Season 1 ตอนที่ 1

กระทู้จากหมวด "The Complete Story" โพสต์โดย สุนัขป่าโลกันตร์, 13 กันยายน 2011.

  1. ก่อนจะเริ่มตอนต่อไปขอแนะนำ King's Road นิดนึงครับ ^_^ เป็นถนนสายยาว ที่วิ่งจาก King's Landing ขึ้นไปทางเหนือ วิ่งผ่านหอกสามง่าม แล้ววิ่งคู่กับง่ามเขียวขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงวินเทอร์เฟล แล้วเลยไปจบที่กำแพง

    การจะข้ามไปเดินทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำทำได้ยากมาก เพราะ
    A - เป็นป่าทึบ
    B - เป็นหุบเขา

    สำหรับตอนนี้ ก็ เท่านี้ครับ ^_^ เดี๋ยวตอนหน้าๆ จะได้กลับมาอธิบายแผนที่นี้เพิ่มเติมกันอีกหลายรอบเลยละครับ

    16-Kings-Road.jpg
  2. cindy

    cindy ทหารม้า

    ชอบจอน สโนว์เหมือนกันค่ะ เพราะรู้สึกว่าเขารักพี่น้องมาก
    ขอถามว่า ทำไมวิซเซอรรี่ ถึงไม่ใช่สายเลือดมังกรที่แท้จริงหล่ะค่ะ จำได้ว่า ตอนงานแต่งงานของแดนี่ เซอร์เจอรามาอวยพร ก็พูดกับแดนี่ทำนองว่า อยากได้รับใช้กษัตรย์ที่แท้จริง
  3. ^
    ^
    ตอนเจอกันครั้งแรก เซอร์โจราก็ก้มหัวยอมรับใช้ตาวิเซริสดีนะครับ แต่ แบบ พอเห็นลักษณะนิสัย บุคลิก อะไรหลายๆ อย่าง ก็เลยพูดอย่างนั้นมั้งครับ ราศีกษัตริย์ มาด อะไร ไม่มีเลยนี่นา ตาคนนั้น
  4. cindy

    cindy ทหารม้า

    แล้ว ทำไมเขาถึงตายได้จากความร้อนของทองที่ดราโก้เทใส่เขาหล่ะค่ะ
    marizelee ถูกใจข้อความนี้
  5. เรื่องเล่าจากมุมมองของ Eddard
    (แปลบางส่วน - จาก Game of Thrones season 1 ตอนที่ 1)

    . . .
    . . .

    (เน็ดมองดูขบวนอัศวินและนักดาบของพระราชาเข้ามาในเมือง ทีจำนวนราว 300 เขาเห็นเจมี แลนนิสเตอร์ โดดเด่นเป็นประกายสีทอง เห็นเซนดอร์ คลีเกนกับรอยไหม้บนหน้า เด็กตัวสูงปี๊ดที่ต้องเป็นเจ้าชายแน่ๆ และคนตัวเล็กที่เรียกกันว่า Imp ‘ปีศาจแคระ’)

    (แต่ชายอ้วนตัวใหญ่ที่มีองค์รักษ์เกราะขาวคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย เน็ดจำไม่ได้เลย จนกระทั่งเขาลงจากหลังม้ามากอดเน็ดนั่นแหละ)

    พระราชามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ระเบิดเสียงหัวเราะ “เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลย”

    ถ้าทำได้เน็ดก็อยากจะบอกพระราชาว่าอย่างนั้นเหมือนกัน สิบห้าปีแล้วที่เขาควบม้าไปทำศึกร่วมกับโรเบิร์ต ในวันนั้น ลอร์ดของ สตอร์ม เอ็นด์ มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาไม่มีหนวดเครา ดวงตาสดใสเป็นประกาย เขามีกล้ามเนื้อที่สวยงามราวกับความฝันของเหล่าสาวๆ ทั่วทั้งอาณาจักร ด้วยความสูงกว่าหกฟุตครึ่ง (ประมาณ 195 ซ.ม.) เขายืนสูงสง่าเหนือชายอื่นๆ ทั้งปวง และยิ่งดูตัวใหญ่ราวกับยักษ์เข้าไปใหญ่เมื่อสวมชุดเกราะและเกราะหัวเขากวางประจำตระกูล พละกำลังเขาก็เหมือนยักษ์จริงๆ ค้อนศึกติดหนามที่เขาใช้ เน็ดยกมันแทบไม่ขึ้นเลยทีเดียว ในวันนั้นตัวของเขาชโลมไปด้วยกลิ่นเลือดและเกราะหนังราวกับมันเป็นน้ำหอม

    ในวันนี้ตัวของเขาชโลมไปด้วยกลิ่นน้ำหอมราวกับมันเป็นน้ำหอม และเน็ดต้องค้อมตัวลงเพื่อให้สูงเสมอกับเขา

    (เน็ดนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกับโรเบิร์ต คือตอนไปปราบกบฏเกรย์จอย ที่เขารับ ธีออน เกรย์จอย มาเป็นตัวประกันและเด็กฝึกฝนประจำตัว)

    แต่โรเบิร์ตเป็นพระราชาไปแล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อนของเขาอีกต่อไป เน็ดพูดเพียงแค่ “ฝ่าบาท วินเทอร์เฟลเป็นของท่าน”

    (ราชินีเซอร์ซีลงจากพาหนะพร้อมลูกๆ เน็ดก้มลงจูบที่แหวนของนาง โรเบิร์ตกอดทักทายแคทลิน ทั้งสองฝ่ายนำเด็กๆ ออกมาแนะนำตัว)

    ยังไม่ทันจะทักทายกันเสร็จดีพระราชาก็บอกกับเจ้าของบ้าน “พาข้าลงไปที่สุสานหน่อย เน็ด ข้าจะแสดงความเคารพ”

    เน็ดรู้สึกรักพระราชาจริงๆ ที่ยังคงไม่ลืมเธอคนนั้น ทั้งที่เวลาผ่านมาขนาดนี้แล้ว

    (ราชินีไม่เห็นด้วย บอกว่าน่าจะพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง ว่าคนตายรอได้ โรเบิร์ตมองนาง นางไม่พูดอะไร จนเจมี พี่ชายฝาแฝดมาพาเธอไปเงียบๆ)

    (เน็ดลงไปสุสานใต้ดินกับโรเบิร์ โรเบิร์ตคุยเรื่องความเป็นอยู่ในเมืองตอนใต้ เครื่องดื่มและน้ำผลไม้อร่อยยังไง ทุ่งดอกไม้สวยงามยังไง พร่ำบอกว่ามันดีกว่าเมืองเหนือที่มีแต่หิมะแล้งๆ)

    “พวก สาวๆ เน็ด สาวๆ” เขาร้อง “พวกสาวๆ ลืมมารยาทอะไรไปหมดเมื่อมันร้อนจัด พวกนางเปลือยกายว่ายน้ำในแม่น้ำข้างปราสาทเลยนะ เวลาอยู่ในเมืองมันก็ร้อนเกินกว่าจะสวมผ้าขนสัตว์ พวกสาวๆ ได้แต่สวมเสื่อคลุมบางๆ ผ้าไหมถ้ามีเงิน ผ้าฝ้ายถ้าไม่มี แต่มันเหมือนกันหมด เน็ด พอพวกสาวๆ เหงื่อออกเข้าหน่อยนะ เสื้องี้แนบตัวเลยล่ะ ไม่ต่างอะไรกับเปลือยกาย” พระราชาหัวเราะอย่างมีความสุข

    โรเบิร์ต เบอราธเธียน เป็นผู้ชายที่ต้องการอาหารมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และรู้วิธีตักตวงความสุขเมื่อถึงเวลา สองสิ่งนี้ไม่ใช่ลักษณะที่ใครจะเอามาอธิบายนิสัยของ เอ็ดดาร์ด สตาร์ค ได้เลย

    (เน็ดพาโรเบิร์ตลงไปถึงชั้นล่าง มีรูปปั้นของกษัตริย์องค์ก่อนๆ ของวินเทอร์เฟลคู่กับสุสานเรียงรายไปตลอดทาง ผู้ปกครองวินเทอร์เฟลทุกคนล้วนลงมาอยู่ในสุสานนี้ คนที่โรเบิร์ตอยากมาพบอยู่ลึกเข้าไปข้างใน)

    “ที่นี่แหละ” เขาบอกพระราชา

    โรเบิร์ตพยักหน้าเงียบๆ คุกเข่าและโค้งหัวลง

    โลงศพสามใบวางอยู่เคียงข้างกัน ลอร์ด ริคคาร์ด สตาร์ค พ่อของเน็ด มีใบหน้าที่นิ่งและเยือกเย็น ช่างแกะสลักน่าจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี รูปปั้นนั้นนั่งเงียบๆ อย่างสมเกียรติ นิ้วหินกำแน่นกับด้ามดาบที่วางอยู่บนตัก ทั้งที่ก่อนตายไม่มีดาบเล่มไหนปกป้องเขาได้เลย สุสานเล็กๆ ขนาบข้างซ้ายขวาของเขา

    แบรนดอน สตาร์ค อายุยี่สิบปีเมื่อเขาตาย ถูกบีบคอตายตามคำสั่งของราชาวิกลจริต แอรีส ทาร์กาเรียน เพียงไม่กี่วันก่อนเข้าพิธีแต่งงานกับ แคทลิน ทัลลี แห่งริเวอร์รัน ท่านพ่อถูกบังคับให้มองดูลูกชายตายไปต่อหน้าต่อตา แบรนดอนเป็นผู้สืบทอดตัวจริง ลูกชายคนโตที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกครอง

    ลีอานนา อายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น เธอเป็นเด็กสาวที่น่ารักอย่างโดดเด่น เน็ดรักเธอหมดทั้งหัวใจ และโรเบิร์ตรักเธอมากยิ่งกว่านั้น เธอควรจะได้เป็นเจ้าสาวของโรเบิร์ต

    (โรเบิร์ตไม่พอใจรูปปั้นของลีอานนาว่าสวยไม่เท่าตัวจริง และอยากให้สุสานของลีอานนาได้อยู่ในที่แสงส่องถึง ห้อมล้อมไปด้วยทุ่งดอกไม้ เน็ดยืนยันว่าเธอเป็นสตาร์ค ที่นี่เป็นที่ของเธอ)

    “ข้าอยู่กับเธอตอนเธอสิ้นใจ” เน็ดเตือนความจำให้พระราชา “เธออยากกลับบ้าน อยากพักผ่อนเคียงข้างแบรนดอนและท่านพ่อ” เสียงของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหูของเน็ดเป็นบางครั้ง สัญญากับข้านะ เธอร้องให้ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดและดอกกุหลาบ สัญญากับข้านะ เน็ด พิษไข้ได้พรากพละกำลังไปจากเธอ และเสียงของเธอเหลือเพียงเสียงกระซิบเบาๆ แต่เมื่อเน็ดตอบรับคำสัญญา ความหวาดกลัวก็มลายหายไปจากดวงตาของเธอ เน็ดจำรอยยิ้มในวินาทีนั้นของเธอได้ดี จำได้ว่านิ้วมือของเธอกำนิ้วของเขาไว้แน่นในช่วงวินาทีที่เธอยอมปล่อยวางชีวิตของเธอเองหลังจากพยายามต่อสู้ยื้อเอาไว้มานาน ซากกลีบกุหลาบเป็นสีดำร่วงโรยลงจากมือเธอ เน็ดจำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้เลย ฮาวแลนด์ รีฟ ที่พบเขาและช่วยพาเขากับศพน้องสาวออกจากจุดนั้น เขาก็จำไม่ได้ “ข้านำดอกไม้มาให้เธอทุกครั้งที่ทำได้” เน็ดบอก “ลีอานนา น่ะ . . . ชอบดอกไม้”

    พระราชาสัมผัสแก้มของรูปแกะสลักหิน เขาลูบมือไปบนแก้มเธอย่างนุ่มนวลราวกับมันเป็นเนื้อหนังที่มีชีวิต “ข้าสาบานว่าจะฆ่าเรการ์ให้ได้ ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ”

    crypt.jpg

    “เจ้าฆ่าไปแล้ว” เน็ดเตือน

    “แค่ครั้งเดียว” โรเบิร์ตตอบอย่างชอกช้ำตรอมตรม

    เขาพวกประจัญหน้ากันที่ทางน้ำตื้นของหอกสามง่าม ท่ามกลางการสู้รบที่รายรอบตัว โรเบิร์ตผู้ใช้ค้อนศึกในหมวกกวางประจำตระกูล และเจ้าชายแห่งทาร์กาเรียนในเกราะสีดำขลับ บนหน้าอกของเจ้าชายประดับไว้ด้วยมังกรสามหัวประจำตระกูล มันทำด้วยทับทิมสีแดงสดที่ประกายระยิบระยับกับแสงแดด อาวุธของทั้งสองปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดสาดกระเซ็นเป็นสายฝนชโลมน้ำรอบตัวของทั้งคู่จนแดงฉาน จนในที่สุดการจู่โจมของโรเบิร์ตปะทะเข้าใส่ลายมังกรอย่างจังและขยี้ผ่านเข้าไปถึงแผ่นอกที่อยู่ภายใน เมื่อเน็ดตามไปถึง เรการ์นอนสิ้นใจอยู่ในสายน้ำ ทหารของทั้งสองฝ่ายชุลมุนแย่งกันเก็บเศษทับทิมที่แตกกระจายออกมาจากเกราะของเจ้าชาย

    “ข้าฆ่ามันทุกคืนในความฝัน” โรเบิร์ตยอมรับ “แต่ความตายแค่ไม่กี่พันครั้ง ยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำ”

    (ทั้งคู่ชวนกันเดินทางกลับออกไปข้างนอก เน็ดถามถึงไลซ่า ผู้เป็นภรรยาของ จอน แอริน และน้องสาวของแคทลิน โรเบิร์ตบอกว่านางเป็นบ้าไปแล้วด้วยความกลัว บอกว่าเขาอยากส่งลูกชายของนางไปให้ ทีวิน แลนนิสเตอร์ ฝึกฝนให้ซะหน่อย ไลซ่ารู้เข้าก็พาลูกชายหนีไปเลยในคืนนั้น ลูกชายนางอายุ 6 ขวบ)

    (โรเบิร์ตบอกว่าเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยคนเสแสร้งจอมปลอม ไม่มีใครที่เขาไว้ใจได้เลย เขารื้อฟื้นความหลังสมัยที่เขากับเน็ด เป็นเด็กฝึกหัดของ จอน แอริน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่อายรี่ ว่าเน็ดเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจได้)

    “ให้ตายเหอะ เน็ด การนั่งบนบัลลังก์น่ะมันยากกว่าการชิงบัลลังก์เป็นพันเท่า งานดูแลกฏหมายเป็นงานที่หนักหนามาก และงานดูแลงบดูแลเงินนี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ และพวกคน . . . มันมากันไม่หมดไม่สิ้น ข้านั่งอยู่บนบัลลังก์เหล็กบ้านั่น นั่งฟังคนบ่นทั้งวันจนก้นช้ำประสาทจะกินอยู่แล้ว พวกมันอยากได้อะไรกันทั้งนั้น เงินมั่งล่ะ แผ่นดินมั่งล่ะ ไม่ก็ความยุติธรรม อย่าให้พูดถึงคำพูดโกหกของพวกมันเชียวนะ . . . และพวกลอร์ดชายหญิงรอบตัวข้าก็ไม่ได้ดีกว่ากันเลย ข้าถูกห้อมล้อมไปด้วยพวกประจบสอพลอและพวกโง่เง่า มันจะทำให้ข้าบ้าตายอยู่แล้วเน็ด คนครึ่งนึงไม่ยอมบอกความจริงกับข้า คนอีกครึ่งนึงก็หาความจริงไม่เจอ บางคืนข้าหวังว่าข้าจะพ่ายศึกที่หอกสามง่ามด้วยซ้ำ ข้าไม่ได้หวังอย่างนั้นจริงๆ จังๆ หรอกนะ แต่ . . .”

    “ข้าเข้าใจ” เน็ดพูดเบาๆ

    โรเบิร์ตมองเน็ด “ข้าก็คิดว่าเจ้าเข้าใจ และเมื่อเจ้าเข้าใจ เข้าก็เป็นความหวังเดียวสำหรับข้า เกลอเก่าเอย” โรเบิร์ตยิ้ม “ลอร์ดเอ็ดดาร์ด สตาร์ค ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นมือของข้า เป็นหัตถ์ของพระราชา”

    (เน็ดไม่ตกใจกับคำขอของโรเบิร์ตเลย เขาคิดเอาไว้อยู่แล้ว หัตถ์ของพระราชามีอำนาจรองจากพระราชา เขาสามารถคิด พูด และทำสิ่งต่างๆ ในนามของพระราชาได้ทั้งหมดตั้งแต่การปกครอง การศึก การทหาร บางครั้งก็ต้องนั่งบัลลังก์เพื่อตัดสินความยุติธรรม เน็ดไม่ต้องการมัน ที่ของเขาคือวินเทอร์เฟลแห่งนี้ ไม่ใช่เมืองทางตอนใต้)

    “ฝ่าบาท ข้าไม่คู่ควรกับเกียรติยศอันนี้”

    โรเบิร์ตส่งเสียงคำรามในคอเพื่อแสดงทีท่าหมดความอดทนแบบขำๆ “ถ้าข้าจะให้เกียรติเจ้า ข้าให้เจ้าเกษียนสบายๆ ไปแล้ว แต่นี่ข้าวางแผนจะให้เจ้ารับภาระดูแลอาณาจักรให้ ในขณะที่ตัวข้าเองจะดื่มกินเที่ยวเล่นให้สนุกสะใจจนกว่าจะลงโลงไง” เขาตบพุงตัวเองแล้วยิ้มแป้น “รู้นี่ คนเขาพูดกันว่าอย่างไร เกี่ยวกับพระราชาและหัตถ์ของเขา?”

    เน็ดรู้ดี “สิ่งที่พระราชาวาดฝัน” เขาตอบ “หัตถ์จะสร้างให้”

    “ข้านอนกับหญิงสาวชาวประมงครั้งนึง นางบอกข้าว่าคนทั่วไปมีอีกประโยคนึงด้วย พวกนั้นบอกว่า พระราชากิน แล้วหัตถ์เก็บขี้ให้” เขาโยนหัวไปข้างหลังพลางระเบิดเสียงหัวเราะ

    (โรเบิร์ตเห็นเน็ดมองนิ่งๆ แล้วบ่นว่าอารมณ์ขันของพวกคนเหนือท่าจะโดนความเย็นจนแข็งตายไปหมดแล้ว)

    “มากับข้าเถอะ แล้วข้าจะทำให้เจ้าได้รู้จักเสียงหัวเราะอีกครั้ง” พระราชาสัญญา “เจ้าช่วยข้าชิงบัลลังก์นรกนั่นมา ตอนนี้ต้องช่วยข้ารักษามันไว้ เราควรจะได้ครองแผ่นดินคู่กันมาแต่แรกแล้ว ถ้าลีอานนาไม่ตาย เราก็จะเป็นเหมือนพี่น้องกัน ทั้งร่วมสายเลือดกันทั้งมีความรักให้กัน เอานะ มันยังไม่สายเกินไป ข้ามีลูกชาย เจ้ามีลูกสาว จอฟของข้ากับซันซาของเจ้ายังสามารถสมานตระกูลของเราเข้าด้วยกันได้ เหมือนกับที่ข้ากับลีอานนาเกือบได้ทำมาก่อน”

    เน็ดมาตกใจเอาข้อเสนอนี้แหละ “แต่ซันซาเพิ่งสิบเอ็ดเอง”

    (โรเบิร์ตยืนยันว่าซันซาเดี๋ยวก็จะอายุมากขึ้นเอง และเน็ดไม่ควรลังเลให้เสียเวลาเขามากนัก)

    เน็ดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ที่นี่ คือที่ของเขา ในเมืองเหนือแห่งนี้ เขามองดูรูปปั้นหินพลางหายใจลึกๆ ท่ามกลางความเงียบสงัดของสุสาน เขารู้สึกถึงสายตาของรูปปั้นที่กำลังจ้อมมอง พวกรูปปั้นกำลังฟังบทสนทนาของเขา เขารู้ดี และฤดูหนาวกำลังมาเยือน

    . . .
    . . .
  6. ผมเดาเอาว่าในสายเลือดทาร์กาเรียนเอง ก็คงมีทั้งคนที่ ได้รับภูมิต้านทานความร้อนมาเต็มๆ กับคนที่ได้มาแค่นิดเดียวละมังครับ? แต่อย่างน้อย สีผม สีตา อะไรพวกนี้ก็ตรงกันนะครับสองพี่น้อง
  7. cindy

    cindy ทหารม้า

    แอบคิดในใจว่า จริงๆแล้วจอนเป็นลูกแท้ๆของเน็ดจริงหรือไม่ เพราะดูเหมือนเน็ดไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และเมื่อจอนถามถึงแม่ ก็บอกว่าเจอกันคราวหน้าจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้เน็ดตายแล้ว ก็เลยไม่รู้เรื่องเลย แอบคิดว่าเขาเป็นลูกของเบ็นเจ็น
  8. คนที่รักในความถูกต้องขนาดนั้น อยู่ๆ นอกใจภรรยาตั้งแต่ปีแรกของการแต่งงาน มันไม่น่าเป็นไปได้จริงๆแหละครับ

    พ่อแม่ของ จอน มีทฤษฎีนึงครับ พวกฝรั่งถกเถียงกันมานานมาก . . . คิดว่ายังไม่เหมาะจะโพสต์ที่นี่เท่าไหร่ ^-^;
    siuL Snow ถูกใจข้อความนี้
  9. cindy

    cindy ทหารม้า

    ไม่แน่ใจว่าคำถามนี้จะเป็นการสปอยล์หรือเปล่านะค่ะ คือเท่าที่หาข้อมูลมาพบว่า จะมีหนังสืออกมาทั้งหมด 7 เล่ม ตอนนี้ออกมาแล้ว 5 เล่ม
    หลายคนที่อ่าน+ดูซีรีย์บอกว่าเหมือน Lord of The Ring ทำให้เข้าใจว่าเป็นหนังแฟนตาซีและ มีสิ่งเหนือมนุษย์ อยู่มาก แต่จากที่ดูซีซั่น1จบไปแล้ว เราคิดว่า หนังไม่เหมือนLOTR มีสิ่งที่เป็นสิ่งเหนือมนุษย์บ้าง เช่น มังกร หมาป่าตัวใหญ่ ไวท์วอล์กเกอร์(ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคืออะไร) แล้วก็ ผีดิบ(หรือเปล่า) ตัวใหญ่ๆที่เข้าไปทำร้าย ไนท์วอชที่เดอะวอลล์ แล้วจอนเป็นคนเจอน่ะค่ะประมาณตอนที่8
    ในอีกหลายๆเล่มที่เหลือ จะเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ
  10. เทียบกับหนังสือ ซีซั่นแรกตัดอะไรแฟนตาซีๆ ออกไปเยอะเหมือนกันนะครับ อย่าง ดาบไฟ ดาบน้ำแข็ง มีคนใช้ในเล่ม 1 ด้วย คิดว่าผู้ถ่ายทำคงอยากให้เซอร์ไพรซ์กันมากๆ ตอนจบภาคละมัง แล้วก็มีฉากสงครามเด็ดๆ หายไปถึง 2 ฉาก

    ถ้าว่ากันจริงๆ ในเล่ม 1 เองก็แทบไม่มีการใช้เวทย์มนต์คาถาเลยครับ แต่มีเล่าพื้นหลังอะไรหลายๆ อย่างที่ฟังดูแล้วเป็นแฟนตาซีมากๆ อย่างชนเผ่า The Children of the Forest ที่อาศัยอยู่ก่อนที่มนุษย์จะเข้ามาเนี่ย พวกนี้ต่อสู้ด้วยเวทย์มนต์จริงครับ หรืออย่างบัลลังก์เหล็กที่เห็นเป็นดาบแหลมๆ ก็คือพระราชาทาร์กาเรียนคนแรกให้มังกรพ่นไฟออกมาหลอมดาบเข้าด้วยกัน

    เล่ม 2 ผมยังไม่ได้เริ่มอ่านนะ แต่จากที่ได้ยินมาก็คือความเป็นแฟนตาซีจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเยอะครับ

    พวกตาสีฟ้าๆ ที่ในซีรีย์เรียก ไวท์วอลเกอร์ ในหนังสือเรียกว่า the Others ผมแปลไว้ว่า “สิ่งนั้น” ครับ ส่วนผีดิบ undead นี่ เป็นอีกพวกนึง เริ่มมีออกมาในเล่ม 3 เป็นตัวละครที่ตายแล้วฟื้นกลับมาเป็นผีดิบ ยังมีความทรงจำเก่าๆ เหลืออยู่ครับ
  11. cindy

    cindy ทหารม้า

    ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้น ต้องรอติดตามกันต่อไป
    น่าเสียดายที่ตัวละครอย่างเน็ด และ คาลโดรโก้ ตายซะแล้ว
    AM'Rome Buster ถูกใจข้อความนี้
  12. เรื่องเล่าผ่านมุมมองของ - จอน
    (แปลบางส่วน - Game of Thrones ซีซัน 1 ตอนที่ 1)

    . . .
    . . .

    มันมีบางเวลาเหมือนกัน -- นานๆ ทีไม่บ่อย -- ที่จอนสโนว์รู้สึกดีที่เป็นลูกนอกคอก เมื่อเขารับเหยือกไวน์ที่ผ่านมาเติมลงในแก้วของตัวเอง เขารู้สึกว่านี่ก็เป็นหนึ่งในเวลาเหล่านั้น

    (จอนนั่งดื่มอยู่ในห้องโถงใหญ่ของวินเทอร์เฟล มันเป็นงานเลี้ยงต้อนรับพระราชา ห้องโถงประดับกำแพงด้วยธงสุนัขป่าโลกันตร์ของสตาร์ค ธงกวางสวมมงกุฏของเบอราธเธียน และธงสิงโตของแลนนิสเตอร์ ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นเนื้อย่าง เต็มไปด้วยเสียงคุยกันและร้องเพลง)

    งานเลี้ยงต้อนรับพระราชาดำเนินมากว่า 4 ชั่วโมงแล้ว พี่น้องของจอนได้นั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของพระราชา ซึ่งตั้งติดอยู่กับที่นั่งบนเวทีที่ลอร์ดและคุณหญิงสตาร์คจัดให้พระราชาและพระราชินี ในโอกาสแบบนี้ท่านพ่อคงจะอนุญาตให้ลูกๆ ได้ลิ้มรสไวน์กันคนละแก้ว คนละแก้วเท่านั้น แต่ลงมาข้างล่างนี่จอนจะดื่มเท่าไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องกลัวคนห้าม

    (จอนนึกถึงตอนที่ทุกๆ คนเริ่มเดินเข้ามาร่วมงานเลี้ยง เขาสังเกตุราชินีที่เดินควงแขนเข้ามากับท่านพ่อว่านางไม่ได้มองท่านพ่อเลยแม้แต่น้อย ถึงจอนจะอายุแค่ 14 แต่เขาก็มองทะลุผ่านหน้ากากที่ยิ้มแย้มของราชินีเข้าไปได้ พระราชาเดินคู่กับคุณหญิงสตาร์ค พระราชาที่อ้วนกลมทำให้จอนผิดหวัง)

    (หลังจากนั้นก็เป็นพวกเด็กๆ จอฟฟรีที่เดินคู่กับซันซาค่อนข้างโดดเด่น เพราะแม้จะมีอายุแค่ 12 แต่ตัวสูงกว่าทั้งจอนทั้งร็อบเสียอีก)

    (พี่น้องแลนนิสเตอร์ก็ทำให้จอนสนใจมาก รูปร่างที่หล่อเหล่าสง่างามของเจมี ทำให้จอนคิดจริงๆ ว่าพระราชาน่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า แต่ทุกๆ อย่างที่พระเจ้ามอบให้พี่ชายเจมี พระเจ้าไม่ได้มอบให้น้องชาย ทีเรียน แลนนิสเตอร์ เลย แม้แต่อย่างเดียว ทีเรียนตาข้างหนึ่งสีเขียว ข้างหนึ่งสีดำ ผมทองของเขาสีอ่อนกว่าคนอื่นมากแทบจะเป็นสีขาว)

    (ธีออย เกรย์จอยเดินผ่านไปหลังสุดโดยไม่เหลียวมองจอนเลย จอนไม่ได้สนใจนัก เขานั่งดื่มไปของเขาและพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างสนุกสนาน)

    อะไรบางอย่างกำลังถูขาเขาอยู่ใต้โต๊ะ จอนมองเห็นดวงตาสีแดงจ้องขึ้นมามอง “หิวอีกแล้วเหรอ?” เขาถาม ไก่อบน้ำผึ้งที่อยู่บนโต๊ะยังเหลืออีกครึ่งตัว จอนเอื้อมไปฉีกขาออกมา แล้วเกิดความคิดที่ดีกว่านั้นขึ้น เขาปักมีดไปบนไก่ตัวนั้นแล้วปล่อยมันตกลงไปทั้งตัว โกสต์กัดกินไก่ตัวนั้นอย่างเงียบเชียบ พี่น้องคนอื่นๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้พาลูกสุนัขของตัวเองมาร่วมงานเลี้ยง แต่ในมุมนี้ของห้องโถงมีสุนัขเยอะแยะไปหมดและไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับลูกสุนัขของเขาเลย เขาบอกกับตัวเองว่านี่เป็นเรื่องโชคดีเรื่องนึงของเขาเหมือนกัน

    จอนขยี้ตาแล้วบ่นเรื่องควันที่เข้าตา ซดไวน์เฮือกใหญ่แล้วมองดูสุนัขป่าโลกันตร์ของตัวเองกินไก่

    สุนัขตัวอื่นเดินหาอาหารไปมาตามโต๊ะ สุนัขตัวเมียสีดำที่มีตาสีเหลืองตัวนึงน่าจะได้กลิ่นไก่ของโกสต์เข้า นางหยุดเดินแล้วมุดเข้ามาใต้เก้าอี้เพื่อแย่งส่วนแบ่ง จอนมองดูพวกมันเผชิญหน้ากัน สุนัขตัวเมียส่งเสียงขู่ในคอแล้วขยับเข้ามาใกล้ โกสต์เงยหน้าขึ้นมามองอย่างไร้สุ้มเสียง มันมองสุนัขตัวนั้นนิ่งๆ ด้วยดวงตาสีแดงที่เรืองรอง สุนัขตัวเมียแยกเขี้ยวทำท่ากัดอย่างดุร้ายเพื่อท้าทาย นางตัวใหญ่กว่าโกสต์ถึงสามเท่า โกสต์ไม่ขยับ มันเพียงยืนเฝ้าของรางวัลของมันอยู่นิ่งๆ เงียบๆ แล้วแยกเขี้ยวให้อีกฝ่ายเห็น สุนัขตัวเมียตัวนั้นเกร็งตัวขึ้นมา ร้องเห่า แล้วล้มเลิกความคิดที่จะสู้กับโกสต์ นางถอยแล้วหันหนีไป แต่ก็ยังหันมาทำท่ากัดใส่ครั้งนึงเพื่อรักษาหน้า โกสต์ก้มลงไปกินอาหารต่อ

    (จอนลูบหัวโกสต์ เบนจิน สตาร์ค น้องชายของเอ็ดดาร์ดและอาของเขาเข้ามาทักทายแล้วนั่งลงข้างๆ เขาสองคนคุยกันเรื่องเหล้าและโกสต์ เบนค่อนข้างประทับใจโกสต์มากทีเดียว)

    “เป็นหมาป่าที่เงียบมาก” เขาตั้งข้อสังเกตุ

    “มันไม่เหมือนตัวอื่น” จอนบอก “มันไม่เคยส่งเสียงเลย ข้าเลยตั้งชื่อมันว่าโกสต์ แล้วก็เพราะมันมีสีขาวด้วย ในขณะที่ตัวอื่นๆ สีเทากับดำ”

    (เบนจินสังเกตุว่าพี่ชาย เออดาร์ด ดูไม่ค่อยเจริญอาหารนัก จอนเองก็สังเกตุเช่นเดียวกัน ทำให้เบนจินรู้สึกประทับใจในความช่างสังเกตุของจอน)

    “และราชินีก็กำลังโกรธด้วย” จอนบอกอาของเขาเบาๆ “ท่านพ่อพาพระราชาไปคุกใต้ดินเมื่อตอนบ่าย ราชินีไม่พอใจมาก”

    เบนจินมองประเมิณจอนอย่างระมัดระวัง “เจ้านี่ไม่พลาดรายละเอียดอะไรเลยจริงๆ นะ เราต้องการคนอย่างเจ้าบนกำแพง”

    จอนยืดตัวด้วยความภูมิใจ “ร็อบอาจจะแข็งแกร่งในการใช้ทวน แต่ดาบเขาสู้ข้าไม่ได้ ฮัลเลนยังบอกอีกว่าข้าขี่ม้าได้ดีพอๆ กับทหารคนไหนๆ ในปราสาท”

    “อย่างที่คนสูงศักดิ์ควรจะเป็น”

    “พาข้าไปด้วยเถอะเมื่อท่านกลับไปยังกำแพง” จอนพูดขึ้นทันทีทันใดอย่างร้อนรน “ท่านพ่อต้องอนุญาตแน่ถ้าท่านขอร้องเขา เขาต้องอณุญาตแน่”

    (เบนจินไม่ค่อยอยากให้จอนไปที่กำแพงนัก บอกว่าจอนยังเด็กเกินไป สองคนเถียงกันสักพัก)

    “แดเร็น ทาร์กาเรียน อายุสิบสี่เท่านั้นเองตอนที่เขาปราบและยึดครองดอร์นได้” มังกรหนุ่มคนนั้นเป็นวีรบุรุษของจอน

    “ครองได้เพียงหน้าร้อนเดียว” อาของเขายกประเด็นขึ้น “พระราชาเด็กน้อยของเจ้าน่ะ เสียกำลังพลไปถึงหมื่นเพื่อยึดที่นั้น และอีกหมื่นห้าพยายามจะรักษามันไว้ น่าจะมีใครช่วยเตือนเขาสักหน่อยนะว่าสงครามน่ะไม่ใช่การเล่นเกม” เบนจินยกไวน์ขึ้นจิบ “และอีกอย่าง” เขาพูดพลางเอาแขนเช็ดปาก “แดเร็น ทาร์กาเรียน อายุแค่สิบแปดเท่านั้นตอนที่เขาโดนฆ่าตาย ยังจำได้ใช่ไหม?”

    “ข้าไม่ลืมอะไรทั้งนั้น” จอนคุยโว ฤทธิ์ไวน์ทำให้เขากล้า เขาพยายามนั่งตัวตรงให้ดูเหมือนตัวสูงขึ้น “ข้าอยากปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยพิทักษ์ราตรี ท่านอา”

    จอนคิดเรื่องนี้มานานและจริงจัง ทุกๆ คืนในขณะที่พี่ๆ น้องๆ นอนหลับอยู่รอบตัวเขา วันหนึ่งร็อบจะรับช่วงวินเทอร์เฟล เขาจะบัญชาการกองทัพใหญ่ในฐานะผู้พิทักษ์แห่งทิศเหนือ แบรนและริคคอนจะได้ชูธงภายใต้ชื่อของร็อบ น้องสาวอาร์ยาและซันซาจะได้แต่งงานกับผู้สืบเชื้อสายตระกูลสำคัญๆ แล้วเดินทางลงใต้ไปช่วยดูแลปราสาทของพวกเธอเอง แล้วลูกนอกคอกอย่างเขาจะมีอะไรให้เขาเป็น จะมีที่ไหนให้เขาอยู่?

    (เบนจินอยากให้จอนโตเป็นผู้ใหญ่ก่อน ทำให้จอนไม่พอใจมาก เขายืนกรานว่าเขาโตแล้ว)

    “ถ้าเจ้าเข้าใจว่าเจ้าต้องสูญเสียอะไรไปเมื่อกล่าวคำฏิญาณสาบานตน เจ้าคงไม่อยากเสียมันนักหรอก ลูกรักเอ๋ย”

    จอนรู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวภายในตัวเขา “ข้าไม่ใช่ลูกของท่าน!”

    เบนจินยืนขึ้น “ช่างน่าเศร้านัก” เขาวางมือลงบนไหล่ของจอน “กลับมาหาข้านะหลังจากที่เจ้ามีลูกนอกคอกเป็นของตัวเองแล้วสักสองสามคน แล้วมาดูกันว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร”

    จอนตัวสั่นระริก “ข้าจะไม่มีวันให้กำเนิดลูกนอกคอกอย่างเด็ดขาด” เขาพูด “ไม่มีวัน!” เขาร้องมันออกมาราวกับสัตว์ร้ายพ่นพิษ

    ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าโต๊ะของเขาไม่มีใครคุยกันเลย ทุกคนกำลังมองมาที่เขา เขารู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นตา เขาดันตัวเองยืนขึ้น

    “ข้าขอตัว” เขากัดฟันพูดด้วยเกียรติที่เหลืออยู่ของเขา ก่อนจะพุ่งตัวหนีไปก่อนที่จะคนอื่นจะเห็นเขาร้องไห้

    (จอนออกไปข้างนอกห้องโถง โกสต์ตามไปด้วย ลานข้างนอกไม่มีคนเลย จอนยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตา)
  13. topz73

    topz73 ราชองค์รักษ์

    ผมแอบสงสัยลึกๆว่า จอน เป็นลูกของ โรเบิร์ต+ลีอานน่า หรือลูกนอกสมรสอีกคนนึงของ โรเบิร์ต รึป่าว
    แค่คิดเล่นๆนะครับ *-*
  14. “ไอ้หนุ่ม” เสียงเรียกเขา จอนหันไปมอง

    ทีเรียน แลนนิสเตอร์ นั่งอยู่บนขอบบนของประตูห้องโถงใหญ่ เขามองลงมายังเบื้องล่างเหมือนรูปปั้นการ์กอยล์ คนแคระยิ้มแป้นให้จอน “ตัวนั้น หมาป่าเหรอ?”

    “หมาป่าโลกันตร์” จอนบอก “มันชื่อโกสต์” เขาจ้องขึ้นไปที่ชายร่างเล็ก จอนลืมความไม่พอใจเมื่อครู่ไปชั่วขณะ “เจ้าขึ้นไปทำอะไรอยู่บนนั้นน่ะ? ทำไมไม่อยู่ในงานเลี้ยง?”

    “ร้อนเกิน หนวกหูเกิน และข้าดื่มมากเกินไป” คนแคระตอบ “ข้าเรียนรู้เมื่อนานมาแล้ว ว่ามันเป็นเรื่องหยาบคายที่จะอ้วกใส่พี่ชายตัวเอง ขอข้าดูหมาป่าเจ้าใกล้ๆ ได้ไหม?”

    จอนลังเล แล้วพยักหน้าช้าๆ “เจ้าปีนลงไหวไหม หรือจะให้ข้าหาบันไดให้?”

    “โหย อะไรขนาดนั้น” คนร่างเล็กพูด เขาดันตัวเองลอยขึ้นจากขอบไม้ไปกลางอากาศ จอนตกใจจนอ้าปากหายใจ แล้วมองอย่างทึ่งใจเมื่อทีเรียน แลนนิสเตอร์ตีม้วนตัวกลางอากาศลงมายืนอย่างนุ่มนวลด้วยมือ แล้วตีลังกากลับหลังไปยืนบนขา

    โกสต์ผงะถอยหลังอย่างงงๆ

    คนแคระปัดฝุ่นออกแล้วหัวเราะ “ข้าว่าข้าขู่ให้หมาป่าเจ้ากลัวซะแล้วสิ ขออภัย”

    “มันไม่ได้กลัว” จอนบอก เขาคุกเข่าลงแล้วร้องเรียก “โกสต์ มานี่ มานี่ นั่นแหละ”

    ลูกหมาป่าเดินย่องเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอาจมูกดุนหน้าจอน แล้วมองทีเรียน แลนนิสเตอร์ด้วยความระมัดระวัง พอทีเรียนยื่นมือออกไปจะลูบหัว มันก็ถอยออกไปแล้วแยกเขี้ยวเงียบๆ “ขี้อายนะเนี่ย” แลนนิสเตอร์ตั้งข้อสังเกตุ

    “นั่ง โกสต์” จอนสั่ง “นั่นแหละ อยู่นิ่งๆ” เขามองขี้นมาที่คนแคระ “เจ้าจับมันได้แล้วล่ะ มันจะไม่ขยับหรอกจนกว่าข้าจะสั่ง ข้าฝึกมันมาตลอด”

    “อ้อเหรอ” แลนนิสเตอร์เขย่าขนสีขาวหิมะระหว่างหูของโกสต์ “เป็นหมาป่าที่ดีนะ”

    “ถ้าข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ มันคงขย้ำคอเจ้าไปแล้ว” จอนบอก จริงๆ มันก็คงไม่ทำอย่างนั้นหรอก แต่ถ้ามันโตอีกหน่อยก็ไม่แน่เหมือนกัน

    “ในกรณีนั้น ก็ขอให้มีเจ้าอยู่ใกล้ๆ เถอะ” คนแคระเชิดหัวที่ใหญ่ผิดสัดส่วนขึ้นไปข้างๆ แล้วมองจอนด้วยตาสองสี “ข้าคือ ทีเรียน แลนนิสเตอร์”

    “ข้ารู้” จอนบอกแล้วลุกขึ้น เมื่อยืนขึ้นเขาก็ตัวสูงกว่าคนแคระ มันทำให้เขารู้สึกประหลาด

    “เจ้าคือลูกนอกคอกของเอ็ดดาร์ด สตาร์คสินะ”

    จอนรู้สึกเหมือนมีความเย็นวิ่งผ่านตัวเขาไปวูบหนึ่ง เขาเม้มปากแน่นและไม่ตอบอะไร

    “ข้าล่วงเกินท่านหรือ?” แลนนิสเตอร์พูดกับจอน “ขออภัย คนแคระไม่จำเป็นต้องระวังปากอะไรมากมาย พวกเราเป็นตัวตลกโง่ๆ มาหลายชั่วอายุคนแล้ว เราทำอะไรโง่ๆ กันมานานพอ จนพวกเรามีสิทธิ์จะแต่งตัวโสโครกและพูดเรื่องแย่ๆ ได้ทุกเรื่องที่แว้บเข้ามาในหัว” เขายิ้มแป้น “เจ้า คือ ลูกนอกคอก”

    “ลอร์ดเอ็ดดาร์ด สตาร์ค คือพ่อของข้า” จอนพูดตะกุกตะกัก

    แลนนิสเตอร์มองศึกษาใบหน้าของจอน “นั่นสิ เจ้ามีความเป็นชาวเหนือมากกว่าพวกพี่น้องของเจ้าเสียอีก”

    “เป็นพี่น้องกันแค่ครึ่งเดียว” จอนรู้สึกดีกับคำวิจารณ์ของคนแคระ แต่เขาพยายามไม่แสดงมันออกมา

    “ขอข้าให้คำชี้แนะกับเจ้าหน่อยล่ะกันนะ ลูกนอกคอก” แลนนิสเตอร์พูด “จงอย่าลืมว่าตัวเองคืออะไร เพราะโลกจะไม่ลืมแน่ จงทำให้มันเป็นจุดแข็งของเจ้าซะ แล้วมันจะไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป สวมมันเหมือนชุดเกราะ แล้วมันจะไม่มีทางทำร้ายเจ้า”

    จอนไม่อยู่ในมู้ดที่จะให้ใครมาแนะนำ “เจ้ารู้อะไร เป็นลูกนอกคอกมันเป็นยังไง เจ้ารู้หรือ”

    “คนแคระเป็นลูกนอกคอกทั้งนั้นแหละในสายตาของพ่อ”

    “เจ้าเป็นลูกแท้ๆ ของแม่เจ้า ของแลนนิสเตอร์”

    “ข้าเนี่ยนะ?” คนแคระตอบอย่างเหน็บแนม “ไปบอกพ่อข้าก็ละกัน แม่ข้าตายตอนคลอดข้า และท่านพ่อไม่เคยแน่ใจเลย”

    “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ข้าเป็นใคร”

    “ก็ต้องเป็นผู้หญิงซักคน ไม่ผิดแน่ แม่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้นแหละ” เขายิ้มอย่างสงสารให้กับจอน “จำไว้นะ ไอ้หนุ่ม คนแคระทั้งหมดอาจจะเป็นลูกนอกคอก แต่ลูกนอกคอกไม่จำเป็นต้องเป็นคนแคระ” และด้วยคำพูดทิ้งท้ายอย่างนั้น เขาก็หันเดินลอยชายกลับไปยังงานเลี้ยงพลางผิวปากเป็นทำนองเพลง เมื่อเขาเปิดประตู แสงไฟจากภายในก็ทอดเงาของเขายาวออกไปในลาน ชั่วพริบตานั้น ทีเรียน แลนนิสเตอร์ ยืนสูงสง่าราวกับพระราชา

    . . .
    . . .

    17-Jon-Tyrion.jpg
  15. ตอนที่ เบนเจน เรียกจอนว่าลูกเนี่ย ชวนให้สงสัยเหมือนกัน แต่ทฤษฎีว่าเบนเจนเป็นพ่อไม่ค่อยมีคนเชื่อเท่าไหร่
  16. cindy

    cindy ทหารม้า

    ขอบคุณตอนของจอนนะค่ะ เพราะชอบจอนมากเหมือนกัน สำหรับจอนเราว่า เขาดูน่าสงสารที่เขาเป็นลูกนอกสมรส แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เราว่าเขาโชคดีมาก มีพี่น้องที่รักเขา มีเพื่อนๆที่ไนท์วอชที่รักเขามากเช่นกันโดยเฉพาะแซม น่ารักดี
  17. cindy

    cindy ทหารม้า

    ส่วนที่เราแอบคิดว่าเขาเป็นลูกเบ็นเจน เพราะสังเกตุว่าเบ็นจะเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ และตอนที่จอนได้ขึ้นไปเฝ้ายามครั้งแรกบน เดอะวอล เบ็นรออยู่แล้วพูดว่า เขาอยากอยู่ที่นี่ด้วย ตอนที่จอนขึ้นมาเป็นครั้งแรก
    ส่วนเรื่องที่เป็นลูกของโรเบริต์ เราคิดว่าเขาผมดำ ไม่ใช่สีน้ำตาล เหมือนลูกนอกสมรสคนอื่นของโรเบริต์น่ะค่ะ
  18. cindy

    cindy ทหารม้า

    อ้อ ชอบทีเรี่ยนมาก คำพูดของเขาเป็นคำพูดเด็ดๆมาก และดูเขาเหมือนจะเอ็นดูเด็กๆของสตาร์ค มากเป็นพิเศษนะค่ะ
    ตัวละครแสดงได้ดีมาก จนได้รับรางวัลเลย
  19. ทีเรียนเจ๋งจริงๆ ครับ ภาคแรกเป็นคนที่ผมชอบที่สุดเลย

    จอน ผมเสียดายนิดนึงว่าในซีรีย์ คนแสดงแสดงอารมณ์ไม่ค่อยออกยังไงไม่รู้สิครับ ในหนังสือนี่อารมณ์จอนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะมาก เดี๋ยวบทต่อๆ ไปคงได้เห้นกันครับ
  20. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    จอนบทบาทดีครับ ส่วนทีเรียนเนี่ยผมเห็นเว็บเมืองนอกคนโหวตชอบมาอันดับหนึ่งเลย ส่วนนึงคงเพราะคำพูดคม ๆ
  21. cindy

    cindy ทหารม้า

    เห็นเหมือนกันค่ะ จากHBO คะแนนมาเป็นลำดับหนึ่ง ถ้าให้เราโวต เราก็คงเลือกเขาเหมือนกัน แต่ก็จะโวต คาล โดรโก้ด้วย เพราะเก่งดี
    ตัวละครที่เป็นรุ่นลูกนี่ดูเหมือนจะอายุน้อยกันทั้งนั้นเลยนะค่ะ ดูหน้าแล้วยังดูเด็กๆๆ แต่จะต้องแต่งงานแล้ว
  22. cindy

    cindy ทหารม้า

    เรื่องของลีอันน่า ดูเหมือนจะสำคัญจนเป็นเหตุทำให้ล้มบัลลังค์ของทากาเรี่ยนเลยหรือเปล่าค่ะ
  23. ผมว่าชนวนจริงๆ คือเรื่องถัดจากนั้นมากกว่าน่ะครับ พอลีอานนาโดนพาตัวไป พี่ชายของเอ็ดดาร์ดก็ตามไปทวงน้องสาวคืนถึงบัลลังก์ ปรากฏว่าแอริส ทาร์แกร์เรียน จับตัวเฮียแกไว้เลย แล้วเรียกร้องให้พ่อของเอ็ดดาร์ดไปเอาตัวคืน

    แต่เมื่อพ่อของเอ็ดดาร์ดไปถึง แอริสจับพี่ชายฆ่าต่อหน้าพ่อเลยครับ แล้วจับพ่อเผาทั้งเป็น . . . ถึงจะไม่มีโรเบิร์ต ยังไงๆ ก็ต้องเกิดสงครามแน่นอน
  24. cindy

    cindy ทหารม้า

    แล้วกษัตริย์แอริส เป็นบ้าจริงหรือเปล่าค่ะ ดูเรื่องมันซับซ้อนมาก ที่ในหนังไม่ได้อธิบาย
  25. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    ตรงนีกล่าวไว้ในหนังสือ ตอนไหนเหรอครับ ผมไม่ได้อ่านหรอก แต่ ต่อไปจะมีใช่ไหมครับ

Share This Page