การปฏิวัติของโรเบิร์ต - 15 ปีก่อนเริ่ม Game of Thrones

กระทู้จากหมวด "The Complete Story" โพสต์โดย สุนัขป่าโลกันตร์, 29 กันยายน 2011.

  1. สวัสดีครับ ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศเล่าประวัติศาสตร์นอกเหนือจากในซีรีย์บ้างนะครับ

    . . .

    Robert's Rebellion - การปฏิวัติของโรเบิร์ต
    (15 ปี ก่อนเริ่ม Game of Thrones)

    . . .

    การปฏิวัติของโรเบิร์ต มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า War of the Usurper (สงความของผู้ช่วงชิง) เหตุการณ์นี้ได้ถูกเกริ่นไว้นิดนึงแล้วตอนที่โรเบิร์ตลงไปเยี่ยมสุสานของลีอานนา (อ่านได้จาก กระทู้นี้ )

    สงครามครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วม 2 ฝ่าย ได้แก่

    ฝ่ายปฏิวัติ
    - ตระกูล บะราเธียน
    - ตระกูล สตาร์ค
    - ตระกูล ทัลลี
    - ตระกูล แอร์ริน
    - ตระกูล แลนนิสเตอร์

    ฝ่ายกษัตริย์
    - ตระกูล ทาร์แกร์เรียน
    - ตระกูล ไทเรล
    - ตระกูล มาร์เท็ล

    ก่อนอื่นจะขอแนะนำบุคคนสำคัญๆ ของแต่ละฝ่ายก่อนนะครับ
    apuchan, shadan69, OrdinaryDecentCriminal และอีก 9 คน ถูกใจข้อความนี้
  2. ฝ่ายปฏิวัติ

    Rickard Stark - พ่อของ เอ็ดดาร์ด
    Brandon Stark - พี่ชายของ เอ็ดดาร์ด
    Lyanna Stark - น้องสาวของ เอ็ดดาร์ด
    Hoster Tully - พ่อของแคทลิน
    Tywin Lannister - พ่อของ เจมี เซอร์ซี และทีเรียน

    และคนที่พวกเราน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว เช่น โรเบิร์ต สแตนนิส จอนแอร์ริน และเอ็ดดาร์ด

    ฝ่ายกษัตริย์

    ฝ่ายนี้ขอแนะนำละเอียดนิดนึงครับ เพราะไม่มีในซีรีย์

    ราชาวิกลจริต แอริส ทาร์แกเรียน ที่สอง (Aerys II Targaryen)

    250px-AERYS_II.jpg

    แอริส ทาร์แกเรียน เป็นพระราชาของเวสเตอรอสในเวลานั้น เขาไม่ใช่คนที่เป็นโรคจิตตลอดเวลานะครับ แต่จะเป็นๆ หายๆ วันดีคืนดีก็จะบ้าๆ บอๆ ขึ้นมา

    แม้จะเป็นคนโหดร้าย แต่ภายใต้การปกครองของเขานั้น ในหนังสือเขียนไว้ว่า แอริส ทาร์แกเรียน “ปกครองอาณาจักรให้มีสันติสุขอยู่เป็นเวลาหลายต่อหลายปี และท้องพระคลังล้นเต็มไปด้วยทองคำ” ประชาชนและผู้ติดตามจึงยอมรับเขาจากใจจริง แต่นับวันอาการทางจิตของเขาจะเป็นบ่อยขึ้น และถี่ขึ้น

    แอริสเป็นคนที่หลงใหลในเปลวไฟมาก ถึงกับสั่งให้นักเล่นแร่แปรธาตุสะสมสาร wildfire ไว้เต็มพระคลัง (เป็นสารที่มีพลังเวทย์มนต์ สามารถเป็นเชื้อไฟได้นานมาก ดาบไฟหลายๆ เล่มฉาบไว้ด้วยสารนี้)

    ราชินีของแอริส คือ เรลลา ทาร์แกเรียน (Rhaella Targaryen) เขามีลูก 3 คน คือ
    - เรการ์
    - วิเซริส
    - เดเนอริส

    เจ้าชาย เรการ์ ทาร์แกเรียน (Rhaegar Targaryen)

    350px-Rhaeg-winterfell.jpg

    ลูกชายคนโตของแอริส ว่ากันว่าเจ้าชายเรการ์ฉลาดมาก แทบจะเป็นอัจริยะคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ทำได้ดีเสมอ สมัยอายุน้อยเขาขลุกอยู่แต่หนังสือ อ่านหนังสือเยอะมาก อ่านทั้งวันทั้งคืน และอ่านออกตั้งแต่อายุน้อยกว่าคนทั่วไปมาก ผู้คนรอบข้างถึงกับเป็นห่วงสุขภาพของเขากันใหญ่เลยทีเดียว เพราะไม่ทำอย่างอื่นเลย อ่านอย่างเดียว

    จนกระทั่งเมื่ออายุมากขึ้น เขาเกิดอ่านเจอคัมภีร์โบราณเล่มนึงเข้า วันรุ่งขึ้น หนอนหนังสือเรการ์วิ่งไปหาครูฝึกอาวุธเพื่อขอเรียนดาบขึ้นมาทันที ... คัมภีร์นั้นคืออะไรคงได้รู้กันในอนาคตครับ หลังจากนั้นเขาก็ทุ่มเทฝึกหัดการต่อสู้และสามารถกำชัยชนะมาได้มากมายจากการแข่งขัน แต่ถึงกระทั้นเขาก็ยังรักการดีดพิณมากกว่าการแทงทวน เรการ์ชอบไปเยี่ยมซากปราสาท Summerhall แล้วดีดพิณร้องเพลงชื่นชมความงามของสถานที่นั้นอยู่เสมอๆ

    ว่ากันว่าประชาชนที่รักเรการ์นั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล แม้แต่ เจมี แลนนิสเตอร์ ยังเคยพูดไว้เลยว่าเรการ์จะต้องเป็นพระราชาที่ดีได้แน่ๆ

    เรการ์ แต่งงานกับ เจ้าหญิง เอลเลีย มาร์เท็ล แห่งอาณาจักร ดอร์น
    shadan69, CherryBoy, Oshinzz และอีก 4 คน ถูกใจข้อความนี้
  3. ชนวนทั้งหมดปะทุขึ้น เมื่อ เรการ์ ทาร์แกเรียน ลักพาตัว ลีอานนา สตาร์ค คู่หมั้นของโรเบิร์ต

    ฮอสเตอร์ ทัลลี พยายามห้ามปราม แบรนดอน สตาร์ค ซึ่งอยู่ที่ริเวอร์รันในเวลานั้นไม่ให้หุนหันพลันแล่น แต่แบรนดอนไม่สนใจ เขาขี่ม้ามุ่งตรงไปยังคิงส์แลนดิง เข้าไปยังปราสาทแดงแล้วร้องท้าให้เรการ์ออกมาตาย พระราชาแอริสจับตัวแบรนดอนและพรรคพวกของเขาเอาไว้ในโทษฐานที่มาข่มขู่เชื้อพระวงศ์ แอริสเรียกร้องให้พ่อของแบรนดอนและพรรคพวกมารับการพิภากษา แต่เมื่อพวกพ่อไปถึงคิงส์แลนดิง ทั้งพ่อทั้งลูกทุกคู่ถูกประหารทั้งหมดโดยไม่ได้มีการไต่สวนใดๆ ทั้งสิ้น

    ลอร์ดริคคาร์ด สตาร์ค เรียงร้องให้มีการพิภากษาโดยการต่อสู้โดนจับเผาทั้งเป็นพร้อมๆ กับที่แบรนดอน สตาร์ค โดนใส่เครื่องบีบคอ นอกจากนั้นพระราชาวิกลจริตยังเรียกร้องไปยัง จอน แอร์ริน ซึ่งเป็นผู้ปกครองดูแล โรเบิร์ต และ เอ็ดดาร์ดอยู่ในเวลานั้น ว่าเขาต้องการศีรษะของเด็กทั้งสองคน เป็นเหตุให้จอนแอร์รินชูธงระดมพลขึ้นต่อต้านทันที แต่ก็มีทหารของจอนจำนวนมากมายที่เลือกเข้าข้างพระราชา ทำให้จอนและโรเบิร์ตต้องทำศึกฝ่าด่านหลายด่านเพื่อไปรวมกำลังพลกับ ปราสาทวายุสลาย (บ้านของโรเบิร์ต) ในขณะที่เอ็ดดาร์ดเดินทางกลับขึ้นเหนือเพื่อระดมกองทัพของตน

    ตระกูล ทัลลี ซึ่งหมั้นหมายกับสตาร์คและแอร์ริน เข้าร่วมการต่อสู้ในฐานะกบฏ หลายๆ ตระกูลเล็กๆ ต่างเข้าข้างพระราชา ส่วนตระกูล Frey วางตัวเป็นกลางไม่ยุ่งกับใคร
    shadan69, CherryBoy, Oshinzz และอีก 4 คน ถูกใจข้อความนี้
  4. เหตุการณ์สำคัญ

    War_of_the_Usurper.png

    1. ศึกซํมเมอร์ฮอล (Battle of Summerhall)

    ศึกนี้เป็นศึก 3 ทิศทางที่เปิดฉากขึ้นในวันเดียวกัน โรเบิร์ตรู้ว่า มี 3 กองทัพที่จงรักภักดีต่อพระราชา วางแผนจะตีปราสาทวายุสลาย โรเบิร์ตจึงชิงบุกเข้าโจมตีกองทัพทั้ง 3 นั้นเสียก่อนที่จะมีโอกาสรวมตัวกัน หลังชัยชนะ 2 ในแม่ทัพของฝ่ายผู้จงรักภักดี แปรพักตร์มาเข้ากับโรเบิร์ต

    2. ศึก แอชฟอร์ด (Battle of Ashford)

    โรเบิร์ตกำลังกำลังบุกจู่โจมกองทัพของตระกูลไทเรล แต่โดนตลบหลังด้วยกองทัพของตระกูลทาร์ลี ศึกจบลงด้วยชัยชนะที่ไม่เด็ดขาดนักของฝ่ายผู้จงรักภักดี คัฟเฟอร์เรน หนึ่งในแม่ทัพที่แปรพักตร์ไปเข้ากับโรเบิร์ตถูกตัดหัวส่งไปให้พระราชา

    3. ศึกหอระฆัง (Battle of the Bells)

    หนึ่งในศึกยุทธศาสตร์

    ศึกนี้เกิดขึ้นที่เมือง Stone Sept (เป็นเมืองที่คึกคัก และมีกำแพงเมืองที่แข็งแรง) กองทัพของพระราชาแอริสพยายามไล่โจมตีกองทัพของโรเบิร์ต เพื่อตัดโรเบิร์ตออกจากกองทัพของเอ็ดดาร์ด โรเบิร์ตได้รับบาดเจ็บแล้วเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในเมือง สโตนเซ็ปต์

    จอน คอนนิงตัน ผู้เป็นหัตถ์ของราชาในเวลานั้น ใช้กำลังเข้ายึดครองสโตนเซ็ปต์แล้วส่งทหารออกค้นหาโรเบิร์ตในบ้านทุกหลัง ทีละหลัง จนกองทัพร่วมของเอ็ดดาร์ดและฮอสเตอร์ ทัลลีบุกเข้าไปในเมืองแล้วเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่นั้นเองโรเบิร์ตก็ปรากฏตัวออกมาช่วยโจมตีตลบหลัง จนจอนคอนนิงตันพ่ายแพ้และถอยทัพหนีไป

    หลังจากศึกนี้ แอริสจึงรู้สึกตัวว่าโรเบิร์ตไม่ใช่แค่ลูกลอร์ดอวดดี แต่เป็นคนอันตรายที่เป็นภัยต่อราชอาณาจักร เขาเนรเทศจอนคอนนิงตัน แล้วสั่งให้มือเพลิงของเขาวาง wildfire ไว้ทั่วคิงส์แลนดิง วางไว้แม้แต่ในปราสาทแดงของเขาเอง

    4. ศึกแม่น้ำหอกสามง่าม (Battle of the Trident)

    tumblr_lo6q9qmkY61qgvpn7o1_500.jpg tumblr_lpsjm8IeDE1qksesfo1_400.jpg

    หนึ่งในศึกยุทธศาสตร์

    กองทัพของโรเบิร์ต ปะทะกับกองทัพของเจ้าชายเรการ์ ทาร์แกเรียน แม่ทัพทั้งสองคนเข้าต่อสู้ 2 ต่อ 2 กันและจบลงด้วยควาามตายของเจ้าชายเรการ์ กองทัพของทาร์แกเรียนแตกตื่นหนีกระจัดจาย

    โรเบิร์ตบาดเจ็บสาหัสในศึกนี้ จึงมอบหมายตำแหน่งแม่ทัพให้กับ เอ็ดดาร์ด สตาร์ค

    5. ศึกยึดคิงส์แลนดิง (Sack of King's Landing)

    ศึกยึดคิงส์แลนดิงเกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติดำเนินไปแล้วราวหนึ่งปี ชัยชนะที่ศึกหอกสามง่ามทำให้สงครามครั้งนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าฝ่ายกบฏจะต้องชนะอย่างแน่นอน ตอนนี้เอง ลอร์ดไทวีน แลนนิสเตอร์ ซึ่งวางตัวเป็นกลางมาตลอดก็ยกทัพเข้าประชิดคิงส์แลนดิง ไทวีนประกาศว่าเขาภักดีต่อแอรีสและขอเข้าไปในเมือง

    แกรนด์เมสเตอร์ไพเซล แนะนำแอริสให้เชื่อไทวีนและรับเข้าเมืองมาช่วยเหลือพวกตน ในขณะที่หัวหน้าสายลับ วาริส ไม่เห็นด้วยที่จะยอมให้ไทวีนเข้าเมือง แอริสเลือกฟังความเห็นของไพเซลแล้วเปิดประตูให้ไทวิน

    ไทวินยกกองทัพบุกเข้ายึดคิงส์แลนดิงทันทีภายใต้ชื่อของโรเบิร์ต แอริสกระจายคำสั่งออกไปให้กับหัตถ์คนใหม่ทันทีให้จุดไฟเผา wildfire ทั้งหมดที่วางไว้เพื่อเผาผลาญทุกอย่างให้เป็นจุล เขาบอกว่า “ให้มัน(โรเบิร์ต) ได้เป็นพระราชาครอบครองเศษเถ้าถ่านและเนื้อสุก ให้มันเป็นพระราชาขี้เถ้า”

    หลังจากนั้นแอริสสั่งให้ เจมี แลนนิสเตอร์ หนึ่งในราชองครักษ์ให้ฆ่าไทวินซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเจมี เจมีไม่ทำตามคำสั่ง เขาฆ่าหัตถ์ของแอรีส แล้วปาดคอแอริสคาบัลลังก์เหล็ก ไทวินส่งอัศวินของเขา เกรกอร์ คลีเกน และอามอรี ลอร์ช เข้าจัดการกับเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ที่เหลือเพื่อให้โรเบิร์ตเห็นว่าตระกูลแลนนิสเตอร์เป็นฝ่ายโรเบิร์ตจริงๆ และไม่เหลือความจงรักภักดีต่อทาร์แกเรียน เกรกอร์ฆ่าลูกชายทารกของเรการ์ต่อหน้าต่อตาเจ้าหญิงเอเลียผู้เป็นแม่ แล้วข่มขืนฆ่าเจ้าหญิงเอเลีย อามอรีลากตัวลูกสาวของเรการ์ออกมาจากใต้เตียงแล้วฆ่าทิ้ง

    เมื่อเอ็ดดาร์ดตามมาถึงเขาพบเจมีกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์โดยมีศพของแอริสนอนอยู่เบื้องล่าง ไทวินนำศพของเอเลียและลูกๆ ออกมาแสดงเป็นเครื่องหมายแห่งความภักดี แต่ทั้งสองฝ่ายเกิดการถกเถียงกันขึ้น เป็นเหตุให้เอ็ดดาร์ดต้องยกทัพลงใต้ไปทำศึกที่เหลือเพียงลำพัง

    6. ศึกตีปราสาทวายุสลาย (Siege of Storm's End)

    ตลอดสงครามครั้งนี้ กองทัพของ เมซ ไทเรล ได้ยกเข้าประชิดและพยายามตีปราสาทวายุสลายมาตลอด ฝ่าย เมซ ไทเรล ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่โตและกินกันอย่างเอร็ดอร่อยให้ สแตนนิส กับกองทัพของเขาที่กำลังอดหยากอยู่ในกำแพงเมืองดู ตอนนั้นสแตนนิสได้รับความช่วยเหลือจาก ดาวอส ซีเวิร์ธ ที่แอบลักลอบเอาหัวหอมเข้าไปให้ ทำให้สแตนนิสและกองทัพของเขาอดทนอยู่ได้จนเอ็ดดาร์ดยกมาปราบศัตรูพ่ายแพ้ไป

    7. ศึกศิลามังกร (Dragonstone) - ไม่อยู่ในแผนที่

    หลังจากจบศึกตีปราสาทวายุสลาย ราชินีเรลลา และเจ้าชายวิเซริสได้หนีออกไปกับ เซอร์ วิลเลม ดาร์รี ไปยังศิลามังกร เก้าเดือนต่อมาราชินีเสียชีวิตระหว่างกำลังคลอดเดเนอริส พร้อมกับที่กองทัพเรือของทาร์แกเรียนโดนพายุพัดทำลายไปหมดสิ้น สแตนนิสได้รับมอบหมายให้นำกำลังเรือเข้าโจมตีปราการสุดท้ายของทาร์แกเรียน แต่ก่อนที่สแตนนิสจะไปถึง เซอร์วิลเลมได้แอบพาวิเซริสและแดเนริสล่องเรือหนีไปบวาวอส

    8. ศึกหอคอยเริงรมย์ (Battle of Tower of Joy)

    tower-of-joy.png

    หอคอยเริงรมย์ตั้งอยู่ไกลออกไปทางใต้ ไม่ชัดเจนนักว่าอยู่ตรงไหน แต่อยู่ในบริเวณที่ผมตีสีแดงไว้นั่นแหละครับ ในสงครามที่ผ่านมาทั้งหมด คิงส์การ์ดหลายๆ คนไม่ได้มีบทบาทในการรบเลย เพราะพวกเขาถูกส่งมาป้องกันหอคอยเริงรมย์แห่งนี้ หอคอยนี้เป็นสถานที่ที่เรการ์จับตัว ลีอานนา สตาร์ค เอาไว้ มันตั้งอยู่ไกลออกไปทางใต้ ในพื้นที่ดอร์น

    เอ็ดดาร์ด สตาร์ค เดินทางมาพร้อมกับผู้ร่วมทางรวม 7 คน คนทั้ง 7 เข้าต่อสู้ตัดสินกับราชองครักษ์จำนวน 3 คน ในตอนท้ายเหลือเพียงเอ็ดดาร์ด และฮาวแลนด์ รีด เพียง 2 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต และลีอานนาเสียชีวิตหลังจากเอ็ดดาร์ดรับปากสัญญาอะไรสักอย่างกับเธอ

    เซอร์อาเธอร์ เดย์น หนึ่งในราชองครักษ์ที่ตายไป เอ็ดดาร์ดได้นำดาบประจำตระกูลของอาเธอร์ ชื่อ ดาบ ดอว์น ไปคืนให้กับ แอชารา เดย์น ผู้เป็นน้องสาว นางกระโดดน้ำตายในเวลาต่อมา

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

    บทสรุปสงครามครั้งนี้ โรเบิร์ต บะราเธียนได้ขึ้นเป็นพระราชาคนใหม่และอภิเษกสมรสกับเซอร์ซีแทนลีอานนาที่ตายไป และตระกูลทาร์แกเรียนถูกฆ่าล้างไปเกือบหมด

    . . .
    . . .

    จบแล้วครับ ขอบคุณที่อ่านกันครับผม ^_^
    siuL Snow, sentveenus26beta, CherryBoy และอีก 11 คน ถูกใจข้อความนี้
  5. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    ขอบคุณครับ ไปหาเนื้อหากับรูปภาพจากไหนเหรอครับสุด ๆ เลย
    Hodor_Wolf ถูกใจข้อความนี้
  6. รูป ผมเคย google ว่า robert rhaegar ไว้นานแล้วล่ะครับ มีคนวาดไว้เยอะ ผมประทับใจสองรูปนี้มากครับ
    Yara ถูกใจข้อความนี้
  7. Sephiz

    Sephiz นักดาบฝึกหัด

    ใน 3. ศึกเบลส์ (Battle of the Bells) <----

    นั้นจริงๆ Jon Connington สามารถปราบกองทัพของ Robert Baratheon ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่การเผาเมือง และเผาบ้านให้ราบคาบ(Aerys คงสั่งการอย่างนั้น) แต่ด้วยความแมนและเท่ห์ของ Jon Connington เขาไม่ทำครับ เพราะกลัวชาวบ้านผุ้บริสุทธิ์จะเสียเลือดเนื้อ กำลังเสริมของฝ่าย Robert จึงมาทัน Jon เลยแพ้ศึกนี้แต่ไม่ได้ราบคาบ หนีไปได้ทันอย่างเท่ห์ๆ และก็ถูก Aerys ลงโทษโดยการยึดตำแหน่งทรัพย์สินและเนรเทศครับ

    ส่วนความจริงเกี่ยวกับตัว Rhaegar อีกนิด เกือบ spoil เป็นน้ำจิ้มพอ

    แต่ก่อนตอนเด็กๆ Rhaegar หน้าเป็นห่วงมากอ่านหนังสือก่อนอายุที่เด็กคนอื่นจะอ่านได้ อ่านแต่หนังสือทั้งกลางวันกลางคืนอยู่กับเทียนไข(ใช้ส่องไฟ) จนวันนึงเขาได้พบกับ Scroll ลับอะไรบางอย่าง!!! ที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร พอเช้าวันต่อมา เขาจึงเดินไปหา Master of Arms ของปราสาท แล้วขออาวุธ พร้อมกับพูดว่า "สงสัยฉันจะต้องเป็นนักรบ" scroll ลับนั่นคือะไรกัน !!!
    Yara, CherryBoy, Oshinzz และอีก 3 คน ถูกใจข้อความนี้
  8. Sephiz

    Sephiz นักดาบฝึกหัด

    สำหรับ Kingsguard นั้น คำสั่งของพระราชา ภาระหน้าที่ถือว่าคือสุดยอดยิ่งกว่าพระเจ้า ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง(โอ้) และฝีมือของพวกนี้คือระดับเทพแน่นอน ถึงขนาดเป็นตำนานและได้ฉายาต่างๆแบบสุดเท่ห์

    ที่ Tower of Joy นั้น Kingsguard ที่ยืนหยัดสู่ฝ่ายพระเอกทั้ง 7 คน คือ Gerold Hightower (The Bull), Oswell Whent, และ Arthur Dane (Sword of the Morning) ครับ ทั้งสามฆ่า 5 คนของฝ่ายพระเอกอย่างไม่ยากเย็นนัก

    ถ้าไม่ใช่เพราะเทคนิคการต่อสู้ของ Howland Reed (The Crannogman หรือพวกนักล่าที่ใช้ชีวิตตามบึง และหนองน้ำ) Eddard ก็คงไม่มีวันนี้ ฮ่าๆ
    คาดว่าเทคนิคการต่อสู้ของ Howland Reed คงเหมือนนักล่าที่มีการใช้กับดัก ใช้ตาข่ายในการต่อสู้ จึงสามารถปลิดชีพ Arthur Dane ฝ่ายตรงข้ามที่ยืนหยัดเป็นคนสุดท้ายได้
    Yara, oakhyco และ feddy ถูกใจข้อความนี้
  9. cindy

    cindy ทหารม้า

    ขอบคุณที่อุตส่าห์หาประวัติศาสตร์มาให้อ่านกันนะค่ะ
    แล้วนี่คือเรื่องจริงทางประวิติศาสต์หรือเปล่าค่ะ
  10. Sephiz

    Sephiz นักดาบฝึกหัด

    เรื่องจริงในหนังสือเลยครับ :) ขนาดเนื้อเรื่องในหนังสือเรายังต้องอ่านแบบใจเย็นๆเพราะว่า เนื้่อเรื่องเป็นยุคเก่า ข้อมูลที่อ่านเจอจะมีทั้ง "ข่าวลวง ข่าวลือ" และ "ข่าวจริง" สมมติอ่านเนื้อเรื่องของตัวละครนึง ตัวละครนั้นอยู่เมืองๆนึง อาจได้ยินจากชาวบ้านเมืองนั้นว่า แม่ทัพ A มีฝีมือการสู้รบไร้เทียมทาน(ข่าวลือ) แต่จริงๆ พออ่านไปจนตัวละครอีกตัวได้พบกับเพื่อนของแม่ทัพ A จริงๆ อาจจะพบว่าฝีมือของแม่ทัพ A ที่ว่าเก่งนั้น เป็นของปลอมเป็นโชคล้วนๆ อันนี้ต้องค่อยๆอ่านครับ เนื้อเรื่องจะเป็นตัวเฉลยเองไปเรื่ิยๆ แต่บางทีก็มีหลายเรื่องที่ต้องตีความเอง

    *เช่น* เรื่องการเป็น homo-sexual ของ Renly (ที่มันกิ๊กกับ Loras Tyrell ใน series ภาค 1) อันนี้ในหนังสือจะมีแบบพูดไว้เป็นนัยๆ เท่านั้นครับ
    เช่นประมาณว่า Renly ชอบแต่งตัว fashion in trend ตลอด ผ้าก็เต็มไปด้วยสีๆ เกราะก็สีเขียว มีองครักษ์ก็ต้องเป็นสีรุ้ง
    หรือไม่ก็มีคนพูดแดกดันประมานว่าผู้หญิงคนไหนแต่งงานก็ Renly ไป คงไม่ดี เพราะ Renly ใช้การไม่ได้(ฮา)
    Suria, oakhyco, feddy และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  11. cindy

    cindy ทหารม้า

    ขอบคุณค่ะ อย่าว่าแต่หนังสือที่ต้องอ่านหลายครั้งเลยค่ะ ในหนังก็ต้องดูหลายรอบเหมือนกันค่ะ
    ตัวละครชักเริ่มเยอะแล้ว ในซีซั่น1 ยังชื่อจำตัวละครได้ไม่หมดเลยค่ะ ใช้จำหน้าเอา
  12. cindy

    cindy ทหารม้า

    ผู้แต่งช่างมีจินตนาการที่กว้างไกล ทำให้คนอ่านจินตนาการตามไปด้วย จนนึกว่าเป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ซะอีก
    feddy ถูกใจข้อความนี้
  13. ในซีรีย์มีเวลาแนะนำตัวละครน้อยด้วยแหละครับ หลายๆ ตัวผมเพิ่งจะมารู้จักเอาตอนอ่านหนังสือเอง
    feddy ถูกใจข้อความนี้
  14. topz73

    topz73 ราชองค์รักษ์

    ผมว่าท่าน สุนัขป่าโลกันต์ แปลหนังสือขายเลยก็ดีนะครับผมจะรีบไปซื้อมาอ่านเลยทีเดียว อิอิ ;)
    Hodor_Wolf, Crankhead, feddy และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  15. kingkong4144

    kingkong4144 นักดาบฝึกหัด

    เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ เหมาะสำหรับคนอ่อนภาษาอย่างผม :D
    Hodor_Wolf และ AM'Rome Buster ถูกใจข้อความนี้
  16. cindy

    cindy ทหารม้า

    เห็นด้วยอย่างยิ่งที่น่าจะมีฉบับแปลไทย อาจจะมีเร็วๆนี้ก็ได้มั้งค่ะ เพราะว่าพอซีรีย์ออกฉาย มีคนชอบเรื่องนี้เยอะมากทั้งในและต่างประเทศ
    การถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือทำให้เราเข้าใจตัวละครมากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจทำแบบนั้น
    feddy ถูกใจข้อความนี้
  17. ผมมีอะไรอยากทำหลายอย่างเกินไปน่ะครับ ถ้าแปลหนังสือกลัวว่าจะแปลได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง ^-^;

    ถ้ามีคนแปลออกมาขายจริง ก็หวังว่าคนแปลจะเป็นคนที่สนใจในนิยายเรื่องนี้จริงๆ ครับ ไม่ใช่แปลเอาเงินอย่างเดียว แปลถูกแปลผิด
    feddy ถูกใจข้อความนี้
  18. Emsira

    Emsira นักดาบฝึกหัด

    หวังเหมือนท่าน สุนับป่าโลกันตร์ เหมือนกันครับ อยากให้มีคนแปลที่รักในตัวซีรี่นี้ครับ หนังสือจะได้น่าอ่าน ไม่ใช่แปลอะไรมาอ่านสับสน
    feddy ถูกใจข้อความนี้
  19. azoons

    azoons นักดาบฝึกหัด

    ในซีรีย์อาร์ยาบอกว่า แบรนด์อยากเป็น Kingsguard ไม่ทราบว่าในหนังสือมีบอกไว้มั้ยครับ
  20. มีครับ แบรน ตั้งแต่ต้นๆ ก่อนตกกำแพง อยากเป็นอัศวินมาก มีการเกริ่นเรื่องคิงส์การ์ดคนอื่นๆ ในตำนานที่แบรนฟังมาจากเรื่องเล่าด้วย
    Anusitkok52 และ azoons ถูกใจข้อความนี้
  21. cindy

    cindy ทหารม้า

    เรื่องคิงส์การ์ดนี่ ถ้าไม่ได้อ่านในนี้ ก็ไม่ทราบนะค่ะว่าต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ ถึงจะเป็นได้ ถึงว่า เจมี่ถึงภาคภูมิใจในตำแหน่งของเขามาก
    feddy ถูกใจข้อความนี้
  22. cindy

    cindy ทหารม้า

    "I will give him the iron chair that his mother's father sat upon. I will give him Seven Kingdoms. I , Drogo, will do this"
    ชอบประโยคนี้ ที่คาลโดรโก้ กล่าวตอนจับนักฆ่าได้ ชอบซีนนี้มากด้วย ฟังภาษาดอธราคีไม่เข้าใจ แต่นักแสดงถ่ายทอดมาได้ฮึกเหิมมาก
    น่าเสียดายทั้งคาลโดรโก้ที่ตายและลูกชายโรโก้ ก็ตาย เลยไม่มีใครได้ทำอะไรกับคำปฎิญาณนี้เลย
    Oshinzz, feddy และ topz73 ถูกใจข้อความนี้
  23. topz73

    topz73 ราชองค์รักษ์

    น่าจะมีหัวข้อ ชีวประวัติและความเป็นมาของตัวละครด้วยนะครับ แบบว่าบางคนในซีรีย์ แทบไม่มีบทบาท ต่างกับในหนังสือ *-*
    feddy และ cindy ถูกใจข้อความนี้
  24. ถ้ามีเวลาจะค่อยๆ รวบรวมเท่าที่แปลไว้แล้วลง wiki ดูครับ ลงเอาไว้ยังไม่ได้หัดใช้เลย
    feddy และ topz73 ถูกใจข้อความนี้
  25. cindy

    cindy ทหารม้า

    เคยหาอ่านบุคคลิกของตัวละครในwikiเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเขียนพอสังเคป แต่ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าในหนังมามากเหมือนกันค่ะ

Share This Page