(ไร้สาระ)ถ้ามีโอกาสจะส่งสิ่งประดิษฐ์จากโลกปัจจุบันไปให้โลกของ Westeros จะส่งอะไรไปให้

กระทู้จากหมวด "พูดคุย Game of Thrones" โพสต์โดย TheOnlyAce2, 4 พฤศจิกายน 2013.

  1. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    พลีชีพสินะครับ
  2. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    2. เข็มทิศ / Compass
    เข็มทิศอาจเป็นอุปกรณ์ที่มองเห็นความสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ไม่เท่ากับดินปืน
    แต่เอาเป็นอย่างนี้ ถ้าผมเปรียบดินปืนเป็นเรือรบ เข็มทิศก็คือสมอเรือครับ
    ดินปืนอาจเอาชัยได้ แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะสู้ที่ไหนมันจะเกิดชัยชนะได้ยังไงกัน เข็มทิศคือจอกศักดิ์สิทธิ์ของนักเดินเรือ คือเอ็กคาลิเบอร์ของผู้ล่าอาณานิคม การมีเข็มทิศไม่เพียงทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้น ยังพาเราไปสำรวจดินแดนใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครค้นพบ หรือค้นพบแล้วแต่ไม่รู้รายละเอียด (จะว่าไปเข็มทิศนี่ตรงจุดประสงค์ของลูกเรือบนยานเอนเตอร์ไฟรส์จริงๆ)

    เข็มทิศจะช่วยระบุทางที่แม่นยำ ในด้านการรบก็จะไม่หลงทางและเลือกชัยภูมิได้รวดเร็ว ในด้านการค้าสินค้าที่เสียหายจะน้อยลงเพราะไม่หลงทาง เศรษฐกิจก็จะยิ่งเฟื้อฟู และแน่นอนว่าการล่าอาณานิคมจะต้องตามมา ใครล่าได้ก่อนก็รวยก่อนมีอำนาจมากก่อน

    นอกเรื่องนิด The Golden Compass (หนังสือนะครับ ไม่ใช่หนังแสนห่วยเรื่องหมีขาวเรื่องนั้น) หรือชื่อไทยว่าธุลีปริศนาสนุกมากกกกกอ่ะ ใครไม่เคยอ่านขอให้ลอง สองเล่มแรกมันส์ขาด เล่มหลังก็สนุกอยู่แต่จะเอาไบเบิ้ลมาแทรกค่อนข้างมาก พอดีพูดถึงเข็มทิศเลยเลยมาเรื่องนี้

    3. การพิมพ์
    จำได้ลางๆ ว่ามีคนเคยพูดไว้ว่า เมื่อวันที่กูเตนเบิร์กพิมพ์ไบเบิลออกมา วันนั้นคือก้าวสำคัญของมนุษยชาติสู่ความศิวิไลซ์ในวันนี้ (เอ้ะ!! หรือเป็นผมที่พูดขึ้นมาเอง)
    การพิมพ์เป็นก้าวสำคัญของมนุษย์จริงๆ ครับ พอๆ กันสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์มาสู่ยุคประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว
    การพิมพ์ช่วยอะไรบ้าง
    1. การศึกษา ข้อนี้มันเป็นหลักเลยครับ การพิมพ์ช่วยลดต้นทุนของหนังสือ เนื่องจากหนังสือสมัยก่อนราคาแพงมากเพราะเกิดจากการเขียนโดยคน จะทำก็อปปี้ก็ต้องทำมือ กว่าจะหาหนังสัตว์มาเขึยน ลงสีวาดรูป นั่งคัดแบบตัวบรรจง เข้าเล่มอย่างหนา ราคาน่าจะพอสร้างหอคอยได้สักครึ่งหอคอยโดยใช้เวลาใกล้เคียงกันเลย (เผลอๆ หอคอยสร้างเสร็จก่อนด้วยซ้ำ) ดังนั้นถ้าพิมพ์ได้หนังสือก็แพร่หลาย คนก็สามารถได้รับการศึกษามาก มนุษย์เป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าที่สุด ดังนั้นมนุษย์ฉลาดชาติเจริญครับ
    2. การสงคราม นอกจากการเข้าห่ำหั่นกันตัวๆ แล้ว สงครามยังสามารถมาในรูปแบบอื่นได้อีก อาทิเช่น สงครามจิตวิทยา ใน GOT เล่มสอง แสตนนิสกับเซอร์ซี เล่นสงครามสาดโคลนใส่กันด้วยคำครหาในเชิงลบ ซึ่งผู้ที่จะชนะก็คือผู้ที่ผลิตคำกล่าวหาอีกฝ่ายได้มากกว่า การพิมพ์ช่วยในการกระจายข่าว ยิ่งมากยิ่งชนะ
    3. การค้าขาย/การต่างประเทศ การตกลงซื้อขายหรือข้อสัญญาอะไรก็แล้วแต่อาจส่งผลในภายหลังทั้งดีและร้าย การพิมพ์นอกจะรวดเร็วและมี copy ทั้งสองฝ่ายแล้วยังมีความแม่นยำกว่าการเขียนด้วยลายมืออีกทำให้ไม่อาจดิ้นไปจากข้อตกลงได้


    4. กระดาษ
    กระดาษถูกผลิตขึ้นโดยชาวจีน (ชาติอัจฉริยะ) และชาวอียิปต์ แต่แบบของชาวจีนเป็นที่นิยมมากกว่าและแพร่หลายสู่ยุโรปในราวศตวรรษที่ 13 อย่างที่กล่าวไปแล้วในส่วนของการทำหนังสือในเรื่องการพิมพ์ หนังสัตว์คือวัสดุที่ใช้ในการทำหนังสือ ซึ่งเป็นวัสดุที่ราคาสูง หายาก กระดาษจึงเป็นเสมือนการลดต้นทุน และผลดีทั้งหลายก็คล้ายคลึงกับที่กล่าวในการพิมพ์ครับ
    plakinmek และ Hodor is coming ถูกใจข้อความนี้
  3. Hufflepuff

    Hufflepuff ทหารม้า

    ส่งฮอลคูลไป:winter:
    gŕýffíńdőŕ และ Źéńőń ถูกใจข้อความนี้
  4. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    นึกว่าเรียกผมซะอีก :oops:

    ทั้งสี่อย่างนี้ถูกเรียกว่า The Four Great Inventions หรือ จตุรประดิษฐ์ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่พลิกโฉมอารยธรรมโบราณและวางรากฐานแก่อารยธรรมสมัยใหม่

    ถ่านไม้เป็นเชื้อเพลิง ให้คาร์บอนและเชื้อเพลิงอื่นๆในปฏิกิริยา ถ้าเปลี่ยนไปใช้ถ่านหิน ดินปืนจะลุกไหม้เร็วขึ้นจนเหมือนหัวไม้ขีดไฟ
    กำมะถันเป็นเชื้อเพลิงและช่วยลดอุณหภูมิเริ่มสันดาปของส่วนผสมทำให้อัตราการเผาไหม้เร็วขึ้น
    ดินประสิวคือออกซิไดเซอร์ ทำหน้าที่ให้ออกซิเจนระหว่างการสันดาป ทำให้ส่วนประกอบอื่นๆลุกไหม่อย่างรวดเร็ว

    แรกเริ่มเดิมทีผู้ที่ค้นพบดินปืนคือนักเล่นแร่แปรธาตุที่กำลังหาทางสร้างยาอายุวัฒนะ แต่กลับค้นพบสารที่ถูกลิขิตมาให้สังหารคนหลายล้านนับจากวันแรกที่ถูกค้นพบ คุณสมบัติของดินปืนก็คือการเผาไหม้แล้วปลดปล่อยความร้อนและแก๊สจำนวนมากจึงไม่แปลกอะไรที่ชาวจีนโบราณจะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงขับดันซึ่งใช้สร้างธนูเพลิงและปืนพ่นไฟ และหลังจากปรับปรุงสูตรแล้วก็เป็นระเบิดในเวลาต่อมา (ใครๆก็มีความสุขตอนได้ยินเสียงตูม! บรึ้ม! มันเป็นมรดกตกทอดในเผ่าพันธุ์) และต้องขอบคุณชาวมองโกลที่เป็นผู้่เผยแพร่ดินปืนไปทั่วโลก

    ไม่ใช่ของใหม่ครับ ระเบิดมือเกิดขึ้นไม่นานหลังดินปืนถูกค้นพบ หลักการก็ยังไม่เปลี่ยนคือ สังหารคนที่อยู่ในรัศมีด้วยเศษวัตถุที่แตกออกเนื่องจากแรงระเบิด
    หากผมหาได้ ผมจะเอาตัวอย่างอาวุธมาให้ชมพร้อมวิธีทำระเบิดย้อนยุค แต่ท่านมหาธีราจารย์คงจะวางแผนไว้แล้ว

    ดินปืนส่งผลกระทบต่อโลกในยุคกลางได้มากเพียงใดนั้น เราต้องนึกก่อนว่าอะไรคือรากฐานของระบอบศักดินา ซึ่งจะขอกล่าวถึงในคราวต่อไป
    plakinmek, Hodor is coming, Kurodo และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  5. TheOnlyAce2

    TheOnlyAce2 อัศวินไร้นาย


    โอ้ว ครับๆ มีประโยชน์มาก ส่วนคลิป เป็น infographic เข้าใจได้ง่ายดีครับ :)
    Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้
  6. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    ระบอบศักดินา (Feudalism)

    [​IMG]

    ระบอบศักดินามีพัฒนาการมาตั้งแต่จักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจ และปรากฏชัดเจนในปลายสมัยราชวงศ์คาโรแลงเจียน (Carolingian) ของพวกแฟรงค์ เมื่อกษัตริย์เสื่อมอำนาจลง กลุ่มผู้ปกครองก็แย่งชิงอำนาจกัน ทำให้พวกเยอรมันเผ่าอื่นรุกราน ประชาชนจึงขาดความมั่นคง
    และหันไปพึ่งขุนนางที่ปกครองท้องถิ่นของตนซึ่งมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการจัดตั้งกองทัพและออกกฎหมายของตนเอง ต่อมาจักรพรรดิชาร์ลมาญ (Charlemagne ค.ศ. 768-814) แห่งราชวงศ์คาโรแลงเจียนสิ้นพระชนม์ อาณาจักรของพวกแฟรงค์จึงถูกแบ่งแยกเป็น 3 ส่วนและมีการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างผู้ปกครองทั้งสาม ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากขุนนางที่มีอำนาจปกครองเขตต่างๆ ส่วนราษฎรที่อาศัยอยู่ในแต่ละเขตก็ต้องพึ่งพาขุนนางของตนด้วย ทำให้ขุนนางแต่ละเขตปกครองมีอำนาจมาก ส่วนกษัตริย์หรือประมุขของดินแดนต่างๆ ไม่มีอำนาจที่แท้จริง

    ระบอบศักดินาเป็นระบอบอุปถัมภ์ ที่ดินศักดินา (fief) เป็นสิ่งกำหนดฐานะและความสัมพันธ์ของคนในสังคม โดยเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างจ้าว (lord) ซึ่งเป็นผู้ให้ถือครองที่ดินกับบริพาร (vassal) ซึ่งเป็นผู้ถือครองที่ดิน แต่ละฝ่ายมีหน้าที่ผูกพันต่อกัน โดยจ้าวจะให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่บริพารเพื่อหาผลประโยชน์และให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดภัยสงคราม ส่วนบริพารต้องสวามิภักดิ์ต่อจ้าวและส่งเงินหรือกองทัพไปร่วมรบในสงครามด้วย ในทางปฏิบัติแล้ว กษัตริย์มีสถานะเป็นจ้าวเหนือหัวของขุนนางทั้งหลาย เนื่องจากในยุคกลางถือว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของกษัตริย์ ขุนนางที่ได้รับที่ดินศักดินาก็แบ่งที่ดินให้แก่บริพารของตนอีกทอดซึ่งคือขุนนางลำดับรองๆ ลงไปซึ่งอาจจะเป็นอัศวินก็ได้ ขุนนางผู้ได้รับที่ดินจะเป็นเจ้าของหน่วยปกครอง (manor) ของตนและมีฐานะเป็นจ้าวของราษฎรที่เข้าอาศัยอยู่ในเขตปกครองของตน พระซึ่งดูแลวัดในเขตปกครองต่างๆ ก็มีสถานะเป็นบริพารของขุนนางด้วยเพราะวัดก็รับที่ดินจากขุนนาง สังคมนี้ยังมีทาสติดที่ดิน (serf) ซึ่งต้องทำงานในที่ดินของจ้าวและไม่สามารถเดินทางออกนอกเขตปกครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังมีพวกเสรีชนซึ่งเช่าที่ดินจากเจ้าของหน่วยปกครองและสามารถเดินทางเข้าออกโดยอิสระ

    ระบบสังคมในสมัยนั้นซึ่งครอบคลุมสังคม, เศรษฐกิจ, และการปกครอง เรียกว่าระบอบหน่วยปกครอง (Manorialism) มีศูนย์กลางอยู่ที่หน่วยปกครองของขุนนางแต่ละคนซึ่งแต่ละแห่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันคือ มีคฤหาสน์หรือปราสาทของขุนนางเป็นศูนย์กลาง มีป้อมและกำแพงล้อมรอบ ภายนอกรายล้อมด้วยหมู่บ้านขนาดเล็กของชาวไร่ชาวนาที่เป็นบริพารของขุนนาง รวมถึงโบสถ์และพื้นที่เพาะปลูก แต่ละหน่วยปกครองเป็นหน่วยเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง ไม่จำเป็นต้องอาศัยการผลิตจากภายนอก เว้นแต่สินค้าจำเป็น เช่น เกลือ, เหล็ก, และน้ำมันดิบ ในระบอบหน่วยปกครอง เหล่าบริพารจะแบ่งผลผลิตของตนให้แก่จ้าวและเป็นแรงงานทำการเพาะปลูกในที่ดินของจ้าว ผู้ที่อาศัยอยู่ในหน่วยปกครองจะได้รับความคุ้มครองจากขุนนางเมื่อถูกศัตรูรุกราน เช่น ได้รับอนุญาตให้หลบภัยในเขตกำแพงของคฤหาสน์หรือปราสาทได้

    สังคมศักดินายุคกลางยึดถืออัศวินจรรยา (Chivalry) โดยฝึกหัดเด็กชายให้เป็นอัศวินที่กล้าหาญอันเปี่ยมคุณธรรมและเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งเป็นแบบฉบับที่สุภาพบุรุษตะวันตกยึดถือต่อมา

    โปรดติดตามชมตอนต่อไป
    Hufflepuff, plakinmek, Hodor is coming และอีก 3 คน ถูกใจข้อความนี้
  7. Hodor is coming

    Hodor is coming ราชองค์รักษ์

    อ้าว...วันนั้นยังชวนกระผมไปเที่ยว อตก อยู่เลยนี่ขอรับ กระผมก็บอก..."ไม่เอาขอรับ ไม่ใช่แนวกระผม" ท่านก็พะเน้าพะนอ จนกระผมใจอ่อน
    แหมะ ทำเป็นจำไม่ได้ :oops:
    หืม!? อะไรนะขอรับ อย่าออกสื่อ? ....อุ๊บส์ !!!!
    AM'Rome Buster, Rheagar Targaryen และ Fangiris ถูกใจข้อความนี้
  8. plakinmek

    plakinmek ราชองค์รักษ์

    แหม่ ยกตัวอย่างมากำกวม เดี๋ยวท่านแกรนด์เมสเตอร์ก็ตีเนียนว่า "กระผมจะชวนท่านไปซื้อผัก" หรอกนะโฮดอร์ :whistle:

    ว่างๆ ถ้าโฮดอร์ขึ้นเหนือ ให้ป๋าท็อปพาไปเที่ยวมันดาเลย์สิ (y) เผื่อป๋าท็อปจะค้นพบตับใหม่ๆ โลกใหม่ๆ
    Hodor is coming และ Rheagar Targaryen ถูกใจข้อความนี้
  9. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    @Levantine Storyteller
    ฟินมาก จารย์น่าจะตั้งกระทู้ใหม่ให้ผมสรรเสริญหน่อย

    ผมสงสัยมานานแล้วครับขอถามหน่อยนะครับ
    1. ราชามีที่ดินส่วนตัวเองหรือเปล่า ที่มีการเพาะปลูกเอง หรือหมู่บ้านเก็บภาษีส่วนตัว
    2. ลอร์ดแต่ละคนต้องจ่ายบรรณาการต่อราชาด้วยใช่มั้ยครับ เป็นรายปี เดือน หรือฤดูกันครับ
    3. ผมเคยได้ยินตำแหน่งลำดับชั้นของขุนนางชาวอังกฤษ ว่ามีดยุค/มาควิส/เอิร์ล/ไวเคาห์/บารอน ซึ่งเป็นตำแหน่งของเกาะอังกฤษเท่านั้นเลยอยากทราบว่าในประเทศอื่นๆ ที่มีลักษณะการปกครองคล้ายกันอย่างฝรั่งเศส สเปน หรือออสเตรียมีบรรดาศักดิ์แตกต่างกันไปหรือเปล่าครับ

    แต่ถ้าจะมีเล่าในคราวต่อไปก็อย่าเพิ่งตอบก็ได้ครับ เก็บไว้ให้ผมได้ลุ้น

    พออ่านเรื่อง Feudalism ผมนึกถึงหนังสือที่เคยซื้อในงานบุ๊คแฟร์ที่มาจัดที่มหิดลเมื่อปีก่อน ชื่อ A History of the World เขียนโดย Alice Magenis กับ John Conrad Appel แอบโดดทำแลปลงไปซื้อ จนบัดนี้ยังไม่ได้อ่านแอบมาอ่านจากจารย์ก่อน มีหนังสือแนะนำบ้างมั้ยครับ ผมอยากสะสมมาก
    Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้
  10. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    วันนั้นก็ไปกันทั้งลำเรือเลยนี้ครับ
    @สุนัขป่าโลกันตร์ อาสาขับรถพาไปเห็นว่ารู้จักกับเจ้าของด้วยครับ ป๋า @topz73 ก็ดูตื่นเต้นมาก หารู้ไม่ว่าโฮดอร์จะพาไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
    พอไปถึงปุป @Hodor is coming นี่โยกไม่หยุดเลยตั้งเริ่มยันเลิก ยิ่งเต้นคู่ @AM'Rome Buster สีกันไม่หยุดเลยทีเดียว ไม่เชื่อคู่ภาพสเก็ตจาก @Gutter13 ได้ หรือพยานจากคุณ @Źéńőń (ขอบอกตรงนี้ว่าชื่อเขียนได้ยากเหลือเกิน)
    ส่วนผมก็นั่งจิบไวน์จากอาร์เบอร์ถกปัญหาโลกแตกกับคุณ @Levantine Storyteller ที่เอาแต่ชำเลืองมองไม่หยุด
    Levantine Storyteller, Hodor is coming, Fangiris และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  11. Rheagar Targaryen

    Rheagar Targaryen ราชองค์รักษ์

    @Kurodo 3.ประเทศที่ว่ามามีตำแหน่งพวกนั้นหมดนี่แต่ยกเลิกตอนล้มระบบกษัตริย์ ตำแหน่งพวกนั้นถ้าว่ากันตั้งแต่ต้นคือเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่ขุนนาง (อันนี้อ่านจากประวัติของพวกสนมนะคะคงไม่ปึ้กเท่า @Levantine Storyteller ) คือเริ่มต้นง่ายๆจากดยุคก็คือลูกนอกสมรสของกษัตริย์ คือราชวงศ์ยุโรปนี่หาราชาที่รักกันดีๆกับราชินีแทบไม่เจอ ส่วนใหญ่คือราชาไปรักสนมอยู่กินกับสนมตลอดทีนี้พอมีลูกก็รักแต่จะตั้งเป็นเจ้าชายก็เกินไปเลยตั้งเป็นดยุคให้อำนาจทรัพย์สินทุกอย่างคล้ายเจ้าชายแต่น้อยกว่ากันหน่อยแบบพอเป็นพิธี ส่วนยศถัดไปนี่อ่านหลายอันคงจะไม่เหมือนกันแต่ละประเทศ แต่ที่เห็นบ่อยๆคือดยุคไปแต่งกับคนธรรมดาลูกชายคนโตจะได้ยศมาควิสแล้วก็ไล่ลงมาเป็นเอิร์ล บารอน ลอร์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะวัดความมั่งคั่งจากที่ดิน แต่รัสเซียจะให้ความสำคัญกับปริมาณทาสมากกว่า

    ป.ล.ผิดพลาดประการใดก็ฝากท่านอาจารย์แถลงไขด้วยละกันค่ะ
    ป.ล.2 ไม่รู้ว่ารู้กันอยู่แล้วรึป่าวแต่อยากบอก Kit Harrington หรือที่ทุกคนในนี้รู้กันดีในนาม จอน สโนว์ สืบเชื้อสายมาจากลูกนอกสมรสของกษัตริย์องค์นึง
    Levantine Storyteller, Hodor is coming และ Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  12. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    โอ๊ะ!!! ตื่นเต้นๆ กัปตันพาเข้าฝั่งอ่ะ

    ตอนแรกผมเข้าใจว่าแต่ล่ะประเทศก็มีการเรียกบรรดาศักดิ์ต่างกันไป แต่พอกัปตันบอกว่าเหมือนกันเลยลองไปค้นดู ทำให้ทราบว่าเหมือนกันจริงๆ แต่ออกเสียงต่างกัน อย่างมาควิสในอังกฤษ เท่ากับมากีในฝรั่งเศส

    แต่พอพูดว่าตำแหน่งเหล่านี้เป็นลูกสมรส ผมก็งงๆ อ่ะ ผมนึกว่าดยุค/ดัชเชสเป็นตำแหน่งที่ให้กับน้องชาย/น้องสาวอะไรแบบนี้ ต้องให้ลูกนอกสมรสมันจะดูยิ่งใหญ่ไปมั้ยครับเนี่ย
    อย่างพระเจ้าจอร์จที่หก พ่อของราชินีอลิซาเบธที่สองก็มีตำแหน่งดยุค
    หรือเจ้าชายฟิลิปพระสวามีก็มีตำแหน่งดยุค
    ลูกชายคนเล็กเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็มีตำแหน่งเอิร์ลของเวสเซส

    มันซับซ้อนหน้าดูเลยอ่ะครับ
    Levantine Storyteller, Hodor is coming และ Rheagar Targaryen ถูกใจข้อความนี้
  13. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    1. ที่ดินทั้งหมดในประเทศเป็นของกษัตริย์อยู่แล้วครับ แต่ต้องแบ่งไปให้พวกเจ้าขุนมูลนายก็เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนในความช่วยเหลือยามสงครามแล้วก็ช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องการเก็บภาษีและการบริหาร
    2. แน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้เจาะลึกขนาดนั้น
    3. ผมไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะสาธยายเรื่องลำดับยศครับ ยังอยู่ในเรื่องผลกระทบของดินปืนต่อระบอบศักดินา
    หลังท่าน "จิบ" เมรัยองุ่นเลิศรสจากอาร์เบอร์ได้ไม่นาน ท่านก็ชวนกระผมถกเรื่องไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน, ทำไมผู้ชายไม่ควรใส่เสื้อผ้าผู้หญิงแต่ผู้หญิงกลับใส่ของผู้ชายได้, ทำไมข้าวผัดอเมริกันถึงไม่มีในอเมริกา ฯลฯ แล้วก็ "จิบ" เมรัยองุ่นอย่างกับอูฐเพิ่งเจอแหล่งน้ำหลังข้ามทะเลทราย ผมเพิ่งจะเคยเห็นคน "จิบ" เมรัยทางแนวตั้งติดต่อกันเกลี้ยงขวดโดยไม่พักหายใจเลยเป็นครั้งแรก กองขวดข้างโต๊ะก็สูงเอาๆ เป็นทัศนียภาพที่ตื่นตามาก แล้วกระผมจะไม่ชำเลืองมองได้อย่างไร? แถมยังจะล้างคอด้วยเมรัยสีใส 80 ดีกรี+ จากแพนดาเรียอีก
    Rheagar Targaryen, plakinmek และ Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  14. Rheagar Targaryen

    Rheagar Targaryen ราชองค์รักษ์

    555ฝั่งเหรอเนี่ยไม่คุ้นเลย มิน่าเลยไม่ค่อยมั่นใจในแต่ละประโยค
    เรื่องให้ลูกนอกสมรสเยอะไปมั้ย คงต้องตามไปดูที่จุดเกิดเหตุ คือราชินีกับสนม ราชินีส่วนใหญ่มีชะตากรรมประมาณเมอเซลล่าอะค่ะ คือ บ้านเมืองมีสงคราม ก็ส่งมาหัวเดียวกะเทียมลีบเป็นตัวประกันรั้งตำแหน่งราชินี ทีนี้พอแต่งไปแล้วเรื่องมันไม่จบ 2 ประเทศไม่รบกันเองก็จริง แต่ให้เกี่ยวก้อยจูจุ๊บเลยก็ไม่ใช่ วันดีคืนดีประเทศเก่าราชินีดันไปทะเลาะกับแคว้นเล็กแคว้นน้อยของทางนี้อีก ราชินีไม่ได้เป็นคนสั่งการแต่ก็ต้องทนรับกรรมในราชสำนักอยู่คนเดียว นางกำนัล ข้าราชบริพารที่พ่อแม่ส่งมาด้วยบางทีก็เจอเก็บ บางทีก็ถูกจับแต่งงานกับญาติขุนนางฝั่งนี้เพื่อเอาเป็นพรรคพวก ราชินีส่วนใหญ่หลังคลอดองค์รัชทายาทเลยมักจะโดนหมกแถวพระราชวังห่างไกล

    ทีนี้มาดูฝั่งสนม สนมเนี่ยในหนังมักจะให้บทเป็นนางบำเรอ หญิงแพศยา ไร้สกุลรุณชาติ แต่ถ้ามองกันให้เป็นกลาง สนมส่วนใหญ่ก็ลูกหลานขุนนางในวังนั่นแหละ แถมรักกับพระราชามาก่อนนานละ เมื่อราชินีปรากฏณ์ สำหรับสนมตัวเป้งๆก็เหมือนพระราชาแค่ออกไปต้อนรับแขกคนสำคัญ พอปฏิบัติภารกิจมีรัชทายาทเสร็จก็กลับมาหาที่รักตามเดิม ที่สำคัญตำแหน่งสนมมักมีเกมส์การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องซะเยอะ ตรงนี้แหละที่เป็นจุดสำคัญของตำแหน่งดยุค ความที่สมัยก่อน พระราชาอำนาจสูงมาก พอลูกหลานตัวเองขึ้นเป็นสนมปุ๊บ เพื่อให้ฐานอำนาจแข็งแรง ลุงป้าน้าอาก็จะได้เดินขบวนเข้ามารับตำแหน่งในวังตั้งแต่ตอนยังข้าวใหม่ปลามัน ถ้าทุกอย่างสำเร็จลุล่วงกว่าจะถึงตอนที่สนมคลอดลูก คนรอบข้างพระราชาก็เป็นคนของทางนี้หมด

    ทีนี้ลองเทียบลูกของ2คนนี้ดู ลูกของราชินีเป็นเจ้าชาย แต่งตามหน้าที่ พอให้เป็นเจ้าชายก็มีทุกอย่าง ลูกของสนม จริงๆรักคนนี้อะถ้าไม่ติดที่่ศาสนาก็ไม่อยากให้ใครมาดูถูกลูกคนนี้ อย่ากระนั้นเลย ตั้งเป็นดยุคสิ ลองถามขุนนางดูจะค้านมั้ย ขุนนาง(ญาติสายตรงของเด็ก)ไม่ค้านขอรับ เอ๊ะ!แล้วชาวบ้านหละ จริงๆไม่ต้องถามก็ได้นะอำนาจอยู่ทางนี้หมดแล้ว แต่ถ้าจะให้เข้าใจง่ายลองคิดในกรณีถ้าซานซ่าขึ้นเป็นควีนและมาเจอร์รี่ผู้ซึ่งมีทหารเอาอาหารมาแจกฟรีในนามของเธอได้ขึ้นเป็นสนม ประชาชนจะรักเลดี้คนใหน. เพราะฉะนั้นความมั่งคั่งของดยุคเนี่ยบอกได้เลยว่าบางทีมากกว่าเจ้าชายซะด้วยซ้ำ แต่สิ่งต่างๆมักไม่เที่ยง เมื่อถึงวันที่องค์รัชทายาทขึ้นเป็นพระราชเกมส์ก็พลิก ถ้าพระราชารวบรวมอำนาจได้มั่นคงเมื่อไหร่พวกนี้ก็ต้องระวังตัวให้ดี บางรายคิงมีชะตากรรมเดียวกับพ่อก็อยู่กันได้ทำงานร่วมกันไปดีๆ บางรายก็จบไม่สวยหาเรื่องยึดที่ยึดทางกลับมาก็มี บางรายคิงคลั่งมากๆขุนนางเริ่มทนไม่ไหว ก่อกบฏกันเถอะเรา แล้วจะเอาใครเป็นคิงหละ ให้คิดแป๊บนึง......ก็ดยุคไง

    ส่วนเรื่องตั้งให้น้องชายนี่ไม่แน่ใจนะคะเพราะเท่าที่เคยเจอน้องของคิงหรือน้องของเจ้าชายก็มียศเป็นเจ้าชาย แต่ที่เป็นยศอื่นคือเจ้าไปแต่งกับสามัญชั่งสามัญชนจะได้ยศถัดลงมาเหมือนเจ้าชายวิลเลี่ยมกับดัชเชสแคทเทอรีน

    ป.ล.จริงๆอยากยกตัวอย่างของจริงให้พิมน้อยๆอ่านง่ายๆนะคะแต่คิงสมัยก่อน ถ้าไม่ชื่อจอร์จก็ชื่อหลุยส์ ส่วน ควีนก็มีแต่ แคทเทอรีนกับเอลิซาเบ็ท หมดอารมณ์จะไปจำ มันช่างเป็นอะไรที่ทาแกเรี่ยนมั่กๆ
    Levantine Storyteller, Hodor is coming, plakinmek และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  15. Stormwind

    Stormwind นักดาบฝึกหัด

    ส่งกองร้อย Easy จากเรื่อง Band of brother ไปช่วยละกันครับ

    55555
  16. Hodor is coming

    Hodor is coming ราชองค์รักษ์

    ขยี้ตาแล้วอ่านสามรอบ...ขยี้ตาอีกรอบ:eek:
    ท่านพี่พาเข้าฝั่ง!!!!! โอ้ววว!!!!
    ถึงว่าขอรับ ช่วงนี้ป๋าไม่ค่อยมาเสวนาในบอร์ดเลย...ติดใจตับใหม่ๆ เอ๊ย!! ประสบการณ์ใหม่ๆนี่เอง:oops:
    Rheagar Targaryen ถูกใจข้อความนี้
  17. Rheagar Targaryen

    Rheagar Targaryen ราชองค์รักษ์

    @Hodor is coming ช่วยพี่เขยด้วย!!เราหาทางกลับทะเลไม่ถูก เราเชื่อว่านี่ต้องเป็นแผนของท่านเมสเตอร์คิดจะกำจัดจิตรวิญญาณท้องทะเลของเราแน่เลยทำเป็นถามเรื่องที่ท่านรู้กันอยู่แล้ว วางกับดักให้เราเข้าฝั่งแล้วทิ้งให้วิญญาณอมตะของเราแห้งตายไป โฮดอร์อย่าลืมคำปฏิญาณ(?)ของพี่น้องแห่งท้องทะเลนะ สัญญากับพี่สิโฮดอร์....

    ป.ล.ตัวนี่กัดป๋าหลายกระทู้แล้วนะขนาดเค้าไม่อยู่ยังจะแหย่ หน้าเค้าเหมือนเบยองจุนจริงๆเหรอ
    Hodor is coming และ Kurodo ถูกใจข้อความนี้
  18. Levantine Storyteller

    Levantine Storyteller Moderator Staff Member

    การล่มสลายของระบอบศักดินา
    เบื้องหน้า ระบอบศักดินาดูจะตอบสนองความต้องการของคนได้เป็นอย่างดี ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งทีตนต้องการ กษัตริย์ได้รับความช่วยเหลือด้านกำลังรบและเงินทุน เหล่าเจ้าขุนมูลนายได้ที่ดินไว้สร้างประโยชน์ ชาวบ้านได้ที่อยู่อาศัยและทำมาหากินและได้รับความคุ้มครอง แต่เบื้องหลัง กษัตริย์เป็นประมุขแต่ไม่มีอำนาจที่แท้จริงเพราะประเทศแตกเป็นส่วนๆตามดินแดนศักดินาที่แจกจ่ายไปทำให้ราษฏรขึ้นตรงกับจ้าวผู้ครองดินแดนไม่ใช่กษัตริย์ เหล่าจ้าวขุนมูลนายมีที่ดินไว้หาผลประโยชน์แทบทุกอย่างที่ต้องการ มีกำลังรบและฐานที่มั่นของตนเอง ทำอะไรก็ได้ในดินแดนของตน การคดโกง, เบียดบัง, กดขี่ข่มเหงราษฏร, และกบฎกลายเป็นเรื่องปกติ ชาวบ้านไถหว่านผืนดินที่ไม่ใช่ของตน, ผลิตและเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหาร, เลี้ยงปศุสัตว์, ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค, เป็นแรงงานและกำลังรบให้แก่จ้าวศักดินา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    สิ่งที่เป็นรากฐานของระบอบศักดินาก็คือศึกสงคราม อันเป็นแก่นของการปฏิวัติทางสังคมและการเมืองในยุคกลาง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีศึกสงครามบ่อยครั้ง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือจ้าวศักดินาซึ่งได้รับที่ดินจากกษัตริย์เพื่อแลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนยามสงคราม แต่ในทางปฏิบัติกษัตริย์คือฝ่ายที่จำเป็นต้องพึ่งพาเหล่าจ้าวขุนมูลนายไม่ใช่ในทางกลับกัน อภิชนเหล่านี้มักเป็นผู้ก่อศึกสงครามในประเทศด้วยสาเหตุต่างๆไม่ว่าจะเป็นศึกสายเลือด, ความบาดหมางแต่อดีตกาล, คุณธรรม ฯลฯ สิทธิในการครองที่ดินเองก็เป็นสาเหตุการสู้รบเช่นกันเพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของเจ้าขุนมูลนาย ความสัมพันธ์ทางศักดินาของที่ดินต่างๆถูกเปลี่ยนมือไปมา, ละทิ้ง, รับมอบ, ถอดถอน, รื้อฟื้น, ซ้อนเหลื่อม, โยงกลับไปกลับมา จึงไม่แปลกอะไรที่จะเกิดความสับสนวุ่นวาย

    ระบอบศักดินาเฟื่องฟูในระหว่างศตวรรษที่ 11 และ 13 เริ่มเสื่อมเมื่อใกล้สิ้นศตวรรษที่ 13 ในฝรั่งเศสและอิตาลี แต่ว่าในส่วนอื่นๆของยุโรปนั้น ระบอบยังเฟื่องฟูไปอีกสักระยะและสิ้นสูญไปเมื่อค.ศ. 1500 สาเหตุหลักที่หนุนเนื่องให้ระบอบศักดินาล่มสลาย คือ

    อย่างแรก ระบอบศักดินาเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความวิบัติในตัวมันเอง ดังที่เฮนรี่ มาร์ตินสังเกตไว้คือ “ระบอบศักดินาซุกซ่อนอาวุธซึ่งจะถูกใช้ทำลายตนเองไว้ในอ้อมอก” เมื่อเหล่าจ้าวศักดินากระด้างกระเดื่อง กษัตริย์ผู้เป็นประมุขฐานันดรศักดิ์ก็ต้องการกำราบพวกเขา ในการนี้เหล่ากษัตริย์ก็จะได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นกลางที่เพิ่งถือกำเนิดและเสรีชนผู้ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าว ชนชั้นกลางประกอบด้วยวาณิชและนักธุรกิจมอบเงินทุนแก่กษัตริย์ซึ่งใช้ในการสร้างและบำรุงกองทัพอิสระ ซึ่งช่วยกำราบเหล่าเจ้าขุนมูลนายผู้เหิมเกริม การค้นพบดินปืนและอาวุธเช่นปืนใหญ่ช่วยให้กษัตริย์ปราบปราบเหล่าจ้าวและลดการพึ่งพาพวกเจ้าขุนมูลนาย กษัตริย์สามารถสร้างกองทัพประจำการได้ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าเสรีชนผู้ต้องการให้ศึกสงครามระหว่างจ้าวศักดินาหยุดลงและกำลังรบจากเหล่าผู้เป็นอิสระจากจ้าวศักดินา ด้วยบทบาทของอาวุธเช่นธนูยาวและต่อมาคือปืนทำให้อัศวินและจ้าวศักดินาค่อยๆหมดความสำคัญลง ในเมื่อคนเหล่านี้หมดความสำคัญ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมอบที่ดินและอำนาจให้อีกต่อไป

    [​IMG]
    [​IMG]

    อย่างที่สอง การปลดปล่อยทาสติดที่ดินเนื่องจากการเติบโตอย่างมหาศาลของการค้าและพาณิชยการมีส่วนช่วยในการเสือมสลายของระบอบศักดินา ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 10 เศรษฐกิจในดินแดนยุโรปที่ซบเซาไปตั้งแต่จักรวรรดิโรมันล่มสลายเริ่มเจริญเติบโต เมืองต่างๆ ที่เคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจได้ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีเมืองศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมเกิดขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะเมืองท่าและเมืองที่อยู่บริเวณปากแม่น้ำ เป็นต้นว่า นครรัฐในแหลมอิตาลีซึ่งติดต่อค้าขายกับดินแดนต่างๆ รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เกาะอังกฤษในเขตทะเลเหนือ และดินแดนแถบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือแคว้นแฟลนเดอร์ (Flander) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเบลเยียมและตอนเหนือของฝรั่งเศส แคว้นแฟลนเดอร์อยู่ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและมีแม่น้ำไรน์ไหลผ่าน ทำให้บริเวณนี้เป็นชุมชนทางการค้าที่สำคัญ เพราะสามารถติดต่อกับอังกฤษดินแดนเยอรมันและแถบทะเลบอลติกทางตอนเหนือได้สะดวก เมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองเหล่านี้ดึงดูดให้ผู้คนที่ทำงานอยู่ในหน่วยปกครองโดยเฉพาะทาสติดที่ดินย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง เพราะมีงานรองรับและยังได้สิทธิในฐานะชาวเมือง ไม่ต้องทำงานในหน่วยปกครองให้แก่เจ้าของที่ดิน กฎหมายศักดินาในยุคนั้นก็ระบุไว้ว่าทาสติดที่ดินเป็นอิสระชนได้ถ้าเขาอยู่นอกเขตปกครองนานกว่าหนึ่งปี จึงเป็นผลให้ระบอบหน่วยปกครองเสื่อมลง

    [​IMG]

    [​IMG]

    อย่างที่สาม การค้าในและระหว่างประเทศและการการธนาคารขยายตัวออกไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจที่ขึ้นตรงกับที่ดินกลายเป็นเศรษฐกิจที่ขึ้นตรงกับเงินตราเพราะมีเงินหมุนเวียนมากขึ้น จ้าวศักดินาที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเมื่อระบอบศักดินายังเฟื่องฟูก็ประสบปัญหาเพราะเขาเองก็ไม่ได้มีสิ่งที่ขายได้มากนัก จึงจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินจากผู้ปล่อยเงินกู้ในเมือง, รับเงินจากผู้อยู่ในเขตปกครองแทนแรงงานและผลผลิต, เก็บค่าผ่านทางและค่าธรรมเนียมจากวาณิชซึ่งการกระทำนี้ก่ออุปสรรคแก่การค้าจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้มีผู้ต่อต้านจ้าวศักดินา ความสัมพันธ์เปลี่ยนจากจ้าวศักดินาและข้าเป็นเจ้าของที่ดินและผู้เช่าที่ดิน จ้าวศักดินาเองก็จ่ายเงินให้กษัตริย์แทนการสร้างและส่งกำลังรบไปสนับสนุนเช่นกัน พวกเขายังจ่ายเงินจ้างทหารรับจ้างเพื่อจะได้ไม่ต้องออกไปสู้รบเอง ทหารรับจ้างมาจากทั่วทั้งยุโรป พวกเขาเคารพเงินตราเท่านั้นและเป็นที่หวาดกลัวไปทั่วยุโรป ภัยคุกคามจากทหารรับจ้างก็เป็นอีกสาเหตุที่นำไปสู่การสร้างกองทัพประจำการที่ประกอบด้วยทหารอาชีพ ซึ่งนำไปสู่จุดจบของระบบศักดินาในอังกฤษ

    [​IMG]
    [​IMG]

    อย่างที่สี่ สงครามครูเสดก็มีส่วนอย่างมากในการล่มสลายของระบอบศักดินา ผลกระทบจากสงครามคือชาวยุโรปได้เรียนรู้วิธีใช้ดินปืนจากชาวมุสลิม การค้นพบดินปืนได้บั่นทอนความสำคัญของปราสาทศักดินาไปอย่างมาก ผลก็คือ จ้าวศักดินาไม่สามารถหลบภัยในปราสาทและต่อต้านอำนาจของกษัตริย์อีกแล้ว ระหว่างสงครามครูเสด จ้าวศักดินามากมายเสียชีวิตลงซึ่งทำให้ระบอบศักดินาเสื่อมถอยลงอีกมาก จ้าวศักดินาบางคนต้องขายกฎบัตรเสรีภาพของเมืองในปกครองเพื่อระดมทุน บางคนถูกบังคับให้ขายกฎบัตรเสรีภาพแก่เมืองที่เคยปกครองเมื่อกลับจากสงคราม ทำให้ทาสติดที่ดินจำนวนมากเป็นอิสระ สงครามครูเสดยังทำให้เกิดการค้าระหว่างยุโรปและนครแห่งคอนสแตนติโนเปิลและอเล็กซานเดรีย พาณิชยการและอุตสาหกรรมในยุโรปถูกกระตุ้นและเมืองสำคัญจำนวนหนึ่งเฟื่องฟูขึ้น เหล่าวาณิชและช่างฝีมือที่อาศัยในเมืองเหล่านี้ต้องการเป็นอิสระจากการควบคุมของจ้าวศักดินา ดังนั้น พวกเขาจึงซื้ออิสรภาพหรือไม่ก็ได้มาด้วยกำลัง พวกเขาได้สิทธิการปกครองตนเองและอิสรภาพจากค่าธรรมเนียมและภาษีของพวกจ้าว หลังจากที่ปลดแอกตนจากเหล่าอภิชนแล้ว เมืองทั้งหลายก็เริ่มสร้างกองกำลังติดอาวุธและกำแพงหอสูงเพื่อป้องกันตนเอง พวกเขาจึงเป็นอิสระจากเจ้าขุนมูลนายอย่างสมบูรณ์

    [​IMG]
    [​IMG]

    อย่างที่ห้า การขาดแรงงานในยุโรปเนื่องจากกาฬโรคซึ่งสังหารคนไปถึงหนึ่งในสามของยุโรปทำให้อำนาจต่อรองของทาสติดที่ดินสูงขึ้นและทำให้ระบอบอ่อนแอลงและบังคับให้ผู้รอดชีวิตต้องคอยย้ายถิ่นฐานไปมา จึงไม่มีใครอยากอยู่ในทิ่ดินของจ้าวศักดินาทำให้ระบบเศรษฐกิจที่ขึ้นตรงกับที่ดินต้องสิ้นสุด

    [​IMG]
    [​IMG]

    ตอนต่อไปจะกล่าวถึงบทบาทของดินปืนในจุดจบของโลกยุคกลางและระบอบศํกดินา
    Kurodo, Hodor is coming, TheOnlyAce2 และอีก 2 คน ถูกใจข้อความนี้
  19. NoMeRcY

    NoMeRcY นักดาบฝึกหัด

    มีแต่อาวุธไฮเทคขอค้อนนี้ให้ ร็อบ ก่อนตายละกัน
    [​IMG]
    Last edited: 17 พฤศจิกายน 2013
    Hodor is coming และ Stormwind ถูกใจข้อความนี้
  20. Źéńőń

    Źéńőń ราชองค์รักษ์

    ฮะ ออกทะเลมาไกลโขในที่สุดก็มีผู้มากอบกู้ซะที
    Levantine Storyteller, Hodor is coming, NoMeRcY และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  21. TheOnlyAce2

    TheOnlyAce2 อัศวินไร้นาย

    ผมนับถือความพยายามพี่แกจริงๆ รอติดตามครับๆ
    Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้
  22. Hodor is coming

    Hodor is coming ราชองค์รักษ์

    ไม่นะขอรับ!!! ท่านพี่!!!! หนอยแน่ะ ท่านเมสเตอร์นี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก หลอกล่อพาโฮดอร์ไปสถานที่ประหลาดๆอย่าง อกต ทีนึงแล้ว ยังจะมาหลอกล่อท่านพี่อีกหรือขอรับ!! ท่านพี่ต้องใจเย็นๆไว้นะขอรับ พยายามเรียกสติกลับคืนมา.....หายใจ เข้าออกช้าๆ ...เอาล่ะขอรับ ทีนี้พูดตามโฮดอร์.... "จ้ำหนอ" "พายหนอ"พร้อมควงสวิงไปด้านข้างลำตัว...อีกครั้งนะขอรับ "จ้ำหนอ" "พายหนอ" ...อย่างนั้นล่ะขอรับ ....
    ป.ล. น่าจะเหมือนนะขอรับ แต่เอ....ก็ไม่เคยเห็นใครจะบอกว่าแกเหมือนแฮะ มีแต่แกเองนี่แหละขอรับที่บอก
    Levantine Storyteller, Źéńőń, Rheagar Targaryen และอีก 1 คน ถูกใจข้อความนี้
  23. Kurodo

    Kurodo Grand Maester Staff Member

    Levantine Storyteller ถูกใจข้อความนี้

Share This Page