟุตฟิต ดมกลิ่นหอมจากถาดเบื้องหน้า
    “เจ้ามีพรสวรรค์ในการทำอาหารนะ คาล โดรโก” ไทวิน แลนนิสเตอร์ มองการประดับจานอย่างมีศิลปะ ของคาลโดรโก ถึงกับต้องเอ่ยชม

    “สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดหลังการตาย ก็คือสามารถฟังภาษาของพวกเจ้ารู้เรื่องนี่แหล่ะ รีบกินรีบเล่นกันให้เสร็จเสียที ข้าเบื่อที่จะต้องคอยห้ามพวกเจ้าหลังจากทะเลาะกันเป็นเด็กๆอีกต่อไปแล้วนะ” คาลโดรโก พ่นลมออกทางจมูกแสดงอาการไม่พอใจ
    “คาลผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าหน่อยเถิด ข้ารู้สึกว่าสายตาข้าพร่ามัวเจ้าช่วยข้าดูทีว่าไพ่ใบนี้สามารถชนะไพ่ที่ ลอร์ด เอ็ดดาร์ค ทิ้งลงมาได้หรือไม่ ขออภัยจริงๆ เนื่องจากข้าไหว้วานเจ้าได้ผู้เดียว ไม่งั้นข้าโดนสหายเหล่านี้รู้ไพ่ในมือหมด” ปากเมื่อขยับและมือก็เริ่มจาบจ้วง ลูบไล้ไปบนมัดกล้ามที่เปลือยเปล่าของคาล โดรโก้ อาการตาพร่ามั่วหรือวิตกจริตไปว่ามองไม่เห็นของ โอเบรินนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ราวกับรอยแผลที่ฝังลึกยากจะลืมเลือน เอ็ดดาร์ค สตาร์ค หันมามองเขาอย่างเข้าใจแต่ก็ค่อนข้างกระอักกระอ่วนในการกระทำของโอเบริน

    “ชนเผ่าข้าเคยมีเสียงร่ำลือว่ากินเนื้อม้าสดๆ ปล้นฆ่าและข่มขืน สมสู่กับม้า แต่ไม่มีซักครั้งที่จะมีจริตทางเพศวิปริตเช่นนี้” คาล โดรโกสะบัดตัว กระแทกเหยือกไวน์ลงบนโต๊ะ จนไวน์สีแดงกระฉอกผ้าปูโต๊ะลายกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน

    เอ็ดดาร์ค มองไปที่รอยสีแดงราวกับเลือดเปื้อนไปที่ลายกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน ความเศร้าเข้าปกคลุมจิตใจเขาขั่วขณะ มันเป็นดอกไม้ที่เธอชื่นชอบ

    “ข้าลืมบอกท่านไปอย่างนึงนะ โรเบิร์ต นอกจากพ่อที่ทำร้ายลูกตัวเองที่ข้าเคยประสบมาแล้ว ยังมีลูกที่ทำร้ายพ่อของตัวเองได้ด้วย” โอเบรินหันไปแสยะยิ้มกับไทวิน แลนนิสเตอร์ มันเป็นยิ้มที่น่าขนลุก คล้ายกับยิ้มของ เกรกอร์ คลีแกน ในห้วงเวลาที่ตัวเขาเองก็อยากจะลืมมัน สิ้นเสียงของของโอเบริน เขาก็หยิบไพ่มาวางทับไพ่ จอฟฟรี่ย์ อย่างช้าๆ
    ไพ่สัญลักษณ์สิงห์โตที่มุมซ้ายบน และขวาล่าง รูปวาดของชายผู้มีสัดส่วนผิดเพี้ยนไปจากสำนึกของผู้คนไม่ต่างจากคนแคระ กำลังถือหนังสือเล่มโต ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับผู้เฝ้ามอง






    to be continue.....
    เป็นแฟนฟิคที่ลองแต่งเองนะครับ
    ชี้แนะด้วยนะครับ
    ขอบคุณครับ
  2. ชาซารี

    ชาซารี ราชองค์รักษ์

    ให้คนที่ตายไปมานั่งคุยกัน ไอเดียดีนะ น่าจะมีจอฟฟรีกับไทวินด้วย
  3. claymask

    claymask พลเดินเท้า

    ขอบคุณในคอมมเมนต์มากคัฟ จะปรับๆบทพูดในตอนต่อๆไปจ้า

    ^0^
  4. ชาซารี

    ชาซารี ราชองค์รักษ์

    ลงใน pantip แล้วอย่าลืมเอามาลงในนี้ด้วยนะค้า เนื้อเรื่องเก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของแต่ละตัวละครได้ดีมากเลย;)
  5. claymask

    claymask พลเดินเท้า

    มาต่อแล้วครับ เชิญติดตามได้จ้า

    -----------------------



    แสงสว่างวาบที่ไพ่ทั้งสองบนพื้นโต๊ะ ไพ่ จอฟฟรี่ย์ บาราเธียน ตะโกนใส่ไพ่ ทีเรียน แลนนิสเตอร์ว่า ‘ข้าคือ ราชา ข้าคือราชา คุกเข่า!!!’


    ไพ่ทีเรียนมองด้วยดวงตาข้างที่มีนัยน์ตาสีเขียวมรกต เม้มปากและเงยหน้ามองหลานชายที่ตะโกนสั่งไม่ขาดปาก


    ‘หน้าไม้ในมือเจ้า พูดคุยกับข้าเข้าใจง่ายกว่านะ หลานชาย’


    ‘ข้าคือราชา ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสั่งสอน!!!’


    สิ้นเสียงของไพ่จอฟฟรี่ย์ ไพ่ทีเรียนก็ประเคนหนังสือเล่มหนาเตอะว่าด้วยประวัติศาสตร์การสร้างผากำแพงทางเหนือของแบรนด์ ผู้สร้าง อัดเข้าไปที่ขมับของจอฟฟรี่ย์ด้วยความรุนแรง ไพ่จอฟรรี่ย์เซถลา หันไปมองหาบิดาเพื่อขอความช่วยเหลือ


    “เสียใจด้วยบุตรของข้า นี่เป็นการต่อสู้ที่ข้าไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้” โรเบิร์ตตีหน้าเศร้า เฝ้ามองไพ่ที่กำลังต่อสู้กันอย่างเข้มข้น


    “เจ้าราชาโง่ ไม่ยอมรีบขึ้นหน้าไม้ในมือตั้งแต่เริ่ม เจ้าเอาหน้าไม้ฟาดทีเรียนเร็วๆซิ” เอ็ดดาร์ค สตาร์ค เผลอส่งเสียงเอาใจช่วยจอฟฟรี่ย์อย่างไม่ตั้งใจ เนื่องด้วยเป็นการแข่งขันที่มีการเอาชนะ ความแค้นระหว่างบุคคลจึงถูกหลงลืมลงชั่วขณะ


    ‘ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ’ ทีเรียนพูดจบประโยค ก็ฟาดหนังสือเล่มหนาใส่จอฟฟรี่ย์ไม่ยั้ง จนราชาอายุน้อยทรุดกายลง แต่ทีเรียนก็ยังไม่หยุดฟาด เลือดทะลักออกจากปากของจอฟฟรี่ย์ คู้ตัวลงแล้วจึงเอ่ยคำ


    ‘ข้าแพ้แล้ว’

    สิ้นเสียงของไพ่จ๊อฟฟรี่ย์ แสงสีขาวผุดขึ้นอีกครั้ง ไพ่ของจ๊อฟฟรี่ย์หายไปจากโต๊ะ หลงเหลือแต่ไพ่ทีเรียน แลนนิสเตอร์


    ‘ราชาทีดีควรเป็นอย่างไรนะ ท่านพ่อ’ ไพ่ทีเรียนยิ้มยียวน โค้งคำนับผู้เล่นรอบโต๊ะ แล้วหันไปถามคำถามทิ่มแทงต่อ ไทวิน แลนนิสเตอร์


    “ลูกชายท่านชนะน่าจะดีใจนะ ไทวิน” โอเบรินหันไปพูดคุยในทีท่าสบายๆ


    “ข้าไม่นับเขาเป็นลูกชาย” สายตาของไทวิน ยังมองเขม็งไปที่ไพ่ ในใจยังครุ่นคิดคำนึงถึงอดีตที่ผ่านมา เขาใส่ชุดคลุมหลวมด้วยผ้าป่านเบาบางสีเหลือง ลายบนตัวเสื้อบ่งบอกถึงสัญลักษณ์ตระกูลสีแดง ราชสีห์ที่กำลังคำราม ภายในโรงเหล้าแห่งนี้ เขาเป็นผู้เดียวที่เดินเข้าออกห้องน้ำบ่อยที่สุด มันเป็นการกังวลว่าจะทำธุระไม่เสร็จ เป็นบาดแผลฝังลึกก่อนที่เขาจะสิ้นชีพ ไม่ต่างจาก เอ็ดดาร์ค และ โอเบริน เมื่อเห็นหน้าไม้ในมือไพ่ของจอฟฟรี่ย์ เหงื่อแห่งความหวาดผวาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว แต่เขายังเก็บอาการ


    “ลูกชายเจ้ามัวทำอะไรอยู่โรเบิร์ต เป็นราชาที่งี่เง่าที่สุดที่ข้าเคยเจอมา ถ้าไม่นับเจ้าล่ะนะ แย่ที่สุด!!!” เอ็ดดาร์ค ระบายความขุ่นเคืองต่อโรเบิร์ตอย่างหัวเสีย เมื่อไพ่ที่ลงไปแพ้ เขาจึงต้องจั่วไพ่เพิ่มขึ้นมาอีกสามใบ ในมือของ เอ็ดดาร์คตอนนี้มีไพ่อยู่สิบสองใบเข้าไปแล้ว “เป็นอย่างนี้ทุกที ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ หนังสือกับหน้าไม้ นี่มันเรื่องตลกโง่เง่าชัดๆ”
    “ความเก่งของบุตรเป็นความภาคภูมิใจของบิดา ส่วนความไม่เอาไหนของบุตรก็ถือเป็นความเจ็บปวดของบิดาเช่นกัน” โรเบิร์ตน้ำตารื้นคลอเบ้า ส่งเสียงสั่นเครือ


    มันเข้าทางของเอ็ดดาร์คบ้างคราวนี้ เขาแอบยิ้มอย่างอารมณ์ดีไม่ให้ใครเห็นเมื่อยั่วโรเบิร์ตได้สำเร็จ เมื่อไพ่ที่จั่วเพิ่มขึ้นมาสามใบ อยู่ในแนวทางที่เขาคาดหวัง


    “ท่านโอเบริน ไพ่ทีเรียนของท่านเป็นฝ่ายชนะ ท่านสามารถลงไพ่อีกใบเพื่อช่วยไพ่ทีเรียน ตามกติกา ท่านจะใช้สิทธิ์เลยหรือไม่” ไทวินถามคำถามต่อโอเบรินด้วยความสุภาพ แต่ในใจกลับคิดว่างแผนการใหญ่


    “ไม่ล่ะท่านลอร์ดไทวิน ข้าขอดูไพ่ของท่านก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” เขายิ้มอย่างรู้ทันสิงห์โตเฒ่าอย่างไทวิน เรื่องอะไรที่จะเปิดไพ่ให้ศัตรูเป็นฝ่ายดูก่อน


    “ทำไมเราไม่กินกันไปคุยกันไปเสียก่อนเล่า สหายร่วมโต๊ะทั้งหลาย ไพ่ก็เป็นแค่เกมที่ทำให้พวกเราเคร่งเครียดกันเกินจริงไปนะ ข้าอยากชวนคุยเรื่องเก่าของตระกูลข้า และก็จะแลกเปลี่ยนเรื่องเล่าของตระกูลพวกท่าน รวมถึงท่านด้วยนะ คาล โดรโก พวกท่านไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมข้าใส่ตราสัญลักษณ์สิงห์โตสีแดง แทนที่จะเป็นสีทอง” ไทวินเริ่มถ่วงเวลาด้วยการชวนคุย


    “ก็เพราะท่านใส่เสื้อสีเหลืองไงล่ะ ถ้าลายสัญลักษณ์สิงห์โตของท่านเป็นสีทองก็ถูกกลืนและไม่โดดเด่น เรื่องแบบนี้ให้ ทอมมินบุตรข้ามาตอบก็ตอบได้ รีบเล่นเร็วๆเข้าเถอะลอร์ดไทวิน อย่าถ่วงเวลาอยู่เลย” โรเบิร์ตเร่งเร้า เขายังไม่ได้ทิ้งไพ่ลงไปเลยซักใบ


    “ทอมมินหลานข้า อาจจะมีคำตอบที่ต่างจากท่าน และฉลาดกว่าท่านนะ โรเบิร์ต” ไทวินหันไปตอบด้วยเสียงแผ่วเบา


    ‘เพราะสัญลักษณ์สิงห์โตสีแดงนี้เป็นของตระกูลคาสตาเมียร์ไงล่ะท่านพ่อ ท่านอยากจะให้ข้าบอกเหตุผลอีกหรือไม่ว่าทำไมท่านถึงใส่มัน หรือว่าจะรีบทิ้งไพ่ในมือท่านมาให้ข้ารีบกำจัดเสีย’ ไพ่ทีเรียนตะโกนเสียงดังเพื่อให้วงไพ่ได้ยิน



    “หุบปากเจ้าเถอะทีเรียน ข้าภาวนาต่อทวยเทพทั้งเจ็ดเลยทีเดียวว่าอยากจะมีไพ่’เช’อยู่ในมือข้า อยากรู้นักว่าเจ้าจะทำยังไง” หลังจากถูกไพ่ทีเรียนดักคอ ไทวินจึงวางไพ่ลงฝั่งตรงข้ามต่อไพ่ทีเรียน


    เป็นไพ่ลักษณะพิเศษที่มีสีแดงก่ำดั่งเพลิง มุมซ้ายบนและขวาล่างเป็นรูปหัวใจที่ไหม้ไฟ นักบวชแดง เมลิซานเดร หญิงสาวที่น่าลุ่มหลง ผู้นับถือเทพแห่งแสง รัลลอร์ มาในชุดยาวปิดขาเปิดสัดส่วนบนให้ดูน่าค้นหา กำลังกางมือออก ต่อหน้ากระโจมไฟที่ยังคงแผดเผา


    แต่มือของไทวินยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเขาหยิบไพ่อีกใบมาวางติดกันทันที ไพ่อีกใบสัญลักษณ์เป็นรูปดอกกุหลาบและหนาม มาร์เจอรี่ ไทเรล แห่งไฮการ์เดน หญิงสาวผู้อ่อนช้อยและงดงาม แต่ถ้าไม่ระวังก็จะเจอหนามแหลมคมทิ่มตำได้ ผ้าลูกไม้แขนยาว คลอสเซ็ตร้อยเชือกถักเอ็นวัว รัดร่างให้เอวบาง ผ้าป่านลวดลายดอกไฮเดรีนเยียร์สีม่วง รับกับใบหน้าหวานของนางยิ่งนัก


    “สำหรับผู้มักมากในกามอย่างเจ้า คงจะเก่งได้แต่กับเด็กและโสเพณีในตรอกถูกๆล่ะนะทีเรียน สุภาพสตรีทั้งคู่เจ้าจะเอาชนะอย่างไรข้าอยากจะรู้นัก”


    “ท่านลอร์ดไทวิน อย่าหาว่าข้าโง่เง่าเลยนะ การจะนำไพ่ประกบช่วยกัน มันต้องมีจุดเชื่อมโยงกันอย่างใดอย่างหนึ่งที่สำคัญ อันนี้ข้ามองไม่เห็นเลยว่ามันเชื่อมโยงกันตรงไหน” โอเบรินทักท้วงเมื่อรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม


    “จุดเชื่อมโยงแรก ไพ่ทั้งสองใบเป็นไพ่หญิงสาว จุดเชื่อมโยงที่สองไม่มีอาวุธด้วยกันทั้งคู่ จุดเชื่อมโยงที่สามเป็นสตรีที่ชายใดได้เห็นแล้วก็คิดถึงเรื่องราวได้ประการเดียว” ไทวินใช้ความเจ้าเล่ห์ขุดหาเหตุผลมาเถียงข้างๆคูๆ


    “ข้าชอบเหตุผลท่าน ข้ายอมรับ เน็ดล่ะเจ้าว่าไง” โรเบิร์ตรีบหันมาถาม

    มันจะได้รีบๆเล่นกันใช่ไหม เอ็ดดาร์คคิดในใจ “เอาล่ะ ข้ายอมรับด้วยเชิญเล่นต่อเถิด ท่านลอร์ดโอบเริน ท่านลอร์ดไทวิน


    “ในเมื่อท่านเล่นเอามารยาสตรีมาจัดการกับไพ่ทีเรียนของข้า ก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องนำไพ่ชายผู้เจนจัดในเรื่องกามารมณ์ออกมาเป็นตัวช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้!!” โอเบรินตวาดเสียงลั่น หยิบไพ่ในมืออีกใบนำมาวางเคียงข้างไพ่ทีเรียนของตัวเอง


    “ธีออน เกรย์จอย!!!!” เสียงไทวินประสานพร้อมเพรียงกันกับเอ็ดดาร์คสตาร์ค เมื่อโอเบรินหงายไพ่ให้เห็นหน้าตาชายหนุ่มในไพ่นั้น
    Nemuineko Nai ถูกใจข้อความนี้
  6. inzee

    inzee อัศวินไร้นาย

    รอนะครับ ชอบมากกก
  7. claymask

    claymask พลเดินเท้า

    ต่อนะครับ

    ------------------------





    ไทวิน แลนนิสเตอร์เริ่มหวั่นใจกับกิตติศัพท์ของธีออน ที่เกี่ยวกับหญิงสาวมานานแล้ว ลูกชายของเขาทีเรียนยังไม่เท่าไหร่อาจจะได้ขึ้นชื่อว่าหมกมุ่นในกามแต่มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับนักรัก สองสิ่งนี้คล้ายกับเป็นพี่น้องที่คลอดออกมาจากท้องเดียวกันแต่อุปนิสัยนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เขามองไปที่ไพ่ธีออน มุมซ้ายของไพ่และมุมขวาล่างสัญลักษณ์สัตว์รูปร่างคล้ายปลาหมึกแต่น่าเกรงขามกว่าหลายเท่า ‘คราเคน’ ตัวธีออนเองใส่เกราะสีเงิน เงาวาววับ ประทับตราสัญลักษณ์ตระกูลไว้ที่กลางอก ผมหยักศกสีน้ำตาลเหลือบทอง ใบหน้าคมคาย รอยยิ้มที่หญิงสาวเห็นแล้วต้องตั้งคำถาม และเมื่อตั้งคำถามแล้วก็ตกในหลุมพรางแห่งคำพูดของเจ้าหนุ่มผู้นี้แน่ๆ


    โอเบริน มาร์เทล มองไปยังไพ่ทั้งคู่อย่างพออกพอใจ แสงสว่างวาบที่ไพ่ทั้งสามใบ ไพ่ทีเรียนเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อ

    เสียงหัวเราะจากวงไพ่ด้วยเสียงอันดัง ยกเว้น โอเบริน มาร์เทลเท่านั้นที่เงียบกริบ เมื่อหนุ่มรูปงามอย่าง ธีออน เกรย์จอยตามหน้าไพ่เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อแสงสว่างให้สัญญาณต่อสู้ บัดนี้ ธีออน เกรย์จอยแปรสภาพเป็นชายที่น่ารันทดที่สุดแห่งดินแดนเวสเทอรอส ดวงตาหวาดผวาด้วยความกลัว เนื้อตัวขะมุกขะมอม เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวขุ่น เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเกราะกรัง และสีของโคลน ธีออน เกรย์จอยมองไปที่ไพ่หญิงสาวเบื้องหน้า เขาเอามือกุมหัว ตัวสั่นเทา พูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประโยคเดียวว่า ‘นายข้า อย่าทำร้ายข้า ข้ารี๊คเอง ข้า……ข้า รี๊ค……..’


    ไพ่ทีเรียนเอามือกุมขมับเมื่อเห็นกิริยาของธีออน เกรย์จอย เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มมากรักผู้นี้ เจอกันครั้งล่าสุดก็ตอนเขาออกจากวินเทอร์เฟลเพื่อไปผากำแพง

    ‘สำหรับคืนที่มืดมิดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว’ เมลิซานเดร นักบวชหญิงดวงตาสีเขียว ผมสีแดงสด กล่าวคำพูดแห่งความเชื่อ เมื่อพูดเสร็จ กองเพลิงที่อยู่ด้านหลังก็ลุกโชนมากยิ่งขึ้น

    ‘เอาล่ะ แม่หญิงทั้งสอง ข้าขอเจรจาเพื่อความพอใจกันทุกฝ่าย ข้าทีเรียนถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีการสู้กันอย่างนี้ยิ่งเป็นหญิงสาวแล้วล่ะก็ เอาอย่างนี้ท่านหญิงเมลิซานเดร สำหรับการบูชาเทพแห่งแสงของท่าน ข้าจะช่วยท่านด้วยการเสียสละไพ่ผู้ติดตามของข้า ท่านเห็นว่าอย่างไร’

    ไพ่นักบวชหญิงมองไปที่ธีออน ด้วยความสมเพชแล้วจึงหันไปถามไพ่ทีเรียน ‘เขานับถือเทพอะไร’

    ‘เทพผู้จมน้ำ’

    ‘แล้วเจ้าล่ะทีเรียน’

    ‘โอ๊ะโอ ข้าเพิ่งรู้สึกว่ารัลลอร์ของท่านน่านับถืออย่างยิ่งยวด ข้านับถือเทพแห่งแสงเช่นเดียวกับท่านแล้ว ไหนๆข้าก็เดินทางมายังตะวันออกแล้วนี่’

    ‘งั้นช่วยข้าจับเจ้าหนุ่มธีออนนี่ขึงกับไม้ด้วย แม่นางมาเจอรี่ ข้าขอแรงด้วย’ ไพ่เมลิซานเดร ออกคำสั่งด้วยความสุภาพ

    “อย่าไปเชื่อคำของมันนักบวชแดง เจ้าจะถูกมันหลอก แล้วเจ้าจะสูญเสียทุกอย่าง!!!!” ไทวิน แลนนิสเตอร์ ตะโกนให้ดังที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กระตุ้นเตือนไพ่ที่เขาเพิ่งลงไป “มาเจอรี่เจ้ามัวทำอะไรอยู่ จะไปเข้าร่วมด้วยเหมือนเมลิซานเดรไม่ถูกต้องนะ”

    ‘ข้าชื่อทีเรียน ไม่ได้ชื่อไทวินนะท่านพ่อ หญิงสาวเหล่านี้เขาแยกแยะได้ว่าใครควรเชื่อใจ ใครควรจะขจัดทิ้ง’

    ‘ปล่อยข้า นายท่าน ปล่อยข้าเถอะ ข้ารี๊ครับรองว่าจะเป็นข้าทาสรับใช้ท่านอย่างดีได้โปรด’

    ไพ่เมลิซานเดรหยุดการลากธีออนไว้ชั่วครู่ เอามือลูบไปตามร่างกายของเขา เธอเคยได้ยินกิตติศัพท์ของธีออนมาเช่นกัน ทั้งในเรื่องเจนจัดบนเตียง และความยิ่งใหญ่กำยำที่หญิงสาวเจนโลกถวิลหา แต่เมื่อเธอลูบไปจนถึงส่วนที่มันควรจะมี และเธอต้องผิดหวัง ใบหน้าเธอฉายแววเช่นนั้น

    ‘เจ้าไม่สามารถรับใช้ข้าได้แล้วล่ะเจ้าหนุ่ม ชื่อเสียงของเจ้าถูก’ตัด’ ออกไปแล้ว มันน่าเศร้าที่เจ้าถูกกระทำเช่นนี้ แต่เทพแห่งแสงของข้าจะนำเจ้าไปยังเส้นทางที่ถูกต้องอย่าห่วงไปเลย’

    ไพ่ทีเรียนล้วงหยิบของในกระเป๋าหนังด้านหลัง เป็นขวดกระปุกแก้วเล็กๆ ที่มีน้ำสีเขียวบรรจุอยู่ภายใน ‘มันจะทำให้เขาทรมาณน้อยลง แม่หญิง ถือว่าข้าขอแล้วกัน เสียงกรีดร้องสำหรับข้ามันหดหู่ยิ่งนัก’

    ‘ไวด์ไฟล์’ มอเจอรี่เข้ามามองวัตถุในมือของทีเรียนพร้อมอุทานออกมา


    ในขณะที่นักบวชแดง เมลิซานเดร กำลังรื่นรมย์กับพิธีกรรม เธอเขวี้ยงกระปุกไวด์ไฟล์แตกลงที่พื้น เปลวไฟสีเขียวลุกพรึบ เผาไหม้อย่างรวดเร็ว เสียงร้องของ ธีออน เกรย์จอยดังอยู่ไม่นานก่อนจะเห็นเป็นเถ้าถ่าน

    ‘แล้วข้าล่ะท่านทีเรียน ท่านสามารถทำอะไรให้ข้าพอใจบ้าง’ มอเจอรี่เอียงคอยิ้มยั่ว กระซิบข้างหูของทีเรียนอย่างเบาๆ

    ‘ท่านหญิงมอเจอรี่ ท่านนี่ซุกซนไม่เบาเหมือนกันนะ’

    สิ้นเสียงของไพ่ทีเรียน เขารีบถอดเกราะชั้นนอกออก และปลดเปลื้องเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างกันกับทางมอเจอรี่ ไทเรล

    ‘ข้าเองอยากลองของแปลกมานานแล้ว ไวท์วอล์กเกอร์ ยักษ์ เด็กแห่งพงไพร นักบวชของเทพต่างๆและท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น’ เธอเขินหน้าแดง แต่มันเป็นแค่จริตที่เธอแสร้งทำ

    ‘เจ้าปราถนานักบวชจริงหรือ แม่หญิงมาเจอรี่’ เมลิซานเดร ถูกกระตุ้นความสนใจในคำพูดของมาเจอรี่ถึงกับต้องหันมา แล้วจึงเปลื้องอาภรณ์สีแดง เดินมาช้าๆยังจุดที่ไพ่ทีเรียนและมาเจอรี่ผู้เปลือยปล่าวยืนอยู่ เบื้องหลังของพวกเขาคือกองไฟที่ลุกโชนและกระดูกสีดำสนิทราวกับความมืด

    ‘เอาล่ะเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ท่านลอร์ดเอ็ดดาร์ค สตาร์ค ถ้าไม่รังเกียจข้าขอยืมผ้าคลุมนั่นหน่อยเถอะ มันค่อนข้างอุจาดเกินไปที่พวกท่านเพ่งมองอยู่เช่นนี้’ ทีเรียนโค้งคำนับทั่ววงไพ่อีกครั้งและหันไปพูดคุยกับเอ็ดดาร์คอย่างสุภาพ

    “ข้าไม่ถือท่านทีเรียน อยากจะร่วมวงด้วยซ้ำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” โอเบริน มาร์เทลหัวเราะเสียงดังลั่นชื่นชมในความมีไหวพริบและดวงที่ดีเหลือหลายของไพ่ทีเรียน แลนนิสเตอร์

    ไทวินทำหน้าเหมือนสิงห์โตหงุดหงิดที่หาอาหารไม่ได้มาสี่วัน บ่ยสบถเบาๆในลำคอ เอ็ดดาร์ค สตาร์คทำตามที่ไพ่ทีเรียนขอ เมื่อคลุมผ้าคลุมให้แล้ว เสียงแห่งความรัญจวนสลับชายหญิงก็บังเกิดขึ้นใต้ผ้าคลุมนั้น

    “ข้าทนไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องทรมาณข้าด้วยเนี่ยพวกเจ้า หลังจากตายแล้วหญิงสาวก็ไม่เคยตกถึงมือข้าบ้างเลย ข้าอยากออกผจญภัยไปยังตรอกลิลลี่ โสเพณีหลากชาติพันธุ์ กัดกินผลไม้ที่หวานฉ่ำ ร่ำสุราแล้วพูดถึงอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ เจ็บปวดที่สุดที่ต้องมานั่งฟังพวกเจ้าเสพสังวาสกันเช่นนี้ ขอเสียงดนตรีกลบเสียงเจ้าพวกนี้หน่อยเถอะ ไม่เอาเพลง เรน ออฟ คาสตาเมียร์นะ เพลงอะไรก็ได้เร็วๆด้วย!!!!” โรเบิร์ตคร่ำครวญ เขาหันไปมองเอ็ดดาร์ค ที่นั่งอมยิ้มกับโอเบริน มาร์เทล มีแค่เขากับไทวินที่หน้าตามู่ทู่

    เสียงพิณล่องลอยมาจากด้านริมขวาสุดของโรงเหล้า ไม่แน่ใจว่าผู้บรรเลงเป็นชายหรือหญิงเนื่องจากเขาสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าและลำตัวเอาไว้ เป็นเพลงเสียงทำนองเศร้าสร้อยที่เอ็ดดาร์ค เคยได้ยินมันมาก่อน การคงอยู่ของนักดนตรีสร้างความแปลกใจแด่ผู้เล่นไพ่รอบวง เนื่องด้วยพวกเขาเพิ่งสังเกตว่านอกจาก คาล โดรโกแล้ว ยังมีอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย ท่วงทำนองที่ไพเราะแต่เศร้า กลบความสนใจใต้ผ้าคลุมบนโต๊ะ ทุกคนบนโต๊ะไพ่หันไปมองเขาเป็นตาเดียว

    เอ็ดดาร์ค สตาร์ค เผลอนึกไปถึงคำพูดบางคำพูดที่ยากจะลืมเลือน ‘สัญญากับข้า เน็ด’


    ประตูโรงเหล้าถูกเปิดออก ชายหนุ่มผู้มาเยือนพร้อมกับสุนัขป่าโลกันต์ทั้งสองตัว เกรย์วินด์และเลดี้ ผู้ที่มาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ร๊อบ สตาร์ค เมื่อประตูถูกเปิดออกก็หอบเอาสายลม พร้อมกับไอละอองของสายฝนเข้ามาด้วย ทุกคนหันไปมองชายหนุ่มผู้มีความเคร่งขรึมราวกับบิดาผู้มาเยือน ยกเว้นแต่ เอ็ดดาร์ค สตาร์คที่หันไปมองลูกชายของเขาช้ากว่าคนอื่น เนื่องด้วยสายลมที่พัดวูบไหวมาชั่วครู่ พัดผ้าคลุมของนักดนตรีให้เปิดออกเล็กน้อย ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากเขา ผมสีเงินยาวสลวย ใบหน้าที่คมคาย มือเรียวยาว นักดนตรีผู้นั้นติดเข็มกลัดเป็นดอกกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงินตรงอกข้างซ้ายที่ใกล้หัวใจของเขามากที่สุด เขารีบหันไปมองชายที่หน้าประตูโรงเหล้าเพื่อไม่ให้คนในวงไพ่สังเกตถึงตัวจริงของนักดนตรี

    “ท่านพ่อ ข้างนอกฝนตกแล้ว” ร๊อบ สตาร์คเอ่ยคำทักทายในขณะที่กำลังถอดถุงมือหนังตุ่นสีดำออก


    “ข้ารู้ มันตกมานานแล้ว” เอ็ดดาร์ค เอ่ยคำทักทายลูกชายหรือเขากำลังบ่งบอกสภาพจิตใจของตัวเองในตอนนี้ไม่มีใครรู้ได้



    ------------
  8. inzee

    inzee อัศวินไร้นาย

    แจ่มครับบบ ติดตามๆๆ
  9. claymask

    claymask พลเดินเท้า

    ไทวิน แลนนิสเตอร์กำลังหัวเสียจากการสูญเสียไพ่ทั้งสองใบ เขาจั่วไพ่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกหกใบอย่างเสียไม่ได้ ในหกใบใหม่นั้น แน่นอนว่ามีไพ่ที่สามารถจับคู่ได้หลากหลาย รวมกับไพ่ในมือเขาแล้วนับรวมได้กว่าสิบสี่ใบ เมื่อจั่วไพ่เสร็จเขาหันไปมองดูบุตรชายคนโต ของลอร์ดเอ็ดดาร์ค สตาร์ค แล้วหันไปมองยังไพ่ทีเรียน ต่างก็เป็นบุตรของลอร์ดผู้มีอิทธิพลในเขตแดนของตน แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะแลกลูกชายกับลอร์ดเอ็ดดาร์คดู



    ร๊อบ สตาร์คเป็นนักรบที่น่านับถือแต่ก็ยังปกครองและเล่นเกมการเมืองไม่ได้นัก อายุเขาเพิ่งจะสิบห้าสิบหกดังนั้น ไทวินจึงคิดว่า ถ้าให้เวลาร๊อบมากกว่านี้ คร่ำหวอดในเชิงการปกครองและอยู่ในการดูแลของเขาตั้งแต่ยังเล็กแล้วล่ะก็ การสู้รบของเขาอาจจะไม่ต่างจากโรเบิร์ตและการวางแผนอาจจะไม่ต่างจากเขาเลยทีเดียว น่าเสียดาย ที่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชื่นชมทั้งศันตรูบนโต๊ะไพ่และบุตรชายที่น่าชื่นชมของเขา “โรงเหล้านี้ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามา ยกเว้นเจ้าจะให้คาลโดรโก้ทำมันเป็นอาหารอีกมื้อ” ไทวินส่งเสียงทักทายไปยังร๊อบ สตาร์ค เกมจิตวิทยาเริ่มขึ้นอีกครั้ง”



    “ข้าไม่เคยเห็นมันแปะป้ายบอกเอาไว้ที่หน้าร้าน” ร๊อบ สตาร์คยืนตอบจ้องตามายังไทวินด้วยความกร้าวแกร่งของวัยหนุ่ม


    “ถามคาลโดรโกดูเถิดหนุ่มน้อย แต่ข้าว่าใบหน้าของเจ้าดูอึมครึมหม่นหมองไปนะ ข้าเคยได้ยินว่าเจ้าสวมหัวสุนัขป่าแล้วดูดีกว่านี้ ท่านราชาแห่งแดนเหนือ”


    “ไทวินอย่าให้มันมากไปนะ!!!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คทุบโต๊ะดังปัง เมื่อนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของไทวินก็ปรากฏอยู่ที่มุมปาก เขายั่วได้ทั้งพ่อและลูกสำเร็จ


    “ท่านไปตามหลานของท่านที่เล่นเรือกระดาษล่องตามลำน้ำกับท่านน้าข้าไลซ่า แอรินเถอะท่านลอร์ดไทวิน” ร๊อบนั่งลงที่หน้าบาร์พูดทั้งๆที่หันหลังไปดูชนิดของเหล้าและไวน์เพื่อเตรียมสั่ง


    “หลานของไทวินก็คือลูกของข้า เจ้าราชาแห่งแดนเหนือ เจ้าหาว่าลูกของข้าอ่อนปวกเปียกและนุ่มนิ่ม” โรเบิร์ตตะเบ็งเสียงด้วยความขุ่นเคือง


    ร๊อบ สตาร์คหันไปมองที่บิดาของเขาด้วยเครื่องหมายคำถาม ทำไมโรเบิร์ตถึงยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของจอฟฟรี่ย์ “ท่านพ่อ ท่าน…………………...”


    ในขณะที่ร๊อบ สตาร์คกำลังจะหลุดปากถาม ไทวินก็สอดขึ้นมาอย่างมีจังหวะจะโคน “ว่าแต่พวกเจ้ายังไม่เจอ แคทลีน ทัลลี่ กันหรือนี่มันก็หลายเดือนแล้วนะ ทำไมนางยังไม่มาเสียที”


    “แคทลีน สตาร์ค” เอ็ดดาร์คพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ

    “ขออภัย” ไทวินก้มหัวลงคำนับจอมปลอม

    “จะขออภัยทำไม เมื่อรูส โบลตันบอกข้าแล้วว่าตระกูลไหนฝากความคิดถึงมาด้วย” ร๊อบ สตาร์คกัดกรามจนปูดโปนเขาเริ่มมีอามรณ์จริงๆแล้ว


    “ข้าไม่น่าพูดไปเลย เลยทำให้ต้องมาเจอพวกเจ้าบนนี้ ข้าชักรู้สึกเหมือนคาล โดรโก้แล้วซี” ไทวินยิ้มและหัวเราะยั่วเบาๆ
    โอเบริน มาร์เทลจิบไวน์จากจอกสีเงิน รอให้สงครามน้ำลายเงียบสงบจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อมต่อเอ็ดดาร์คว่า “เชิญท่านทิ้งไพ่ลงมาเถอะ ลอร์ดเอ็ดดาร์ค”


    “บางครั้งความจริงก็เป็นสิ่งที่เจ็บปวดโรเบิร์ต เรื่องความไม่เอาไหนของตัวเรา ความคาดหวังที่ถาโถมเข้ามาในห้วงความคิด ความอยากได้อยากมี อยากให้คนรอบข้างมองด้วยสายตาเดียวกันกับที่เรามองเห็น ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งเหล่านั้นกัดกร่อนพวกเรายิ่งกว่ายาพิษในแก้วไวน์เสียอีก” เขาเหลือบตาไปมองที่ไทวินเมื่อพูดถึงไวน์และยาพิษ “แต่ก็มีความจริงบางประการที่เมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นก็อย่าพูดมันเลยดีกว่า” เขาหันหางตาไปมองที่ร๊อบ สตาร์คซึ่งเขานั่งห่างจากนักดนตรีนิรนามเพียงสิบก้าว


    เสียงโน๊ตดนตรีขึ้นสูงโดยบังเอิญ เมื่อเอ็ดดาร์คพูดกับโรเบิร์ตในเรื่องความจริง แต่มันก็เป็นเพียงสองสามโน๊ตเท่านั้น หลายคนในวงไพ่สัมผัสไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในโน๊ตนั้น แต่ไม่ใช่ โอเบริน มาร์เทล หนุ่มเจ้าสำราญผู้เจนจัดในความหลากหลายของศิลปะ เขาหันไปมองนักดนตรีที่กำลังดีดพิณเป็นบทเพลงในทำนองเศร้าสร้อย
    “งั้นข้าขอผ้าคลุมคืนนะ ท่านทีเรียน” เอ็ดดาร์ค สตาร์คให้สัญญาณเตรียมตัวของไพ่ทีเรียนก่อนที่จะดึงผ้าคลุมออก แสงสีขาวสามลำพุ่งขึ้นฟ้าแล้วหายไป เหลือไว้เพียงแต่ไพ่ทีเรียนที่ยังล่อนจ้อนไม่ได้สวมเกราะ


    “อาวุธของท่านสั้นและเล็กมาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” โอเบรินปรบมือหัวเราะชอบใจ

    ‘โบราณว่าไว้ สั้นหนึ่งนิ้วอันตรายเพิ่มขึ้นหนึ่งนิ้วนะท่าน’ ไพ่ทีเรียนหยิบชุดเสื้อแขนยาวมาสวมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะสวมเกราะถักและเสื้อเกราะเป็นลำดับถัดไป

    “เอาหมาป่าของเจ้าไปผูกไว้ข้างนอกก่อนเถิดหนุ่มน้อย” คาล โดรโกวางเหล้าหมักที่อุ่นพอให้ร้อนตรงเบื้องหน้าของ ร๊อบ สตาร์ค

    “ข้าขอครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษได้ไหมท่านคาล ด้านนอกฝนตก ข้ากลัวเจ้าสองตัวนี้จะไม่สบาย”

    “ที่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้รู้ไหมเพราะอะไรเจ้าหนุ่ม เพราะการใจอ่อนและรับคำขอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไรเล่า เพราะความปราณีจากคำขอของหญิงอันเป็นที่รักให้คาลแห่งท้องทุ่งเมตตาต่อแกะ สุดท้ายการรับคำขอครั้งแล้วครั้งเล่านั่นแหล่ะ” คาลโดรโกขึ้นเสียง ส่งสายตาดุร้ายมายังร๊อบ สตาร์ค


    “ถ้าอย่างนั้นท่านเก็บเหล้าหมักที่อุ่นไว้อย่างดีของท่านเถอะ ข้าขอตัวก่อน” ร๊อบ สตาร์คยอมรับการตัดสินใจของคาลโดรโก
    “เจ้าเอาเกรย์วินด์และเลดี้ไปผูกไว้ข้างนอกหลบไอฝน แล้วเข้ามานั่งกับข้าตรงนี้ร๊อบ” เป็นเสียงของบิดาเขา น้ำเสียงกึ่งออกคำสั่งกึ่งบอกกล่าว

    “ตามบัญชา” ร๊อบก้มหัวให้ลอร์ดบิดาในเชิงล้อเลียน


    เมื่อมองเห็นไพ่ทีเรียนสวมเกราะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ็ดดาร์ค จึงทิ้งไพ่ลงตรงเบื้องหน้าสามใบ เป็นชายรูปร่างกำยำทั้งสามคนสวมชุดเกราะและผ้าคลุมสีดำ ใบหน้าถมึงทึง ในมือของคนทั้งสามถือดาบมั่นพร้อมโรมรันกับศัตรู ชายทั้งสามจากไพ่ซ้ายไปยังใบขวา ล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าผู้พิทักษ์ราตรีทั้งสิ้น เริ่มต้นที่ จีออร์ มอร์มอนท์ ตามด้วยเบนจิน สตาร์คตรงกลาง และปิดท้ายด้วย เจนอส สลินท์


    “จั่วติด เจนอสกับ จีออร์ทั้งสองใบน่ะ ข้าโชคดี” เขาพูดกับโอเบริน มาร์เทลอย่างเป็นกันเอง


    “ท่านมีไพ่น้องชายท่านอยู่แล้วในมือซินะ ไม่เบาๆ ท่านลอร์ดเอ็ดดาร์ค” โอเบริน มาร์เทล ทิ้งไพ่ลงเบื้องหน้าเอ็ดดาร์ค สตาร์คอีกใบ เป็นไพ่ที่นำมาช่วยไพ่ทีเรียน “ลูกชายของท่านมาอยู่ที่ข้าหมดเลยนะลอร์ดไทวิน”


    มุมไพ่เป็นสัญลักษณ์สิงห์โตสีทองทั้งบนซ้ายและล่างขวา เจมี่ แลนนิสเตอร์ ผู้สังหารราชาสวมเกราะทีทองอร่ามน่าครั่นคร้าม เมื่อแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนไพ่ใหม่ทั้งสี่ใบ โอเบรินจึงเริ่มนึกขึ้นได้ว่าเขาพลาดอะไรไปบางอย่าง
    “เขามือขาดตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะไทวิน เจ้าไม่เห็นเล่าให้ข้าฟังเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” โรเบิร์ต บาราเธียนหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบอกชอบใจ


    ‘ความจริงบางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดด้วยเสียงดังก็ได้นะท่านโรเบิร์ต’ ไพ่เจมี่พูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย


    ‘แลนนิสเตอร์!!!!!!!’ ทีเรียนไม่ฟังเสียงพูดคุย เขาเงื้อหนังสือเล่มโตขึ้นเหนือหัว ตะโกนชื่อตระกูลที่เขาคิดว่าสร้างความฮึกเหิมต่อตัวเอง กำลังจะวิ่งไปยังศัตรูเบื้องหน้าไพ่หน่วยพิทักษ์ราตรีทั้งสามคน


    เจมี่ ดึงเสื้อเกราะถักที่ส่วนหลังบริเวณคอของทีเรียนไว้ในฉับพลัน จนขาทั้งสองข้างของเจ้าภูติน้อยผงะไปด้านหน้าเกือบจะล้ม ‘นั่นไม่ใช่บทบาทของเจ้าเลยน้องข้า หรือเจ้าไม่คิดจะชนะแล้ว’


    ‘เจ้าดูว่าฝั่งเรามีอะไรบ้างเจมี่ คนแคระหนึ่งคนพร้อมกับราชองรักษ์ที่มือข้างถนัดขาดไปหนึ่งข้าง’


    ‘ทองที่เสียไปให้บรอนของเจ้าจะงอกเงยให้เจ้าเห็น เพียงแต่เราควรปรึกษากันก่อนนะน้องชาย อย่าเพิ่งวู่วาม’


    ‘เจ้ามาสายไปนะเจมี่ เมื่อครู่ข้าเสียพลังที่หมักบ่มมาชั่วชีวิต โรมรันกับศึกที่ข้าเกือบจะเพลี่ยงพล้ำ ข้าไม่เหลือกำลังวังชาอีกต่อไปแล้ว เจ้าดูขาข้าซีเจมี่ มันสั่นไม่หยุดเลยเจ้าเห็นไหม’


    เอ็ดดาร์ครู้ดีว่าถ้าปล่อยเวลาทิ้งไว้ให้ทีเรียนวางแผน เหตุการณ์อาจจะกลับตาลปัดอีกได้เขาจึงตะโกนบอกไพ่หน่วยพิทักษ์ราตรีทั้งสามอย่างเร่งด่วน “อย่าปล่อยให้พวกมันมีเวลาวางแผน รีบจู่โจมเถิดไพ่ของข้า”


    ไพ่เบนจิน สตาร์คและจีออร์ มอร์มอนท์ เข้าโจมตีอย่างรวดเร็วไปที่เจมี่ แลนนิสเตอร์ เขาใช้มือซ้ายข้างที่ไม่ถนัดถือดาบ ส่วนมือเหล็กอีกข้างก็ใช้รับดาบของอีกฝั่งแทนโล่ เสียงปะทะกันรุนแรง


    ‘ไม่เลวทีเดียว เซอร์เจมี่ ท่านใช้มือซ้ายได้คล่องแคล่วไม่ต่างจากมือข้างที่ถนัดเลย’ เสียงชมจาก จีออร์ มอร์มอนท์
    ‘แต่ยังไม่เร็วพอสำหรับหน่วยพิทักษ์ราตรีที่เจนจัดสองคน’ เบนจิน สตาร์คพูดเสร็จก็สะบัดดาบหลอกล่อว่าจะฟันลงที่ศีรษะ จนเจมี่เอามือขวาที่เป็นเหล็กขึ้นมาบัง ฉับพลัน เบนจิน สตาร์คม้วนตัวลงต่ำ สะบัดดาบฟันเข้าไปที่รอยต่อของข้อเข่าด้านหลังที่ไม่มีเกราะปิดบังเลือดกระเซ็นเปรอะผ้าปู สิงห์โตหนุ่มทรุดลงกับพื้น


    จีออร์ มอร์มอนท์ไม่รอช้าเมื่อศีรษะของเจมี่ก้มลงมองให้เห็นช่องว่างที่ไม่มีเกราะปิดบัง


    “ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงตะโกนของไทวิน แลนนิสเตอร์สั่นประสาทของผู้คนบนโต๊ะไพ่ เขาลุกขึ้นยืนมือสั่น ปากสั่น ดวงตาเบิกโพลง น้ำตาคลอเบ้า “ไพ่บ้านี่มันเหมือนจริงเกินไปแล้ว ไม่ ไม่ ไม่”


    ไพ่จีออร์ มอร์มอนท์ชะงักดาบขั่วครู่ก่อนจะเสียบดาบลงไปยังหลังคอทะลุยาวไปถึงด้านล่าง เจมี่ แลนนิสเตอร์ร้องในลำคอมาแค่หนึ่งคำ เป็นคำที่จีออร์แปลไม่ออกก่อนที่แสงสีขาวส่วางจ้าและไพ่เจมี่ก็หายไป


    ‘นั่นแปลว่าข้าจ่ายค่าฝึกให้บรอนยังไม่คุ้มนะพี่ชายข้า’ ไพ่ทีเรียนอาศัยความตัวเล็ก และคู่ต่อสู้ที่ยังไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้เท่าเบนจินและมอร์มอนท์

    เจนอส สลินท์ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากเกินไปจนอุ้ยอ้าย เขาเหวี่ยงดาบไปมาเปะปะ คล้ายเล่นวิ่งไล่จับกับทีเรียน หายใจหอบเหนื่อยอ่อน ใกล้จะหมดแรง และเมื่อเขาหันไปเห็น ไพ่อีกสองใบจัดการไพ่เจมี่ได้แล้ว ก็ร้องเรียกกำลังหนุนมาช่วย พริบตาที่เขาหันไปร้องเรียก ทีเรียนก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ว่างปล่าว


    ‘เจ้าคนเดียวก็ยังดี’ เขากระโดดย่นระยะทางเงื้อหนังสือเล่มโต ฟาดเข้าไปที่หัวจนเจนอสล้มลง ไพ่เบนจินและไพ่จีออร์ กำลังเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อมองเห็นเช่นนั้นไพ่ทีเรียนจึงโยนหนังสือเล่มโตทิ้ง รัดตัวเจนอสสลิ้นไว้ด้วยสองมือที่เหนียวแน่น ปากที่ว่างอยู่ก็กัดฉีกชิ้นส่วนของเจนอสที่หลังคอ เลือดหลั่งไหลทะลัก ผุดราวตอน้ำ แต่ทีเรียนยังไม่ยอมหยุด แม้เบนจินจะพยายามดึงเขาออกมาจากร่างเจนอส สลินทร์ ก็ตามที


    ‘เจ้าเป็นนักสู้มากกว่าที่ข้าคิด ลอร์ดทีเรียน ข้าขอคารวะ’ ไพ่จีออร์ มอร์มอนท์ พูดเสร็จก็นำดาบที่เพิ่งสำเร็จโทษเจมี่ ฟันเข้าไปยังส่วนคอของทีเรียน


    “ข้าอุตส่าห์อุดหู กลัวเสียงตะโกนท่านอยู่ลอร์ดไทวิน” โอเบริน มาร์เทลกระตุ้นให้ไทวินรู้ตัวว่าเขายังมีลูกอีกคน


    “ความยุติธรรมมันก็เหมือนนิ้วมือทั้งห้านั่นแหล่ะ ท่านโอเบริน” ไทวินพูดเสียงเรียบ

    “มันไม่เคยเท่ากัน” โอเบรินจบประโยคให้ไทวิน

    “เช่นเดียวกับความรัก” ไทวินพูดขึ้นมาลอยๆ

    โรเบิร์ต บาราเธียนได้ฟังคำพูดจากทั้งไทวินและโอเบริน เขานำมันกลับไปคิดอยู่ในใจ ความรักหรือ ใบหน้าของหญิงสาวที่เขาหมายปองก็ผุดขึ้นมา อาจเพราะไม่เคยได้ครองจึงถวิลหา และอีกใบหน้าหนึ่งก็ลอยขึ้นมาเป็นใบหน้าของราชินีที่เขาไม่เคยให้ความยุติธรรมถ้าจะพูดในแง่ของความรัก เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงลอบถอนหายใจเบาๆ


    เฉกเช่นเดียวกันกับ โอเบริน มาร์เทล ใบหน้าของน้องสาวผู้ให้กำเนิดทายาทมังกรและใบหน้าของหญิงสาวนางหนึ่งซึ่ง เจ้าชายมังกรเอียงตราชั่งไปยังฝั่งนี้มากกว่า เป็นจุดกำเนิดของโศกนาฏกรรม เขายกจอกไวน์ขึ้นจิบช้าๆ ก่อนจะจั่วไพ่ขึ้นมาสามใบ
    แสงสว่างปรากฏขึ้นบนไพ่ทีเรียนและเจนอส ไม่นานก็หายไป ร๊อบ สตาร์คเดินมายืนอยู่เบื้องหลังของบิดา หลังจากนำสุนัขป่าทั้งสองตัวออกไปด้านนอก พร้อมตัดแบ่งเนื้อม้าบางส่วนกันความหิวโหยให้แก่สัตว์ทั้งคู่


    “เจ้าเล่นไพ่แทนข้า เดี๋ยวข้ากลับมา” เอ็ดดาร์ค ลุกขึ้นยืน ตบบ่าไปที่ร๊อบสตาร์คเบาๆ


    “ไปไหนน่ะเน็ดข้าอยากจะเห็นหน้าเจ้าตอนที่ไพ่ข้าชนะไพ่เจ้ารีบกลับมาล่ะ” โรเบิร์ตเอ่ยคำสัพยอก


    “อากาศเย็นชื้น ฝนตก และไวร์ถูกรินอย่างพร่ำเพรื่อจนเกินไป ข้าขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนสหายร่วมโต๊ะ”


    เมื่อพูดเสร็จ เอ็ดดาร์ค สตาร์คก็เดินไปทางด้านขวาของโรงเหล้า เขาเดินผ่านนักดนตรีนิรนาม พยักหน้าเป็นสัญญาณ เสียงดนตรีหยุดบรรเลง คนในวงไพ่ไม่มีใครสังเกตุ นอกจากคาลโดรโก ที่จับตามองนักดนตรี เดินตามเอ็ดดาร์ค สตาร์คไปยังห้องน้ำที่ประตูด้านนอก


    “ท่านไม่ควรจะมาที่นี่” เอ็ดดาร์ค สตาร์คหรี่ตาลง กระซิบบอกนักดนตรีนิรนามที่อยู่เบื้องหน้า หลังจากเล็ดรอดสายตาของผู้คนบนโต๊ะไพ่ มายังห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว


    นักดนตรีนิรนามปลดผ้าคลุมออก เส้นผมยาวสีเงินสละสลวยสะท้อนแสงแดดในยามเย็น ใบหน้าหล่อเหลา คมเข้ม แต่นัยน์ตาสีม่วงเข้มขับเน้นความเศร้าสร้อย


    “ข้าเองก็อยากจะรู้ความจริง” ชายนัยน์ตาสีม่วงพูดกับเอ็ดดาร์คด้วยความสุภาพ


    “น้องสาวข้าสบายดีหรือไม่” เอ็ดดาร์คมองไปทยังเข็มกลัดกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน ที่ชายหนุ่มกลัดมันไว้ที่อกข้างซ้าย


    “เธอสบายดีและยังฝากความคิดถึงมายังท่าน น้องสาวท่านเองก็อยากรู้เช่นกัน”


    “น้องสาวของข้าและท่านอยากจะรู้เรื่องอะไรหรือ ท่านเรการ์”


    “เขาเป็นอย่างไรบ้าง ยังอยู่ดีหรือไม่” เรการ์ ทาเกเรียนมองเอ็ดดาร์ค สตาร์คด้วยสายตาวิงวอน





    ****สารถึงผู้อ่านท้ายตอน****


    ความตั้งใจจริงๆแล้ว ผมคิดให้มันเป็นเรื่องสั้น แล้วจบด้วยคำถามปลายเปิด ในปมที่เอ็ดดาร์ค และเรการ์เก็บงำไว้เช่นตอนนี้นะครับ


    แต่เห็นเพื่อนๆ ในบอร์ดและห้องเขียนหลายคนยังคงติดตามอยู่ (ผมลงหลายบอร์ดน่ะครับ)
    ขอซาวด์เสียงว่าชอบการจบปลายเปิดเช่นนี้ให้ไปคิดต่อเอง หรืออยากให้เขียนต่อเพิ่มปริศนา บอกได้จ้า ตามใจผู้อ่าน


    ขอบคุณมากครับที่ติดตามมาจนถึงตอนที่ผมคิดว่าน่าจะจบแล้ว


    claymask
    Last edited: 7 สิงหาคม 2014
  10. inzee

    inzee อัศวินไร้นาย

    อยากไห้ต่ออีก แต่ไม่เอาสปอยดกินซีซั่น4น้า55555

Share This Page