SS 3 อาหารค่ำของเจมีกับรูส บอลตัน

กระทู้จากหมวด "พูดคุย Game of Thrones" โพสต์โดย สุนัขป่าโลกันตร์, 9 พฤษภาคม 2013.

  1. ผมว่าบอกใบ้อะไรเยอะกว่าในซีรีส์เยอะครับ

    bolton.jpg

    สีนัยน์ตาของรูส บอลตันอ่อนกว่าก้อนหิน เข้มกว่าน้ำนม เสียงของเขานุ่มนวลแต่น่ากลัว “ข้ารู้สึกโล่งใจที่เจ้าแข็งแรงพอจะมาร่วมทานอาหารด้วยกันได้ ท่านเซอร์ แม่นางก็เชิญนั่งเถอะ” เขาผายมือไปยังเนยแข็ง ขนมปัง เนื้อเย็น และผลไม้ที่วางอยู่เต็มโต๊ะ “จะดื่มแดงหรือขาวดีล่ะ? เกรงว่ามันยังหมักไม่ได้ที่นัก ห้องเก็บเหล้าของเลดี้เวนท์ถูกเซอร์เอเมอรีเอาไปดื่มจนเกือบหมดแล้ว”

    “ข้ามั่นใจว่าท่านลงโทษประหารมันแล้วเป็นแน่” เจมีรีบทรุดกายลงบนเก้าอี้ที่มีคนเสนอให้ เพื่อไม่ให้บอลตันดูออกว่าเขาอ่อนแอเพียงไหน “สีขาวน่ะมันสำหรับสตาร์ค ข้าจะดื่มสีแดงตามแบบแลนนิสเตอร์ที่ดี”

    “ข้าขอน้ำเปล่า” บริแอนน์กล่าว

    “เอลมาร์ เหล้าองุ่นแดงสำหรับเซอร์เจมี น้ำเปล่าสำหรับเลดี้บริแอนน์ และเหล้าองุ่นสมุนไพรให้ข้า” บอลตันโบกมือไล่ผู้ติดตาม พวกเขารีบเร่งจากไปอย่างเงียบๆ

    ความเคยชินส่งผลให้เจมีเอื้อมหยิบเหล้าองุ่นด้วยมือขวา ตอแขนของเขากระแทกจอกจนแกว่ง เหล้าองุ่นกระฉอกเปรอะผ้าพันแผลเป็นจุดสีแดงสด เจมีจำต้องรีบคว้าจอกไว้ด้วยมือซ้ายก่อนมันล้ม ทว่าบอลตันแสร้งทำเป็นไม่เห็นความซุ่มซ่ามของเขา ชาวเหนือเสิร์ฟลูกพรุนให้ตัวเองแล้วแทะเร็วๆ คำหนึ่ง “ลองชิมดูสิเซอร์เจมี หวานมากเลยนะ ช่วยถ่ายท้องด้วย ลอร์ดวาร์โกเอามันมาจากโรงแรมก่อนเผา”

    “ข้าถ่ายคล่องดีอยู่แล้ว ไอ้แพะนั่นมันไม่ใช่ลอร์ด แถมข้าสนใจเป้าหมายของท่านมากกว่าลูกพรุนเป็นเท่าตัว”

    “เป้าหมายเกี่ยวกับเจ้าน่ะรึ?” รอยยิ้มเผยขึ้นตรงมุมปากของรูส บอลตันแวบหนึ่ง “เจ้ามันเป็นของขวัญที่อันตรายนัก ท่านเซอร์ ไปไหนก็หว่านเมล็ดความบาดหมางไปทั่ว ไม่เว้นกระทั่งที่แห่งนี้ ในปราสาทฮาร์เรนฮอลอันแสนสุขของข้า”

    “รู้ไหมว่าเอ็ดมัวร์ ทัลลีเสนอรางวัลถึงหนึ่งพันมังกรทองถ้าจับตัวเจ้ากลับไป?”

    แค่นั้นเอง? “พี่สาวข้าจะจ่ายมากกว่านั้นอีกเป็นสิบเท่า”

    “งั้นหรือ?” รอยยิ้มนั่นอีกแล้ว ปรากฏเพียงพริบตาแล้วหายไปอย่างรวดเร็วพอกัน “หนึ่งหมื่นมังกรเป็นจำนวนที่มากโขอยู่ แต่ยังมีข้อเสนอของลอร์ดคาร์สตาร์คให้ขบคิดด้วย เขาสัญญาจะยกลูกสาวให้คนที่เอาหัวเจ้ากลับไปได้”

    “ปล่อยเจ้าแพะนั่นเอาใจหมอนั่นไปละกัน” เจมีพูด

    บอลตันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “รู้ใช่ไหมว่าแฮริออน คาร์สตาร์คเป็นนักโทษอยู่ในปราสาทหลังนี้ตอนพวกข้ายึดมันมาได้? ข้ายกทหารของข้าทั้งหมดที่มาจากคาร์โฮลด์ให้เขา แล้วส่งเขากลับไปกับโกลเวอร์ หวังจริงๆ ว่าเขาจะไม่ประสบเคราะห์กรรมอะไรเข้าที่เมืองดัสเคนเดล... มิเช่นนั้น อาลิส คาร์สตาร์คก็จะกลายเป็นทายาทเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ของลอร์ดริคาร์ด” เขาเลือกลูกพรุนอีกผล “ถือเป็นโชคดีของเจ้านะที่ข้ามีภรรยาแล้ว ข้าแต่งงานกับเลดี้วัลดา เฟรย์ ระหว่างอยู่หอคอยคู่”

    “วัลดาแสนสวยน่ะรึ?” เจมีพยายามใช้ตอแขนกดขนมปังไว้ขณะฉีกมันด้วยมือซ้ายด้วยท่าทางเงอะงะ

    “นังอ้วนวัลดา ท่านลอร์ดเฟรย์เสนอสินสอดเป็นเหรียญเงินน้ำหนักเท่าเจ้าสาว ข้าก็เลยเลือกตามนั้น”

    “ลอร์ดวาร์โกได้สร้าง... ปัญหาหนักใจให้ข้าเล็กน้อย” เขาชายตาสีอ่อนมายังเจมี “รู้ไหม ทำไมโฮตจึงตัดมือเจ้า?”

    “ก็เขาชอบตัดมือนี่” ผ้าลินินที่พันตอแขนของเจมีเปื้อนทั้งเลือดและเหล้าองุ่นเป็นจ้ำๆ “หมอนั่นชอบตัดเท้าด้วยนะ ท่าทางจะไม่ต้องมีเหตุผลอะไร”

    “อย่างไรก็ตามเขาก็มีเหตุผล เห็นอย่างนั้นแต่โฮตน่ะไหวพริบดีนะ ไม่มีใครบัญชากองทัพอย่างพันธมิตรผู้กล้าได้นานขนาดนั้นหรอกถ้าไม่มีสมองเสียบ้าง” บอลตันใช้ปลายกริชปักเนื้อชื้นหนึ่งใส่ปาก เคี้ยวจนละเอียด แล้วกลืนลงไป “ลอร์ดวาร์โกละทิ้งตระกูลแลนนิสเตอร์เพราะข้าเสนอจะยกฮาร์เรนฮอลให้ มันสูงค่ากว่ารางวัลใดๆ ที่จะหวังจากลอร์ดไทวินได้เป็นพันเท่า ในฐานะคนต่างแดน เขาไม่รู้หรอกว่ารางวัลนี้มันเต็มไปด้วยพิษร้าย”

    “คำสาปของฮาร์เรนใจทมิฬงั้นหรือ?” เจมีล้อเลียน

    “คำสาปของไทวิน แลนนิสเตอร์” บอลตันยื่นจอกออก เอลมาร์เติมให้อย่างเงียบๆ “แพะของเราน่าจะปรึกษาทาร์เบ็คส์ไม่ก็เรยน์เสียหน่อย เผื่อพวกนั้นจะช่วยเตือนว่าบิดาเจ้าลงโทษคนทรยศอย่างไร”

    “ตระกูลทาร์เบ็คส์กับตระกูลเรยน์ไม่มีเหลือแล้ว” เจมีพูด

    “นั่นแหละประเด็น ลอร์ดวาร์โกต้องฝากความหวังไว้กับสแตนนิสอย่างแน่นอนว่าหมอนั่นจะเป็นฝ่ายมีชัยที่คิงส์แลนดิง จากนั้นก็จะมอบปราสาทหลังนี้ให้เขาเป็นรางวัลที่มีส่วนล้มล้างตระกูลแลนนิสเตอร์” เขาหัวเราะในลำคอ “เกรงว่าเขาก็ไม่ได้รู้จักสแตนนิสสักเท่าไหร่เหมือนกัน จริงอยู่ว่าสแตนนิสอาจมอบฮาร์เรนฮอลเป็นรางวัลสำหรับผลงานของเขาจริง... แต่ก็คงจับเขาแขวนคอสำหรับความผิดที่เขาก่อด้วยเช่นกัน”

    “แขวนคอก็ยังเมตตากว่าสิ่งที่พ่อข้าจะทำอยู่ดี”

    “ตอนนี้เขาก็ตระหนักแล้วเช่นกัน เมื่อสแตนนิสแตกพ่ายและเรนลีตายไปแล้ว ทางเดียวที่เขาจะหนีพ้นความอาฆาตของลอร์ดไทวินได้ คือสตาร์คต้องได้รับชัยชนะเท่านั้น แต่โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก”

    “คาร์โฮลด์ทั้งเล็กและกันดารกว่าฮาร์เรนฮอล แต่มันตั้งอยู่ไกลพ้นเขี้ยวเล็บของราชสีห์ ทันทีที่แต่งกับอาลิส คาร์สตาร์ค โฮตก็จะก้าวขึ้นเป็นขุนนางจริงๆ การรับเงินรางวัลจากพ่อเจ้ามันก็ไม่เลวหรอก แต่ไม่ว่าลอร์ดไทวินจะเสนอราคางามแค่ไหนเขาก็ต้องดั้นด้นเอาเจ้าไปส่งให้ลอร์ดริคาร์ดจนได้ เพราะรางวัลที่จะได้รับ คือสาวพรหมจรรย์ และสถานที่สำหรับลี้ภัย”

    “แต่จะเอาเจ้าไปขายได้ เขาก็ต้องรักษาเจ้าไว้ให้ได้เสียก่อน แคว้นลุ่มน้ำน่ะเต็มไปด้วยผู้คนที่พร้อมจะชิงตัวเจ้า โกลเวอร์กับทอลฮาร์ตแตกพ่ายที่ดัสเคนเดลแต่ทหารของพวกเขายังคงอยู่ที่นั่นโดยมีนักรบภูผาคอยไล่สังหารคนที่แตกหนี ทางใต้กับทางตะวันออกของแคว้นลุ่มน้ำก็มีทหารของคาร์สตาร์คเป็นพันๆ ออกเที่ยวค้นหาตัวเจ้าอยู่ นอกจากนั้นก็ยังมีทหารของดาร์รีที่กลายเป็นอาชญากรไร้นาย ฝูงหมาป่าสี่ขา กับกองโจรของลอร์ดแห่งแสง ดอนแดร์เรียนคงรีบเอาเจ้าไปแขวนคอใต้ต้นไม้ต้นเดียวกับเจ้าแพะแทบไม่ทัน”

    “การตัดแขนเจ้า เขาตั้งใจให้เจ้าใช้ดาบไม่ได้เพื่อความปลอดภัยด้วย เพื่อจะได้มีของขวัญไว้ส่งไปให้พ่อเจ้าด้วย และเพื่อให้เจ้าหมดค่าสำหรับข้าด้วย เพราะเขาเป็นคนของข้า เช่นเดียวกับที่ข้าเป็นคนของพระราชาร็อบบ์ ดังนั้นความผิดของเขาก็เป็นความผิดของข้าด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็ในสายตาของพ่อเจ้า และนั่นแหละ... ปัญหาหนักใจของข้า” เขาจ้องเจมีด้วยดวงตาสีซีดโดยไม่กระพริบตา มันเป็นแววตาที่คาดหวังและเย็นยะเยียบ

    เจมีหยิบมีดตัดเนยแข็งด้วยมือที่ไม่บาดเจ็บ “ปลายมน แถมไม่คม” เขาพูดพลางถูนิ้วหัวแม่มือบนคมมีด “แต่ก็แทงทะลุตาท่านได้ไม่ต่างกับเล่มคมๆ” คิ้วของเขามีเม็ดเหงื่อ เขาได้แต่หวังว่าจะซ่อนความอ่อนแรงเอาไว้ได้

    รอยยิ้มรอยนั้นของลอร์ดบอลตันปรากฏบนริมฝีปากของเขาอีกครั้ง “ปากกล้าดีนะ ทั้งที่จะฉีกขนมปังก็ยังต้องมีคนช่วย ขอเตือนความจำหน่อยว่าข้ามีองครักษ์อยู่เต็มไปหมด”

    “เต็มไปหมดเลย แถมอยู่ห่างเป็นครึ่งลีก” เจมีชำเลืองมองความยาวของห้องโถง “กว่าจะมาถึง เจ้าก็ตายพอๆ แอริสไปแล้ว”

    “ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ ข่มขู่เจ้าของบ้านบนโต๊ะอาหารเยี่ยงนี้” ลอร์ดแห่งปราสาททมิฬดุเขา “ในแคว้นเหนือ พวกเรายังคงถือกฏของผู้มาเยือนเป็นกฏศักดิ์สิทธิ์”

    “ข้ามันนักโทษ มิใช่ผู้มาเยือน แพะของท่านตัดมือข้า ถ้าคิดว่าลูกพรุนไม่กี่ลูกจะทำให้ข้ามองข้ามเรื่องนั้นไปได้ เจ้ามันคิดผิดอย่างมหันต์”

    นั่นทำให้รูส บอลตันถึงกับงง “นั่นสิ ถ้าเช่นนั้นข้าส่งเจ้าไปให้เอ็ดมัวร์ ทัลลีเป็นของขวัญแต่งงานน่าจะดีกว่ากระมัง... ไม่ก็ตัดหัวเจ้าเสีย เหมือนที่พี่สาวเจ้าตัดหัวเอ็ดดาร์ด สตาร์ค”

    “ไม่แนะนำเลย ปราการหินคาสเทอร์ลีน่ะความจำดีนะ”

    “ระหว่างกำแพงเมืองของข้ากับปราการหินของเจ้า มีทั้งภูเขา ทะเล และโคลนบึงขวางไว้เป็นระยะหลายพันลีก ความอาฆาตของแลนนิสเตอร์แทบไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับตระกูลบอลตัน”

    ‰“แต่ความเป็นมิตรของแลนนิสเตอร์อาจมีความหมายมากกว่านั้น” ถึงตอนนี้ เจมีคิดว่าเขารู้แล้ว ว่าพวกเขากำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่ แต่ยัยสาวใช้จะรู้รึเปล่า? เขาสงสัยแต่ไม่กล้ามอง
    Źéńőń, handofdragon, KORNE และอีก 5 คน ถูกใจข้อความนี้
  2. พอดีเพิ่งย้ายออกมา ขอแอบดันนิดนึงครับ :)
  3. wongsatron

    wongsatron อัศวินไร้นาย

    ขอบคุนครับ อยากอ่านแปลเล่ม 3 ที่สุดแล้ว
  4. l.tiger

    l.tiger อัศวินไร้นาย

    ขอบคุณจ้า ^^

    ในหนังสือ ความปากดี และ อาการเกรียนอยากจะทำร้ายของเจมีดูชัดเจนมากกว่าในซีรีย์นะคะ

    ตลกดีในซีรีย์ให้บริแอนรับบทบาทนั้นไปซะงั้น (กระจายบทสินะ)

    แต่การเจรจาต่อรองของรูส บอลตัน บนโต๊ะอาหารนี่แสดงออกมาคล้ายๆกัน แต่ในนี้มีรายละเอียดมากกว่า
    handofdragon ถูกใจข้อความนี้
  5. LordJon

    LordJon ทหารม้า

    ขอบคุณครับ
  6. Źéńőń

    Źéńőń ราชองค์รักษ์

    ขอบคุณมากๆเลย เข้าใจอะไรได้อีกเยอะเลย รู้สึกว่าในซีรี่ย์เจมี่จะดูไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากซักเท่าไหร่กับฉากนี้
  7. Fangiris

    Fangiris ราชองค์รักษ์

    ถึงรูส บอลตันจะเข้าเป็นพวกกับแลนนิสเตอร์แล้ว แต่กับเจมี่เรื่องคนของรูสตัดมือเขาทิ้งนี่เราว่ายากที่จะดองกันดีๆนะ
  8. Boylagoon

    Boylagoon ราชองค์รักษ์

    ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร... ทุกอย่างมีผลประโยชน์ร่วมเป็นที่ตั้ง หมดประโยชน์ ก็ชะตาขาด...
    Źéńőń ถูกใจข้อความนี้

Share This Page