Season 1 ตอนที่ 2

กระทู้จากหมวด "The Complete Story" โพสต์โดย สุนัขป่าโลกันตร์, 9 ตุลาคม 2011.

  1. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    อืมจริงน้องสาวนี่บ้าเลยครับ ประโยคที่ทีเรียนบอกในซี่รี่ย์ผมจำได้เลย ที่ถามว่าไม่ได้เจอน้องสาวมานานแค่ไหน แล้วทีเรียนตอบว่า "She change" แทบอธิบายทุกอย่างได้หมดเลย ฮ่า ๆ ๆ
  2. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ทุกท่านติดน้ำท่วมกันรึป่าวครับ หรือว่าทำความสะอาดกันอยู่

    เงียบเหงามากๆๆๆ
  3. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    ผมยังปลอดภัยดีอยู่ครับ แต่งานช่วงนี้เครียด ๆ นิดหน่อย เมื่อกี้พึ่งดูเอ๊บพิโสด 10 จบไป อยากดูต่อเร็ว ๆ จังเลย
  4. cindy

    cindy ทหารม้า

    ที่ทำงานน้ำท่วม เลยต้องย้ายมาอยู่King's Landing แล้วก็เลยงานยุ่งมากค่ะ
  5. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    ผมจำได้ว่าคุณ Cindy อยู่่กลาง ๆ ประเทศแถว ๆ หอกสามง่ามนี่ครับ แถวนั้นยังท่วมอีกเหรอคับ
  6. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ที่พญาไทไม่ท่วมเลยครับ
    ผมอุตส่าห์กักตุนอาหารไว้แล้วแท้ๆ
  7. cindy

    cindy ทหารม้า

    สงสัยจะเป็นตัวเรียกน้ำค่ะ บ้านที่อ่างทองน้ำท่วม ทำงานที่ปทุมก็น้ำท่วม พอย้ายออฟฟิสมากทม บ้านที่มาพักรามอินทรา ก็ท่วมอีกค่ะ เหลือแต่ออฟฟิสที่พระราม4 น้ำยังไม่มาค่ะ
  8. cindy

    cindy ทหารม้า

    เจอแล้ว คนที่ทำให้เราไม่มีมาม่ากิน:p
  9. aeiman

    aeiman ทหารม้า

    อ้าวพระราม4 เหรอครับ ผมตึกตรงข้ามช่องสามเลย
  10. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    Seven11 ที่ซอยศาสนามีของเต็มอยู่ตลอดเลยครับ

    ว่างๆ ก็มาซื้อได้
  11. cindy

    cindy ทหารม้า

    ยังไม่เคยไปตึกช่อง3เลยค่ะ ของเราอยู่ต้นๆถนนพระราม4ค่ะ
  12. cindy

    cindy ทหารม้า

    แซวเล่นขำๆ นะค่ะ อีกอย่างเป็นคนปริมณฑล ไม่รู้จักว่าอยู่ไหนค่ะ
  13. คิดว่าน้ำคงไม่มาที่บ้านกับที่ทำงานผมแล้วล่ะครับ จริงๆ ที่ทำงาน เช่าคอนโดใกล้ๆ ย้ายไปทำงานกันชั้น 5 ไว้แล้วเนี่ย คิดว่าเดือนหน้าคงต้องขนของกลับ

    แต่สงสารเพื่อนๆ คนรู้จักที่ท่วมกันจริงๆ ครับ มีเพื่อนอยู่มีนบุรี งามวงศ์วาน น้ำเน่า ยุงเยอะ เข้าออกบ้านยาก สุขุมพันไม่ปล่อยน้ำลงคลองแสนแสบเลย เลยระบายช้า รู้สึกแปลกๆ ครับกลางเมืองแห้งปกติขนาดนี้ในขณะที่รอบๆ เดือดร้อนกันหมักหมมแบบนี้
  14. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ตอนนี้ปัญหารถติดกลับมาแล้ว
  15. rey-r the first

    rey-r the first พลเดินเท้า


    บ้านผมอยู่แถวสตอร์ม เอนด์ ครับ (ใต้สุด) ตอนนี้น้ำกำลังท่วม บ้านผมยังไม่ท่วม เลยหนีมาพักพิงที่คิงส์แลนดิ้งครับ มาร่ำเมรัยกับเหล่าสหาย
  16. สวัสดีครับ

    จะอ้างงานยุ่งก็กะไรอยู่ แต่งานยุ่งจริงๆ ครับ วันนี้เรามาต่อตอนที่ 2 กันครับ

    หลังจากเหตุการณ์นักฆ่า แคทลินมีประเด็นให้สงสัยหลายอย่างครับ

    - การที่มีนักฆ่า แสดงว่ามีคนพยายามฆ่าแบรน และเป็นไปได้ว่าแบรนคงถูกพยายามฆ่ามาครั้งหนึ่งแล้วตอนตกจากกำแพง
    - วันที่แบรนตกลงมาจากกำแพง เป็นวันที่เอดดาร์ด พาโรเบิร์ตไปล่าสัตว์ แคทลินจำได้ว่าราชินีเซอร์ซีและฝาแฝดเจมี่ไม่ได้ไปล่าสัตว์ด้วย ทั้งคู่อยู่ที่เมืองในวันเกิดเหตุ
    - หลักฐานมีเพียงอย่างเดียวคือมีดของนักฆ่า

    แคทลินสรุปว่าแลนนิสเตอร์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ และหลังจากเรียกประชุมคนใกล้ตัว นางก็ตัดสินใจเดินทางไปเตือนเอดดาร์ดด้วยตัวเอง โดยมี เซอร์ รอดดริก ครูฝึกดาบของวินเทอร์เฟลอาสาติดตามไปด้วย

    ในหนังสือนะครับ เซอร์ รอดดริก ตอนแรกไว้หนวดยาวเลยทีเดียว แต่เพื่อไม่ให้ใครจำได้เขาจึงโกนหนวดออกหมดจนใบหน้าเกลี้ยงเกลา ใครเห็นก็จำแทบไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเคยชินกับหนวดของเขาอยู่ ยังคงติดนิสัยเอามือไปจับๆ ลูบๆ หนวดอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่โกนไปแล้ว

    อันนี้ผมไม่แน่ใจในทีวีมีพูดถึงรึเปล่านะครับ แต่แคทลินไม่ได้เดินทางด้วยม้าและไม่ได้ใช้ King's Road นางคิดว่าถ้าเดินทางด้วยเรือน่าจะเร็วกว่ามาก รวมทั้งไม่ต้องเจอคนเยอะแยะตามรายทางด้วย แคทลินกับเซอร์ รอดดริก จึงเดินทางเลียบแม่น้ำลงใต้ไปยังเมืองท่า White Harbor ตามรูปครับ

    11-cat.jpg
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  17. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ
  18. ซานซา
    (ซีซั่น 1 ตอนที่ 2)

    . . .

    ตอนนี้รายละเอียดต่างกับในทีวีเยอะมาก ผมจะขอเล่าตามหนังสือนะครับ

    . . .

    ที่ห้องอาหารเช้า

    เปิดฉากมาซานซากำลังกินข้าวเช้ากับเซปตามอร์เดน ทั้งสองคุยกันว่าเอดดาร์ดถูกโรเบิร์ตลากออกไปล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว โรเบิร์ตอยากล่าตัว Auroch มาก ซึ่งตัว Auroch แทบจะสูญพันธุ์จากทางใต้ไปแล้วแต่ยังเหลืออยู่ทางตอนเหนือบ้าง

    Auroch เป็นสัตว์สมัยโบราณที่มีจริงครับ เป็นบรรพบุรุษของวัวเลี้ยงในปัจจุบัน http://en.wikipedia.org/wiki/Aurochs

    ซานซา กินข้าวเช้าไป ก็แอบเอาอาหารตัวเองป้อนเลดี้ที่อยู่ใต้โต๊ะไป เซปตามอร์เดนถึงกับมอง

    “ผู้หญิงสูงศักดิ์เขาไม่ป้อนข้าวหมาใต้โต๊ะกินข้าวหรอกนะ”

    “เลดี้ไม่ใช่หมา! นางเป็นสุนัขป่าโลกันตร์” ซานซาพูดพลางให้เลดี้เลียนิ้ว “ที่สำคัญ ท่านพ่ออนุญาติแล้วให้ข้าเก็บมันไว้กับตัว”

    เซปตามอร์เดนไม่พอใจ “เจ้าเป็นเด็กดีนะซานซา แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้แล้วนะ เจ้าน่ะดื้อพอๆ กับอารยาน้องสาวเลย”

    เซปตามอร์เดนสังเกตว่าอารยาไม่ได้มากินข้าวเช้า ซานซาบอกว่าอารยาไม่หิว แล้วคิดในใจว่าเธอรู้จักน้องสาวเธอดี อารยาคงลงมากินตั้งแต่เช้ามืดแล้วออกไปเล่นข้างนอกเรียบร้อย

    วันนั้นซานซาและอารยาได้รับเชิญจากราชินีให้ไปร่วมนั่งรถลาก จิบชากินเค้กด้วยกันตามประสาผู้หญิง ซานซาตื่นเต้นมากครับ เธอแต่งตัวสวยที่สุด และใจเต้นรัวแรงเพราะคิดว่าอาจจะได้เจอเจ้าชายจอฟฟรี่ก็ได้ ในหนังสือบอกว่า “ซานซายังแทบไม่รู้จักเจ้าชายจอฟฟรี่เลย แต่เธอก็หลงรักเขาอย่างลึกซึ้ง” แต่ซานซาเป็นห่วงมากว่าเรื่องราวทั้งหมดจะถูกอารยาทำพัง

    . . .

    ที่ริมแม่น้ำ

    ซานซาออกตามหาอารยาเพื่อเตือนน้องสาวให้แต่งตัวให้สวยสำหรับร่วมโต๊ะกินขนมกับราชินี เธอพบอารยากำลังจับไนมีเรียแปรงขนและอาบน้ำ ตัวของไนมีเรียเปรอะโคลนเลอะเทอะไปหมด ไนมีเรียไม่สนุกเท่าไหร่ครับ มันเดินหลบไปหลบมา เอี้ยวตัวหลบ แสดงอาการดื้อไม่ยอมให้อารยาแปรงขนนัก ซานซาถึงกับแอบหัวเราะในใจ “ดื้อเหมือนเจ้าของเลย” อารยาสวมกางเกงและรองเท้าหนังสำหรับขี่ม้าตัวเดิมที่เธอสวมมาแล้วหลายต่อหลายวัน

    เมื่อซานซาเตือนอารยาเรื่องไปนั่งกินขนมกับราชินี อารยาตอกกลับทันที “ข้าไม่ไป” ซานซาถึงกับอึ้งกิมกี่ “ข้านัดกับไมคาห์ไว้แล้ว เราจะขี่ม้าไปหาทับทิมกันที่ตรงน้ำตื้นโน่น”

    “ทับทิม” ซานซางง “ทับทิมอะไร?”

    อารยามองพี่สาวด้วยสายตาเหมือนว่าเธอช่างโง่เสียเหลือเกิน “ทับทิมของ เรการ์ ไง ที่นี่ไงล่ะที่พระราชาโรเบิร์ตฆ่าเรการ์แล้วแย่งบัลลังก์มาได้”

    ซานซาฟังน้องสาวตัวผอมของเธออย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “เจ้าไปหาทับทิมไม่ได้นะ ราชินีเชิญเราทั้งคู่นะ เจ้าหญิงก็อยากเจอเจ้าด้วย”

    แต่ยังไงอารยาก็ไม่ยอมครับ ซานซานึกไปถึงเรื่องราวระหว่างการเดินทางหลายต่อหลายอย่างของอารยาที่ทำให้เธอไม่พอใจมาก เพียงไม่กี่วันก่อน อารยาเดินลุยโคลนลึกถึงเอวไปเด็ดดอกไม้ให้กับเอดดาร์ด แทนที่เอดดาร์ดจะดุอารยาซะหน่อย เอดดาร์ดรับดอกไม้ไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วลูบหัวอารยาซะอีก ซานซาไม่เข้าใจว่าทำไมเอดดาร์ดถึงไม่ห้ามปรามอารยาซะบ้าง ทำไมปล่อยให้อารยาทำตัวไม่สมเป็นผู้หญิงอยู่อย่างนั้น แล้วซานซาก็ไม่พอใจเพื่อนที่อารยาคบ ไมคาห์ แค่ลูกชายคนแล่หมูเท่านั้นเอง

    ซานซาทั้งชวน ทั้งขู่ ทั้งดุ ทั้งอ้างผู้ใหญ่ก็แล้ว สุดท้ายอารยาก็เลยทำเป็นหูทวนลมแล้ววิ่งหายไปกับไนมีเรีย

    . . .

    ว่ากันเรื่องทับทิมนิดนึงครับ รายละเอียดของการต่อสู้ในครั้งนั้น อ่านได้จากกระทู้นี้ครับ

    http://gameofthronesfansite.com/threads/25/

    บริเวณที่ซานซากับอารยาเดินทางมาถึง คือบริเวณที่แม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน เรียกว่า Trident หรือหอกสามง่ามนั่นเอง

    12-sansa.jpg
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  19. ที่ค่ายพัก

    ซานซาพาเลดี้เดินผ่านค่ายพักไปหาราชินีตามนัด ระหว่างทางเธอก็นึกทบทวนเรื่องต่างๆ ของอารยาพลางไม่พอใจไปด้วย สมัยเด็กๆ เธอเคยคิดด้วยซ้ำว่าอารยาคงไม่ใช่น้องแท้ๆ ของเธอ เพราะหน้าตาอารยาเหมือนจอนซึ่งเป็นลูกนอกคอกมาก ซานซาถึงกับเอาไปถามแคทลินเลยทีเดียว เมื่อแคทลินหัวเราะแล้วยืนยันว่าอารยาเป็นน้องแท้ๆ เธอก็ยอมรับแบบไม่เข้าใจนัก

    ระหว่างทางซานซาสังเกตุว่าค่ายพักมีอารามตื่นเต้น ผู้คนเปิดประตูหน้าต่างออกมามุงดู เธอเห็นราชินียืนอยู่บนบันไดไม้ กำลังก้มลงคุยกับอัศวิน 2 คนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

    2 คนนั้นถูกส่งมาเพื่อร่วมขบวนของพระราชาในฐานะองครักษ์หลวง เซอร์ แบริสตัน เซลมี หัวหน้าหน่วยองครักษ์คิงส์การ์ด และน้องชายของพระราชาโรเบิร์ต เรนลี เบอราธเธียน

    13-sansa.jpg

    (ขวา) เซอร์ แบริสตัน คืออัศวินสูงอายุ สวมเกราะสีเงินวาววับราวกับหิมะ

    (ซ้าย) เรนลีสวมเกราะเขียวหยก ในหนังสือบรรยายว่า “เป็นชายอายุราว 20 ปี หน้าตาหล่อเหลาที่สุดเท่าที่ซานซาเคยเห็นมา ร่างกายสูงใหญ่ดูทรงพลัง เส้นผมสีดำขลับยาวลงถึงหัวไหล่ มีใบหน้าโกนหนวดเกลี้ยงเกลาอยู่กลางเส้นผม มีดวงตาสีเขียวที่มีชีวิตชีวาเข้ากับสีชุดเกราะ ในวงแขนข้างหนึ่งกอดเกราะหัวเอาไว้ เกราะหัวชิ้นนั้นวาววับด้วยเขากวางทองคำ”
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  20. เรนลีในหนังสือช่างต่างกับในซีรีย์ลิบลับ เอดดาร์ดเองยังมีชมเลยครับว่า แหม่ นายนี่เหมือนโรเบิร์ตตอนหนุ่มๆ เด๊ะเลย

    มาต่อกันครับ

    ซานซาอยากเห็นสองคนนั้นชัดๆ ก็เลยเอาเลดี้เดินนำทางแหวกฝูงคนที่มุงอยู่เข้าไป คนเหล่านั้นเมื่อเห็นสุนัขป่าโลกันตร์ก็กลัว รีบหลีกทางให้แทบไม่ทัน

    เมื่อเข้าไปถึงตรงกลาง ซานซาก็สังเกตุเห็นคนมาใหม่อีกคนหนึ่งซึ่งยืนมองอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ไม่ได้คุกเข่าลงเหมือน 2 คนแรก คนคนนี้ผอมเกร็ง ตากลวงลึก แก้มตอบ และทั้งๆ ที่อายุยังน้อยแต่กลับมีเส้นผมเหลืออยู่บนหัวเพียงประปรายบริเวณเหนือใบหูเท่านั้น เขาสวมเกราะ chain mail สีเทา ทับไว้ด้วยเกราะหนัง ซึ่งดูผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก หลังไหล่ขวาสะพายดาบสองมือเล่มมหึมาเอาไว้

    14-sansa.jpg

    ราชินียังคงคุยกับคน 2 คนเดิม แต่ซานซาละสายตาจากคนที่ 3 ไม่ได้เลย คนคนนั้นอาจจะรู้สึกถึงสายตาของซานซาได้ เขาค่อยๆ หันมามองซานซาช้าๆ เลดี้เริ่มส่งเสียงขู่ ทันใดนั้นซานซารู้สึกหวาดกลัวขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวจนไปชนกับใครคนนึงเข้า

    มือที่แข็งแรงประคองบ่าเธอไว้ ซานซานึกว่าเป็นพ่อ แต่เมื่อเธอหันกลับไป มันเป็นใบหน้าไหม้ไฟของเซนดอร์ คลิเกน เขากำลังมองซานซาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว “เจ้าตัวสั่น เด็กน้อย” เซนดอร์พูดด้วยเสียงห้าว “ข้าทำให้เจ้ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?”

    เป็นครั้งแรกที่ซานซาได้มองแผลของเซนดอร์อย่างเต็มตา แต่ถึงตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันยังน่ากลัวไม่ถึงครึ่งของคนเมื่อกี๊เลย ซานซาบิดตัว ดึงตัวเองออกมาจากมือของเซนดอร์แล้วถอยหนี สุนัขล่าเนื้อถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา เลดี้กระโดดเข้าคั่นกลางระหว่างซานซาและเซนดอร์พร้อมแยกเขี้ยวส่งเสียงคำราม ซานซารีบคุกเข่าลงกอดเลดี้เอาไว้

    ถึงตอนนี้คนรอบข้างต่างพากันมามุงดูซานซา ส่งเสียงคุยกับพึมพัม “นั่นหมาป่าโลกันตร์นี่นา มันเข้ามาในค่ายได้ยังไง” มีเสียงพูดคุยกันอื้ออึงไปหมด ทหารยามแถวนั้นต่างพากันชักอาวุธออกมาเพื่อสู้กับเลดี้ อัศวินที่มาใหม่ 2 คนก็กำลังจ้องมองดูเธอ ในมือของทั้งคู่ชักดาบออกมาแล้ว ซานซารู้สึกกลัวและอายมาก น้ำตาเอ่อดวงตาทั้งสองข้าง

    “พอได้แล้ว อย่าตอแยนาง” ไม่ใช่ใครที่ไหน จอฟฟรี่นั่นเอง . . .

    15-sansa.jpg

    . . .
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  21. หลังจากนี้เป็นบทแปลเต็มๆ ครับ

    . . .
    . . .

    ราชินีส่งรอยยิ้มที่สวยงามให้ “ซานซา พวกข้ามีเรื่องต้องหารือกันจนกว่าพระราชากับพ่อของเจ้าจะกลับมา ข้าเกรงนัดของเรากับไมร์เซลลาจะต้องเลื่อนออกไปก่อน ฝากคำขอโทษของข้าไปให้น้องสาวที่น่ารักด้วย จอฟฟรี่ บางทีเจ้าอาจจะใจดีช่วยดูแลแขกให้ข้าได้”

    “ด้วยความยินดี ท่านแม่” จอฟฟรี่ตอบอย่างเป็นทางการ เขาสัมผัสแขนของซานซาแล้วพาเธอเดินไปจากรถเทียมม้าของพระราชินี จิตใจของซานซาถึงกับลอยละลิ่ว เธอได้อยู่กับเจ้าชายของเธอทั้งวัน! เธอเพ่งมองจอฟฟรี่อย่างเทิดทูน เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษที่กล้าหาญเหลือเกิน เธอคิดในใจ ที่เขาช่วยเธอจากเซอร์อิลลินและสุนัขล่าเนื้อ ทำไมกันนะ มันช่างเหมือนในบทเพลงเหลือเกิน เหมือนเมื่อครั้งอัศวินโล่กระจก เซอร์วิน ช่วยเจ้าหญิงแดริซซาจากยักษ์ หรือครั้งที่อัศวินมังกร เอมอน ช่วยปกป้องเกียรติศักดิ์ศรีของราชินีแนริสจากคำใส่ร้ายป้ายสีของเซอร์มอร์กิลที่ชั่วร้าย

    สัมผัสของมือจอฟฟรี่บนแขนเสื้อทำให้ใจเธอเต้นรัว “เจ้าอยากทำอะไร?”

    อยู่กับท่านไง, ซานซาคิดในใจ แต่เธอตอบว่า “อะไรก็ได้ที่ท่านอยากทำ เจ้าชายของข้า”

    จอฟฟรี่หยุดคิดครู่หนึ่ง “เราไปขี่ม้าเล่นกัน”

    “โอ ข้ารักการขี่ม้า” ซานซาตอบ (เมื่อตะกี๊เธอเพิ่งเถียงกับอารยาว่าเกลียดการขี่ม้า น่าตบเป็นที่สุด)

    จอฟฟรี่ชำเลืองกลับไปมองเลดี้ที่เดินตามอยู่ข้างหลัง “หมาป่าของเจ้ามีแนวโน้มว่าจะทำให้ม้าตกใจกลัว และหมาของข้าก็เหมือนจะทำให้เจ้ากลัว ให้พวกเราทิ้งมันไว้ที่นี่แล้วไปกันเองเถอะ เจ้าจะว่าอย่างไร?”

    ซานซาลังเล “ถ้าท่านต้องการ” เธอพูดอย่างไม่แน่ใจ “ข้าคิดว่าคงผูกเลดี้ไว้ได้” เธอไม่ค่อยเข้าใจ “แต่ข้าไม่รู้เลยว่าท่านมีสุนัข . . .”

    จอฟฟรี่หัวเราะ “จะว่าไปแล้วมันเป็นหมาของท่านแม่น่ะนะ ท่านแม่สั่งให้มันปกป้องข้า และมันก็ทำตามคำสั่ง”

    “ท่านหมายถึงสุนัขล่าเนื้อ” ซานซาอยากจะเคาะหัวตัวเองเหลือเกินที่ตามความคิดจอฟฟรี่ไม่ทัน เจ้าชายคงไม่มีทางรักเธอแน่ๆ ถ้าเธอท่าทางโง่ “ปลอดภัยหรือเปล่าที่จะไม่ให้เขาไปด้วย”

    เจ้าชายจอฟฟรี่ดูจะรำคาญที่เธอถาม “ไม่ต้องกลัว คุณผู้หญิง ข้าโตเกือบเป็นชายเต็มวัยแล้ว และข้าไม่ได้ต่อสู้ด้วยท่อนไม้เหมือนพี่ชายของเจ้า ที่ข้าต้องการมีเพียงสิ่งนี้” เขาชักดาบออกมาอวดเธอ ดาบยาวที่คล่องแคล่ว มันถูกลดขนาดลงให้เหมาะกับเด็กอายุสิบสอง แวววับด้วยประกายเหล็กกล้าสีฟ้า ตีจากปราสาทและคมสองด้วย ด้ามจับหนังประดับปลายด้วยหัวสิงโตทองคำ ซานซาร้องอุทานด้วยความชื่นชม และจอฟฟรี่ดูภูมิใจมาก “ข้าเรียกมันว่า เขี้ยวราชสีห์” เขาบอก

    แล้วทั้งสองก็ทิ้งสุนัขป่าโลกันตร์และองครักษ์ไว้ พากันออกเดินทางเลียบตลิ่งด้านเหนือของหอกสามง่ามไปทางทิศตะวันออกโดยไม่มีผู้ร่วมท่างอื่นๆ เลยนอกจากเขี้ยวราชสีห์

    16-sansa.jpg

    มันช่างเป็นวันที่แสนสวยงาม วันที่แสนวิเศษราวกับอยู่ในโลกของเวทมนต์ อากาศกำลังอบอุ่น หอมไปด้วยกลิ่นดอกไม้ ป่าที่นี่มีความอ่อนโยนอย่างที่ซานซาไม่เคยเห็นมาก่อนในป่าทางเหนือ ม้าของเจ้าชายจอฟฟรี่เป็นม้าเร็วสีแดงเลือดที่มีฝีเท้าว่องไวราวสายลม เขาปลดปล่อยอารมณ์ขี่มันอย่างเต็มที่ ทำเอาซานซาและม้าสาวตัวเล็กของเธอต้องทุ่มเทกันสุดตัวเพียงเพื่อจะตามให้ทัน มันเป็นวันแห่งการผจญภัย พวกเขาเข้าไปสำรวจถ้ำริมแม่น้ำ ติดตามรอยเท้าของแมวราตรีไปจนถึงรัง และเมื่อพวกเขาหิว จอฟฟรี่ก็ตามควันไฟไปยังบ้านเรือนแถวนั้นแล้วสั่งให้เจ้าของบ้านนำอาหารและไวน์มาเสิร์ฟให้กับเจ้าชายและคุณผู้หญิงของเขา พวกเขากินปลาเทราท์สดจากแม่น้ำ และซานซาดื่มไวน์เยอะอย่างที่ไม่เคยดื่มมาก่อน “ท่านพ่อให้พวกเราดื่มเพียงแก้วเดียวเท่านั้นเองเวลามีงานเลี้ยง” เธอสารภาพต่อเจ้าชายของเธอ

    “ว่าที่ภรรยาของข้าสามารถดื่มได้มากเท่าที่นางต้องการ” จอฟฟรี่บอกพลางรินไวน์เติมให้เธอ

    ทั้งสองเดินทางช้าลงหลังจากทานอาหารแล้ว จอฟฟรี่ร้องเพลงให้ซานซาระหว่างที่ควบม้าอยู่เคียงคู่กัน เสียงของเขาสูงแหลมและหวานและบริสุทธิ์ ซานซารู้สึกมึนจากไวน์ที่ดื่มเข้าไป “เราควรจะกลับกันหรือยัง?” เธอถาม

    “จวนแล้ว” จอฟฟรี่บอก “สนามรบน่ะอยู่ข้างหน้านี้เอง ตรงที่ตลิ่งมันโค้งนั่นไง นั่นแหละที่ท่านพ่อข้าฆ่าเรการ์ ทาร์แกเรียน รู้ใช่มั้ย ท่านฟาดอกมัน เปรี้ยง แหลกทะลุชุดเกราะเลยล่ะ” จอฟฟรี่แสดงท่าฟาดค้อนศึกให้ซานซาดู “แล้วท่านอาเจมี่ของข้าก็ฆ่าไอ้แก่แอริส แล้วท่านพ่อก็ได้เป็นพระราชา นั่นเสียงอะไรน่ะ?”

    ซานซาได้ยินเสียงที่ลอยผ่านแมกไม้มาเช่นกัน เสียงเหมือนไม้กระทบกัน แกรก แกรก แกรก “ข้าไม่รู้” เธอบอก เสียงนั้นทำให้เธอตื่นตระหนก “จอฟฟรี่ เรากลับกันเถอะ”

    “ข้าอยากดูว่ามันคืออะไร” จอฟฟรี่หันม้าไปยังต้นเสียง ซานซาได้แต่ตามไปอย่างไม่มีทางเลือก เสียงนั้นดังขึ้น ดังขึ้น เสียง แกรก ของไม้กระทบกัน และเมื่อทั้งสองเข้าไปใกล้ขึ้นก็ได้ยินเสียงหอบหายใจด้วย แล้วก็เสียงฮึดฮัด

    “มีบางคนอยู่ที่นั่น” ซานซาพูดอย่างวิตกกังวล เธอพบว่าตัวเองกำลังคิดถึงเลดี้ เธอหวังว่าสุนัขป่าโลกันตร์จะอยู่ด้วยกันกับเธอ

    “เจ้าปลอดภัยกับข้า” จอฟฟรี่ชักเขี้ยวราชสีห์ออกมาจากฝัก เสียงของเหล็กกล้าที่เสียดสีกับปลอกหนังทำให้เธอถึงกับตัวสั่น “ทางนี้” จอฟฟรี่บอก แล้วควบม้าฝ่าพุ่มไม้เข้าไป

    เบื้องหลังพุ่มไม้เป็นที่ราบเหนือแม่น้ำ ทั้งสองเจอเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงกำลังเล่นเป็นอัศวินกัน ดาบของพวกนั้นเป็นท่อนไม้ ดูหน้าตาน่าจะเป็นด้ามไม้กวาด และพวกนั้นกำลังวิ่งไปมาบนผืนหญ้าและเหวี่ยงดาบใส่กันอย่างกระหาย เด็กผู้ชายตัวสูงกว่าราวช่วงหัวหนึ่ง ดูแก่กว่าและแข็งแรงกว่ามาก เขากำลังเป็นฝ่ายรุกไล่ ส่วนเด็กผู้หญิงเป็นเด็กตัวเล็กผอมบางในชุดหนังสกปรก เธอกำลังหลบหลีกและดูจะเอาท่อนไม้ขวางการโจมตีของเด็กชายไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ทุกครั้ง เมื่อเธอพุ่งตัวเข้าใส่ เด็กชายก็ใช่ท่อนไม้ปัดการโจมตีไปข้างๆ แล้วเลื่อนอาวุธไปตีนิ้วมือของเด็กหญิงอย่างแรง เด็กหญิงร้องออกแล้วทำอาวุธหลุดมือ

    เจ้าชายจอฟฟรี่หัวเราะ เด็กชายหันกลับมามอง เขาตาโตด้วยความตื่นตระหนกและปล่อยท่อนไม้ลงกับพื้นหญ้า เด็กหญิงถมึงตามองพลางดูดข้อนิ้วเพื่อเอาความเจ็บปวดออกไป ส่วนซานซากำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว “อารยา? ” เธอร้องเรียกอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    “ไปให้พ้น” อารยาตะโกนกลับ น้ำตาเอ่อด้วยความโมโห “มาทำอะไรที่นี่? อย่ามายุ่งกับพวกเรา”

    จอฟฟรี่กลอกตามองจากอารยากลับมาที่ซานซาแล้วไปที่อารยาอีกที “น้องสาว?” ซานซาพยักหน้า หน้าแดงก่ำ จอฟฟรี่มองพิเคราะห์ดูเด็กชาย เขาเป็นเด็กตัวท้วมใบหน้าหยาบตกกระ มีผมหนาสีแดง “แล้วเจ้าเป็นใคร เด็กน้อย?” เขาถามด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง โดยไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่า

    “ไมคาห์” เด็กชายตอบพึมพัม เขานึกออกว่านั่นคือเจ้าชายแล้วหลบสายตาไปทางอื่น “ขอรับนายท่าน”

    “เขาเป็นลูกชายคนแล่เนื้อ” ซานซาบอก

    “เขาเป็นเพื่อนข้า” อารยาตอบเสียงแหลม “อย่ามายุ่งกับเขานะ”

    “ลูกชายคนแล่เนื้อที่อยากเป็นอัศวิน ใช่มั้ย?” จอฟฟรี่เหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า มือถือดาบ “หยิบดาบขึ้นมาซะ เจ้าเด็กแล่เนื้อ” เขาบอก ดวงตาเป็นประกายด้วยความขบขัน “ให้พวกเราดูฝีมือเจ้าหน่อย”

    ไมคาห์ยืนนิ่งด้วยความกลัว

    จอฟฟรี่เดินเข้าหา “ไปสิ หยิบมันขึ้นมา หรือว่าเจ้ากล้าสู้แต่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ?”

    “เธอขอไอ้ข้าทำ นายท่าน” ไมคาห์บอก “เธอ ขอ ไอ้ข้าทำ” (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับ ในหนังสือเขาพูดไม่ชัดเท่าไหร่)

    เพียงซานซาชำเลืองตามองอารยาแว่บนึง เธอก็รู้แล้วว่าเด็กชายกำลังพูดความจริง แต่จอฟฟรี่ไม่ได้อยู่ในมู้ดที่จะรับฟัง ฤทธิ์ของไวน์ทำให้เขาขาดความยับยั้งชั่งใจ “เจ้าจะหยิบดาบไหม?”

    ไมคาห์ส่ายหัว “มันแค่ท่อนไม้ นายท่าน มันไม่ใช่ดาบ มันแค่ท่อนไม้”

    “และเจ้าก็เป็นแค่ลูกคนแล่เนื้อ ไม่ใช่อัศวิน” จอฟฟรี่ยกเขี้ยวราชสีห์ขึ้นชี้ไปที่แก้มของไมคาห์บริเวณใต้ตา ลูกชายคนแล่เนื้อได้แต่ยืนสั่นระริก “นั่นน่ะน้องสาวของคุณผู้หญิงของข้านะ คนที่เจ้ากำลังทำร้ายน่ะ รู้ไหม?” เลือดสีสดแย้มออกมาจากปลายดาบที่กดลงไปในเนื้อของไมคาห์ แล้วกรีดเป็นเส้นสีแดงบนแก้มของเด็กชาย

    17-sansa.jpg

    หยุดนะ”อารยากรีดร้อง เธอคว้าเอาท่อนไม้ที่หล่นอยู่ของเธอขึ้นมา

    ซานซากลัวมาก “อารยา อย่าเข้ามายุ่ง”

    “ข้าไม่ทำร้ายมัน . . . มากสักเท่าไหร่หรอก” เจ้าชายจอฟฟรี่บอกอารยา สายตาจับจ้องอยู่ที่ลูกคนแล่เนื้อ

    อารยาพุ่งเข้าใส่

    ซานซารีบไถลตัวลงจากหลังม้า แต่เธอช้าเกินไป อารยาเหวี่ยงท่อนไม้ด้วยมือทั้งสองข้าง เสียง แกรก ดังสนั่นเมื่อไม้ท่อนนั้นกระแทกหลังหัวของเจ้าชายแล้วหักออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเหลือเกินก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาซานซา จอฟฟรี่ซวนเซแล้วหันกลับมาร้องสบถ ไมคาห์วิ่งหนีไปยังพุ่มไม้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาของเขาจะทำได้ อารยาเหวี่ยงไม้ใส่เจ้าชายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จอฟฟรี่รับมันไว้ได้ด้วยเขี้ยวราชสีห์แล้วปัดท่อนไม้นั้นกระเด็นไปจากมืออารยา หลังหัวของจอฟฟรี่โชกไปด้วยเลือดและดวงตาของเขากำลังลุกเป็นไฟ ซานซาตะโกนสุดเสียง “ไม่ ไม่นะ หยุด หยุด ทั้งสองคน เจ้าทำมันพังหมดแล้ว” แต่ไม่มีใครฟัง อารยาช้อนเอาก้อนหินแล้วเหวี่ยงมันเข้าใส่หัวของจอฟฟรี่ แต่ไปโดนม้าของเขาแทน ม้าสีแดงเลือดนั้นชูขาหน้าขึ้นร้องแล้ววิ่งหนีตามไมคาห์ไป “หยุดนะ อย่า หยุดนะ” ซานซากรีดร้อง จอฟฟรี่ฟันดาบเข้าใส่อารยาพลางร้องด่าคำหยาบคาย คำต่ำช้า ถึงตอนนี้อารยาเริ่มกลัวและพุ่งตัวหนีถอยหลัง แต่จอฟฟรี่ตามติดและต้อนเธอไปจนหลังของเธอชนกับต้นไม้ ซานซาไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอมองอย่างหมดหนทาง น้ำตาบดบังจนแทบจะมองไม่เห็น

    แล้วเงาสีเทาก็พุ่งผ่านเธอไป ทันใดนั้นไนมีเรียก็อยู่ตรงนั้น กำลังพุ่งตัว ขากรรไกรของนางปิดลงรอบแขนของจอฟฟรี่ที่ถือดาบอยู่ เหล็กกล้าชิ้นนั้นร่วงลงจากนิ้วมือของจอฟฟรี่ สุนัขป่ากระแทกจอฟฟรี่ล้มลงแล้วกลิ้งกับพื้นไปด้วยกัน สุนัขป่าส่งเสียงขู่คำรามและขย้ำแขนไปด้วย เจ้าชายร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด “เอามันออกไป” เขากรีดร้อง “เอามันออกไป!

    เสียงของอารยาฟาดออกราวกับแส้ “ไนมีเรีย!

    สุนัขป่าโลกันตร์ปล่อยแขนของจอฟฟรี่ออกแล้ววิ่งไปข้างกายอารยา เจ้าชายล้มอยู่กับพื้นส่งเสียงครวญครางกอดแขนที่บาดเจ็บเอาไว้ เสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเลือด อารยาบอกกับเขา “นางไม่ได้ทำร้ายเจ้า . . . มากสักเท่าไหร่หรอก” เธอหยิบเขี้ยวราชสีห์ขึ้นแล้วยืนถือดาบอยู่เหนือจอฟฟรี่ด้วยสองมือ

    จอฟฟรี่ส่งเสียงครวญครางอย่างหวาดกลัวเมื่อแหงนหน้าขึ้นมองอารยา “ไม่” เขาบอก “อย่าทำร้ายข้า ข้าจะฟ้องท่านแม่”

    18-sansa.jpg

    เธออย่ายุ่งกับเขานะ! ” ซานซากรีดร้องใส่น้องสาว

    อารยาใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดของเธอเหวี่ยงและขว้างดาบลอยไปในอากาศ เหล็กกล้าส่งประกายสีฟ้ารับกับแสงอาทิตย์แล้วลอยไปเหนือน้ำ แล้วหายไปกับน้ำที่แตกกระเซ็น จอฟฟรี่ส่งเสียงคราง อารยาวิ่งไปที่ม้าของเธอโดยมีไนมีเรียวิ่งอยู่ข้างๆ

    เมื่อพวกอารยาจากไปแล้ว ซานซาเข้าไปหาเจ้าชายจอฟฟรี่ เขาหลับตาด้วยความเจ็บปวดหายใจขาดช่วง ซานซาคุกเข่าลงข้างๆ “จอฟฟรี่” เธอสะอื้น “โอ ดูสิพวกนั้นทำอะไร ดูสิพวกนั้นทำอะไร เจ้าชายที่น่าสงสารของข้า อย่ากลัวเลย ข้าจะรีบควบม้าไปที่บ้านใกล้ๆ แล้วนำคนมาช่วยท่าน” เธอเอื้อมมือออกไปลูบผมบลอนด์หลังหัวของเขาอย่างนุ่มนวล

    จอฟฟรี่ลืมตาอย่างรวดเร็วแล้วมองดูซานซา ในแววตาไม่มีอะไรเลยนอกจากความชิงชัง “งั้นก็ไปซะสิ” เขาตะคอก “และอย่ามาแตะตัวข้า

    . . .
    . . .
    ben_mcelderry และ Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  22. หลังจากนั้นก็เข้าบทของเอดดาร์ดครับ เอดดาร์ดมาที่จวนของพระราชาเพราะได้ยินว่าอารยาถูกพาตัวไปที่นั่น รายละเอียดไม่ต่างกับซีรีย์นัก ยกเว้น

    - เรนลีอยู่ในจวนด้วย โรเบิร์ตให้อารยาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่ออารยาเล่าถึงตรงที่โยนดาบลงแม่น้ำ เรนลีเกิดกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ โรเบิร์ตจึงสั่งเซอร์เซลมีให้ช่วยพาเรนลีกลับที่พักไปก่อน เรนลีเข้าใจ “ท่านพี่ใจดีเกินไป ข้ากลับเองคนเดียวได้” แล้วออกจากจวนไป

    - เอดดาร์ดไม่ได้ฆ่าเลดี้ด้วยมีดนะครับ แต่เขาใช้ดาบไอซ์ ดาบเล่มใหญ่เล่มเดียวกับที่ประหารนักโทษตอนแรกสุด และส่งศพของเลดี้กลับไปฝังที่วินเทอร์เฟล

    19-eddard.jpg
    Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  23. แปลเต็ม ความฝันของแบรนครับ

    . . .

    แบรน

    มันเหมือนเขาร่วงลงมาเป็นเวลานานมาก ร่วงลงมาเป็นเวลาแรมปี

    บินสิ เสียงกระซิบแว่วมาหาเขาท่ามกลางความมืด แต่แบรนไม่รู้วิธีบิน เขาจึงทำได้แต่ร่วง

    เมสเตอร์ลูวินเคยปั้นตุ๊กดาดินรูปเด็กผู้ชายแล้วสวมเสื้อผ้าของแบรนให้มัน เผาจนแข็งแล้วโยนมันลงจากหลังคา แบรนจำได้ว่าตุ๊กตานั้นกระแทกพื้นแตกเป็นชิ้นๆ อย่างไร “แต่ข้าไม่เคยร่วง” เขาพูดพลางร่วงลงไป

    พื้นดินอยู่ไกลออกไปเบื้องล่าง เขาบอกเห็นเพียงลิบๆ ผ่านหมอกสีเทาที่วนอยู่รอบตัว แต่เขารู้สึกถึงความเร็วที่เขากำลังร่วงได้อย่างชัดเจน และรู้ดีว่ามีอะไรรอเขาอยู่ข้างล่างนั่น แม้จะเป็นในฝันแต่การร่วงหล่นก็ต้องมีวันสิ้นสุด เขาคงจะตื่นขึ้นในพริบตาก่อนกระแทกพื้น ใครใครก็ตื่นก่อนกระแทกพื้นทั้งนั้น

    แล้วถ้าเจ้าไม่ตื่นล่ะ? เสียงนั้นถาม

    พื้นดินใกล้ขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้จะยังไกลถึงพันไมล์ แต่ก็ใกล้ขึ้นกว่าเดิม ท่ามกลางความมืดมันช่างหนาวเหลือเกิน มันไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงดาว มีเพียงพื้นดินที่กำลังพุ่งเข้าใส่เขา หมอกสีเทา และเสียงกระซิบนั้นเท่านั้น เขาอยากร้องให้

    ไม่ใช่ร้องให้ บิน

    “ข้าบินไม่ได้” แบรนบอก “ข้าทำไม่ได้ ข้าทำไม่ได้”

    รู้ได้ยังไง? เคยลองหรือยัง? เคยพยายามหรือยัง?

    เสียงนั้นแหลมสูงและแผ่วเบา แบรนมองไปรอบๆ เพื่อหาต้นเสียง อีกาตัวหนึ่งกำลังร่อนลงเป็นวง มันอยู่ไกลเพียงพ้นช่วงแขนเขาเท่านั้น มันกำลังตามเขาอยู่ “ช่วยข้าด้วย”

    ข้ากำลังพยายาม อีกาตอบ ว่าไง มีข้าวโพดไหม?

    แบรนล้วงมือลงในกระเป๋า ความมืดที่หมุนอยู่รอบตัวทำให้เขาเวียนหัว เขาดึงมือออกมา เมล็ดแขงสีทองลอยออกจากมือแล้วร่วงลงไปด้วยกันกับเขา

    อีกามาเกาะที่มือแล้วเริ่มจิกกิน

    “เจ้าเป็นอีกาจริงๆ หรือ?” แบรนถาม

    เจ้ากำลังร่วงจริงๆ หรือ? อีกาถามกลับ

    “มันแค่ความฝัน” แบรนตอบ

    จริงหรือ? อีกาถามอีก

    “ข้าจะตื่นเมื่อกระแทกพื้น” แบรนบอกกับนกตัวนั้น

    เจ้าจะตายเมื่อกระแทกพื้น อีกาบอกเขาแล้วหันกลับไปกินข้าวโพด

    20-bran.jpg

    แบรนมองลงข้างล่าง เขามองเห็นภูเขาแล้ว ยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ แม่น้ำส่องประกายสีเงินท่ามกลางป่าที่มืดมิด เขาหลับตาลงและเริ่มร้องให้

    นั่นไม่ช่วยอะไรหรอก อีกาบอก ข้าบอกแล้วไง คำตอบคือการบิน ไม่ใช่การร้องให้ มันจะยากสักแค่ไหนกัน? นี่ไง ข้าก็กำลังทำอยู่ อีกากระพือปีกบินไปรอบมือแบรน

    “ก็เจ้ามีปีกนี่” แบรนชี้

    บางทีเจ้าก็อาจจะมีเหมือนกัน

    แบรนพยายามสัมผัสไหล่เพื่อหาขนนก

    เป็นปีกคนละแบบกัน อีกาบอก

    แบรนจ้องแขนและขาของตัวเอง มันช่างผอมเหลือเกิน มีเพียงหนังหุ้มกระดูก เขาผอมขนาดนี้เชียวหรือ? เขาพยายามนึก พยายามจำ ใบหน้าหนึ่งปรากฏออกมากลางหมอก ใบหน้าที่เรืองรองไปด้วยสีทอง “สิ่งที่ข้าทำเพื่อรัก” มันพูด

    แบรนแผดร้องสุดเสียง

    อีกาออกบินพลางส่งเสียงร้อง ไม่ใช่ไอ้นี่ มันร้องใส่เขา ลืมมันซะ มันไม่จำเป็นสำหรับเจ้าในเวลานี้ วางมันไว้ข้างๆ เก็บมันเข้ากรุไป มันเกาะลงที่ไหล่ของแบรนแล้วเริ่มจิกเขา แล้วใบหน้าที่เรืองรองสีทองก็อันตรธานหายไป

    แบรนกำลังร่วงหล่นลงอย่างเร็วมาก หมอกสีเทาหมุนพลุ่งพล่านอยู่รอบตัวในขณะที่พื้นดินกำลังวิ่งเต็มที่เข้าหาเขา “เจ้ากำลังทำอะไรข้า?” เขาถามอีกาด้วยใบหน้านองน้ำตา

    กำลังสอนเจ้าบิน

    “ข้าบินไม่ได้!”

    ตอนนี้เจ้าก็กำลังบินอยู่

    “ข้ากำลังร่วงอยู่!”

    ลูกนกฝึกบิน เริ่มด้วยการร่วงจากรัง

    “ข้ากลัว . . .”

    มองลงข้างล่าง!

    แบรนมองลงไป เขารู้สึกเหมือนตับไตไส้พุงละลายเป็นน้ำ พื้นดินกำลังพุ่งขึ้นมาหาเขา โลกทั้งใบแผ่ออกอยู่เบื้องล่าง มันเหมือนผืนผ้าใบที่มีสีขาว เขียว และน้ำตาล เขามองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนมากจนลืมความกลัวไปชั่วขณะ เขาเห็นผืนทวีปทั้งผืนและผู้คนทุกคนที่อาศัยอยู่

    เขาเห็นวินเทอร์เฟลแบบเดียวกับที่นกเหยี่ยวมองเห็น กลุ่มหอคอยตัวป้อมนั่งกระจุกกัน กำแพงปราสาทเป็นเพียงเส้นเล็กๆ เขาเห็นเมสเตอร์ลูวินอยู่บนระเบียงกำลังศึกษาท้องฟ้า เมสเตอร์ถอนใจพลางจดบันทึกลงในสมุด เขาเห็นร็อบพี่ชายดูตัวสูงและแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังฝึกดาบอยู่ในลานด้วยเหล็กกล้าของจริง เขาเห็นโฮดอร์กำลังแบกทั่งตีเหล็กไปยังเตาหลอมของมิคเคนอย่างง่ายดายราวแบกฟาง ที่ใจกลางป่าศักดิ์สิทธิ์ ต้นแวร์วูดสีขาวกำลังโค้งตัวลงมองเงาสะท้อนของมันเองในแอ่งน้ำสีดำ เมื่อมันรู้สึกถึงสายตาของแบรนมันก็ชายสายตากลับมามองราวกับมันเข้าใจทุกอย่าง

    แบรนมองไปทางตะวันออก เห็นเรือลำหนึ่งกำลังล่องไปตามแม่น้ำไบท์ เขาเห็นท่านแม่นั่งอยู่เพียงลำพังในห้องโดยสารกำลังมองมีดเปื้อนเลือดที่วางอยู่บนโต๊ะ มือพายเรือกำลังพายอย่างเต็มที่ เซอร์รอดดริกยืนพิงพนักเรือตัวสั่นหายใจหอบ ข้างหน้าเรือนั้นพายุกำลังก่อตัว กลุ่มเมฆดำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยฟ้าผ่า แต่เหมือนพวกท่านแม่จะมองไม่เห็น

    เขามองลงใต้ เห็นสายน้ำเชี่ยวสีฟ้าเขียวของหอกสามง่าม เขาเห็นท่านพ่อกำลังวิงวอนพระราชาด้วยสีหน้าที่แสนเศร้าสร้อย เขาเห็นซานซาร้องไห้จนหลับไป เห็นอารยานั่งนิ่งเงียบเหมือนมีความในใจอะไรเก็บงำไว้ข้างใน เงาดำทะมึนบางอย่างกำลังรายล้อมพวกเขาทุกคน เงาหนึ่งดำมืดเป็นพิเศษ มันเป็นเงาที่อยู่รอบใบหน้าของสุนัขล่าเนื้อ และอีกเงาหนึ่งอยู่รอบอัศวินเกราะทองคำที่สวยงามเรืองรองราวกับดวงอาทิตย์ เหนือคนเหล่านั้นทั้งหมดยังมีเกราะยักษ์อยู่ เกราะนี้ทำจากหิน และเมื่อมันเปิดหน้ากาก แบรนเห็นข้างในนั้นมีเพียงความมืดมิดและเลือดเข้มข้นสีดำ

    เขามองไกลออกไปและเห็นอีกทวีปหนึ่งอย่างชัดเจน เห็นเมืองอิสระ ทะเลโดธราคี เมืองวาซโดธราค ดินแดนทะเลหยกที่เขาเคยได้ยินแต่ในนิทาน เขามองเห็นไปถึงอาชชาย ดินแดนที่เคยเต็มไปด้วยมังกร

    แล้วสุดท้ายเขาก็มองขึ้นเหนือ เขาเห็นกำแพงใหญ่เรืองรองเหมือนคริสตัลสีฟ้า และพี่ชายนอกคอกของเขา จอน กำลังนอนอยู่คนเดียวบนเตียงที่หนาวเย็น ผิวของเขาขาวซีดและแข็งกร้าว ความทรงจำเกี่ยวกับความอบอุ่นเริ่มเลอะเลือนไปจากเขา แบรนมองผ่านกำแพงออกไป ผ่านป่าใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะ ผ่านชายฝั่งทะเลที่หนาวเย็น ผ่านแม่น้ำที่แข็งเป็นน้ำแข็งสีฟ้าขาว ผ่านที่ราบที่หนาวเกินกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดใด เขามองเหนือขึ้นไป เหนือขึ้นไป เขาเห็นแสงสาดส่องราวกับผ้าม่านอยู่ที่สุดขอบโลก แบรนมองผ่านม่านแสงนั้น ลึกเข้าไปยังหัวใจของฤดูหนาว แล้วเขาก็ต้องอุทานออกมาด้วยความกลัว และความร้อนของน้ำตาถึงกับแผดเผาแก้ม

    คราวนี้เจ้ารู้แล้วสินะ อีกานั่งอยู่บนไหล่และกระซิบให้เขา เจ้ารู้แล้วสินะว่าทำไมเจ้าต้องมีชีวิตอยู่

    “ทำไม?” แบรนไม่เข้าใจเลย เขายังคงร่วงลงไป ร่วงลงไป

    เพราะฤดูหนาวกำลังมา

    แบรนมองอีกาที่อยู่บนไหล่ อีกามองตอบ มันมีดวงตาสามดวง ตาที่สามดูเต็มไปด้วยความรู้และน่าสะพรึงกลัว แบรนมองลงข้างล่าง มันไม่มีอะไรอยู่ข้างล่างอีกแล้วนอกจากหิมะและความตาย มันเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสาน้ำแข็งแหลมคมกำลังรอต้อนรับเขาอยู่ เสาน้ำแข็งเหล่านั้นเริ่มบินขึ้นใส่เขาราวกับหอก เขาเห็นกระดูกของผู้ท่องความฝันก่อนหน้าเขานับพันคนปักติดอยู่กับปลายหอกเหล่านั้น แบรนรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังถึงขีดสุด

    “คนเราจะกล้าหาญได้ไหม ถ้าเขากลัว?” แบรนได้ยินเสียงตัวเขาเอง เสียงนั้นเบาและอยู่ไกลแสนไกล และเขาได้ยินเสียงตอบของท่านพ่อ “นั่นเป็นเวลาเดียวที่คนเราจะกล้าหาญได้”

    ถึงเวลาแล้ว แบรน อีกาย้ำ เลือกซะ บิน หรือตาย

    ความตายเริ่มเอื้อมมือหาเขาพร้องส่งเสียงแผดร้อง

    แบรนกางแขนออก แล้วทันใดนั้น เขาก็บิน

    ปีกที่มองไม่เห็นรับสายลมอย่างเต็มที่ มันดึงร่างแบรนลอยขึ้นเบื้องบน หอกน้ำแข็งถอยห่างออกไปข้างล่าง และฟ้าเบื้องบนก็เปิดออก แบรนพุ่งทะยานขึ้น มันรู้สึกดียิ่งกว่าการปีนเสียอีก มันดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด โลกทั้งใบเริ่มหดเล็กลงอยู่ข้างใต้

    “ข้ากำลังบิน!”

    ข้าเห็นแล้ว อีกาสามตาบอกเขา มันออกบินแล้วกระพือปีกอยู่ตรงใบหน้าของแบรน ทำให้แบรนบินช้าลง ทำให้แบรนมองไม่เห็น เขาเริ่มสะดุดอยู่กลางอากาศเมื่อปีกของอีกาตีใส่แก้ม จงอยปากของมันกำลังกระแทกเขาอย่างดุร้าย แบรนรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันทีที่กลางหน้าผากระหว่างดวงตา

    “เจ้าทำอะไรน่ะ?” เขาร้อง

    อีกาอ้าปากแล้วร้องเสียงดังใส่เขา เสียงร้องโหยหวนที่เล็กแหลมและเต็มไปด้วยความกลัว หมอกขาวที่วนเวียนอยู่รอบตัวแบรนเริ่มกระจายแล้วแหวกออกเหมือนผ้าม่าน แล้วเขาก็เห็นว่าอีกานั้นจริงๆ แล้วเป็นผู้หญิง เป็นหญิงรับใช้ที่มีผมดำยาว และเขาน่าจะรู้จักนางจากที่ไหนสักแห่ง จากวินเทอร์เฟล ใช่ จากวินเทอร์เฟล เขาจำนางได้แล้ว และเขาก็รู้สึกตัวว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในวินเทอร์เฟล บนหอคอยสูงสักแห่ง ตรงนั้นอากาศหนาวมาก หญิงรับใช้ผมดำคนนั้นทำถังน้ำร่วงลงกับพื้นแล้ววิ่งลงบันไดไปพลางร้องตะโกน “เขาตื่นแล้ว เขาตื่นแล้ว เขาตื่นแล้ว”

    แบรนแตะหน้าผากระหว่างดวงตา ตรงที่อีกาจิกยังคงร้อนระอุ แต่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น ไม่มีเลือด ไม่มีแผล เขารู้สึกอ่อนแอและวิงเวียน แบรนพยายามจะลุกจากเตียง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    อะไรบางอย่างขยับอยู่ข้างเตียงแล้วขึ้นมายืนเบาๆ อยู่บนขาของเขา เขาไม่รู้สึกอะไรเลย ดวงตาสีเหลืองคู่หนึ่งกำลังมองตาเขา มันเรืองรองราวกับดวงอาทิตย์ หน้าต่างห้องเปิดอยู่ มันหนาวมาก แต่ความอบอุ่นจากตัวสุนัขป่าห่อหุ้มตัวเขาไว้ราวกับอ่างอาบน้ำอุ่น ลูกสุนัขของเขา แบรนเริ่มนึกออก . . . ใช่หรือเปล่า? ทำไมมันตัวใหญ่เหลือเกิน เขาเอื้อมมือออกไปตบหัวมัน มือของเขาสั่นระริกราวกับใบไม้

    แล้วร็อบก็โผล่พรวดเข้ามาในห้อง เขาหอบหายใจจากการวิ่งขึ้นบันไดหอคอย สุนัขป่าโลกันตร์กำลังเลียใบหน้าของแบรน แบรนหันขึ้นมองพี่ชายช้าๆ “ชื่อของมัน คือซัมเมอร์”

    . . .
    ben_mcelderry, อีกแล้ว, Kurodo และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  24. Bixx

    Bixx นักดาบฝึกหัด

    ขอบคุณ คุณสุนัขป่าโลกันต์มาก นะครับ
  25. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    ไม่ได้เข้านาน ยุ่งกะเรื่องเรียนมาก
    พอดีกับไม่มีเมล์เตือนด้วย เด๋วจะค่อยๆ ทยอยอ่านต้อนรับปีใหม่

Share This Page