ก็ตามหัวกระทู้แหละครับ อันนี้เป็นนิยายแรกที่ผมลองแต่ง ยังไม่เคยลองให้ใครอ่านก่อน ถ้าพวกพี่ๆเพื่อนๆสะดวกและชอบอ่านผมก็อยากจะให้ลองอ่านของผมดูก่อน แต่เห็นคุณ @Master of Sellsword จะแต่งนิยาย ผมก็ไม่รู้จะออกความเห็นยังไงด้วยสิ ผมมือสมัครเล่น โอเครพล่ามซะเยอะ ยังไงก็ดูประวัติคร่าวๆก่อนนะครับ เมื่อนานมาแล้วเทพแห่งชีวิตได้มาจุติบนโลกเขาสามารถสรรสร้างได้ทุกอย่าง เขาคือผู้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่มนุษย์ขนานนามพระองค์ว่า The Builder(ผู้สร้าง) ผู้สร้างโลกแห่ง OA(โออา) ณ โลกแห่งนี้ประกอบไปด้วยสองทวีปแต่ทวีปที่ใหญ่ที่สุดคือ Prime ทวีปตะวันตก และ Dawn ดินแห่งทะเลทรายทวีปตะวันออก รวมถึงสัตว์ที่มีหลายสายพันธุ์และอันตราย รวมถึงพวกปีศาจที่ถูกสร้างโดยเทพแห่งความตาย (Death) ที่ต้องการทำให้โลกนี้เสื่อมโทรม ยิ่งมีความตายและความเสื่อมโทรมของมนุษย์และธรรมชาติเทพแห่งความตายจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และนั่นคือผลพวงในเวลาต่อมา เมื่อมนุษย์มีจำนวนมากขึ้นและเริ่มนับถือผู้สร้างน้อยลง และเริ่มเข่นฆ่ากันเองและเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติไป..และนั่นทำให้ Death มีพลังอำนาจมากขึ้นและปลดปล่อยปีศาจลงมาบนโลกมากขึ้น ทำให้มนุษย์ใกล้สูญพันธุ์ แม้มนุษย์จะหมดศรัทธาและนับถือพระองค์น้อยเพียงใด พระองค์ก็ยังเชื่อมั่นในเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงสร้าง เผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่ 6 เผ่าที่รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่แตกต่างจากมนุษย์เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งพลังธาตุของโลกแห่ง OA เผ่าแห่งอัคคี (Clan Of Fire) หรือ Flagro ผู้ที่สามารถสร้างไฟและควบคุมไฟร่างกายอันแข็งแกร่งดุดัน และทนไฟได้ตั้งถิ่นฐานทางทิศตะวันตก เผ่าแห่งวารี-อัศนี (Clan Of Lightning-Water) หรือ Raiden ถูกแบ่งเป็นสองแบบ ผู้ควบคุมน้ำ และผู้ควบคุมสายฟ้า ร่างกายไม่อาจแข็งแกร่งเท่าเผ่าอัคคี แต่พวกเขามีสามารถทางพลังสูงมาก ตั้งถิ่นฐานอยู่ทิศตะวันออกและติดชายทะเล ว่ากันว่าที่นั่นมีแต่พายุและฝนฟ้าคะนองตลอดเวลา พวกเขาจึงตั้งชื่อแผ่นดินที่พวกเขาปกครองในนาม Strom Land เผ่าแห่งวายุ (Clan Of Wind) หรือ Catus ผู้ที่สามารถควบคุมลมได้ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ในอดีตพวกเขาไม่มีถิ่นฐานที่แน่นอนและพเนจรไปทั่วทวีปและบางส่วนอาศัยอยู่ในเมืองของมนุษย์ในภาคกลางเพื่อคอยปกป้องมนุษย์จากสัตว์อันตราย และอีกส่วนตั้งถิ่นฐานอยู่ทิศเหนือ เผ่าแห่งแสง (Clan Of Light) หรือ Heros ผู้ที่สามารถใช้พลังแห่งแสงได้ พวกเขาเปรียบเสมือนเทวดาของมนุษย์ พวกเขาสามารถบินได้ และผมสีทอง เมืองของพวกเขาตั้งอยู่บนท้องฟ้าเป็นนครแห่งแสง (City of Light)และพวกเขามักสวมชุดขาวโพลนเสมอ แต่ชุดเกราะของพวกเขาจะเป็นสีทอง แม้พวกเขาจะมีรูปลักษ์ที่สง่างาม แต่พวกเขากลับเป็นพวกหยิ่งทนง และมักเชื่อว่าพวกเขาอยู่เหนือกว่าผู้อื่น ปัจจุบันทุกคนเชื่อว่าเผ่านี้สูญสิ้นอารยธรรมไปแล้ว เผ่าแห่งความมืด (Clan of Darkness) หรือ DarkSeeker ผู้ควบคุมพลังแห่งความมืดและเงา พวกเขานอกจากจะใช้พลังแห่งความมืดเฉพาะของตัวเองแล้วยังมีความทางด้านเวทมนตร์มากที่สุดของทุกเผ่า แต่พวกเขากลับเป็นที่เกรงกลัวต่อมนุษย์เพราะด้วยถิ่นฐานและลักษณะที่นิ่งและสวมชุดสีดำทมิฬ แต่พวกเขากลับมีนิสัยรักสงบ พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางใต้ที่ดินแดนแห่งความมืด Land Of Shadow ที่อบอวนไปด้วยความตายและเป็นที่ๆปีศาจอาศัยอยู่ส่วนใหญ่ ลักษณะพวกเขามีหูแหลมผิวขาวซีด และนี่คือ 5 เผ่าแรกที่ผู้สร้าง สร้างขึ้นมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ และเตรียมที่จะสร้างเผ่าสุดท้ายขึ้นเพื่อเป็นผู้พิทักษ์และคงความสมดุลของพลังแห่งโลกแทนตัวพระเองค์ แต่สิ่งเลวร้ายก็เกิดขึ้นเสียก่อนที่แผนสร้างโลกที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้น เมื่อเผ่าแห่งแสงเชื่อว่าพวกเขาเหนือกว่าทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกรวมถึงผู้สร้าง พวกเขาเปิดศึกกับทุกเผ่าพันธุ์ เกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่อีกครั้ง พวกเขารู้ว่าพลังของผู้สร้างกำลังอ่อนแอลงเพราะพลังของเขาเชื่อมต่อกับชีวิตทุกชีวิตบนโลก เผ่าแห่งแสงสังหารมนุษย์และเผ่าอื่นๆไปจำนวนมาก ผู้สร้างจึงใช้พลังที่เหลือสร้างเผ่าสุดท้ายขึ้นมาโดยใช้พลังที่เหลือน้อยเต็มที… เผ่าแห่งพงไพร(Clan of Forest) ผู้ควบคุมพลังธรรมชาติ 5 คนแรกเข้าสู้กับกองทัพของเผ่าแห่งแสงและได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายเผ่าแห่งแสงไม่สามารถต้านทานพลังของพงไพรได้ และประกาศขอยอมแพ้ในที่สุด แต่ด้วยความแค้นของเผ่าอื่นๆที่ถูกสังหารไปจำนวนมาก เข้าบุกทำลายนครแห่งแสง พวกเขาสังหารประชาชนแห่งแสงที่บริสุทธิ์จนเกือบสูญพันธุ์ เผ่าแห่งพงไพรที่เป็นตัวแทนของผู้สร้างกว่าจะมาถึงเขาช่วยชีวิตมาได้แค่เพียงคนเดียวที่เป็นเด็กทารก เป็นอันสิ้นสุดของสงคราม War of Clans ไปในที่สุดที่กินเวลายาวนานถึง 10 ปี แต่ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตบนโลกล้มตายเป็นจำนวนมาก เผ่าแห่งพงไพรจึงสละพลังของตัวเองเข้าฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตให้กลับมาสมดุลดังเดิม… อันเป็นจุดสิ้นสุดของเผ่าแห่งพงไพร ลิงค์ของแต่ล่ะบทขอรับ บทนำและบทที่ 1 http://gameofthronesfansite.com/threads/817/page-3#post-15352 บทที่ 2 http://gameofthronesfansite.com/threads/817/page-3#post-15718 นี่ประวัติคร่าวๆครับ ยังไงก็ผมจะเอาบทนำมาลงพรุ่งนี้นะครับ ตอนนี้ไม่ไหวเหนื่อยมาก พรุ่งนี้ต้องทำงานต่อ ออกความเห็นได้เลยเต็มที่นะฮะ
นึกถึงเรื่อง เซวีน่า มหานครแห่งมนตราเลยค่ะ คล้ายๆกัน เรื่องนี้สนุกมากๆค่ะ แต่ทำปกซะเล็กเบบี๋เลย เราชอบมาก ลองอ่านเป็นแนวทางดู เราว่าคนแต่ง(คนไทยด้วย)แต่งไว้ได้ดีเลย
โดยรวมแล้วก็สนุกใช้ได้นะ พวกคุณนี่เก่งกันจริงๆ แต่งนิยายออกมาได้ตามจินตนาการโดยไม่อิงมาจากตำนานไหนเลยไม่เหมือนผม รอติดตามเนื้อหาต่อไปนะ สนุกๆ
โอ้ ...... พออ่านข้อมูลเผ่าแล้ว แว้บแรกที่อ่านหัวข้อ นึกถึงเกมส์ออนไลน์คนไทยทำ ที่เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อน เลย (12หาง ออนไลน์) มีเทพแสง เทพดิน เทพน้ำ เทพไฟ เทพลม เทพแห่งความมืด ยิ่งข้อมูลเรื่องเผ่าแสง ยิ่งเหมือนเลย เพราะเมืองหลักในเกมส์ก็เรียกว่า City of light เหมือนกัน แถมวังเทพแสงในเกมส์ยังลอยฟ้าอีกด้วย นอกจากนี้ในเกมส์ถือว่าเทพแสงเป็นเทพที่ตัวละครรักที่สุด มีผมสีทอง และแต่งกายชุดขาว แต่ก็อย่างว่า บุคลิกของแสงมันก็แนวๆนั้น ฮี่ๆๆๆๆ
เพราะคำว่าแฟนตาซีในสมัยนี้ เราเสพได้จากนิยาย แล้วก็เกมส์พวกนี้หละค่ะ แนวมันเลยไม่ค่อยไปไหนมากมาย ถ้าให้ลองแต่งเอง เราก็คงจะ จับเผ่าไฟไปอยู่ดินแดนหิมะ เผ่าแสงอยุ่ในเมืองท่ามกลางภูเขา อารมณ์แบบริเวนเดล จับเผ่าลมไปอยุ่กลางทุ่งหญ้า จับเผ่าน้ำไปไว้กลางเกาะ ส่วนเผ่าความมืดจับยัดเข้าถ้ำโลด
จริงๆผมแทบไม่ได้เล่นเกมออนไลน์ของไทยเลยนะครัย ไม่ยักรู้ว่ามันมีด้วยซ้ำไป เผ่าแสงผมรู้สึกว่าพวกเขามีรูปร่างที่สง่างามแต่นิสัยก็หยิ่งทนงตนเพราะมีพลังที่ค่อนข้างเยอะ เลยเอาแบบนี้ อยู่ภูเขาผมว่ามันธรรมดาไปเอานครลอยฟ้าเลยยิ่งใหญ่ดี อันที่จริงผมดูหลายอย่างอ่ะครับ ก็ดัดแปลงมาบ้าง เพราะมันยากมากที่จะคิดเองทุกอย่างบางทีก็ให้เพื่อนแนะนำบ้าง ได้เลยครับ ผมจะลองหาอ่านดู ขอบคุณนะครับ เดอะลอร์ดนี่ถือเป็นแรงบันดานใจส่วนหนึ่งของผมเหนือนกันเลยฮะ แต่ในจินตนาการของผมโลกโออา ทุกเผ่าพันธุ์จะใช้เวทมนต์คู่กับธาตุพลังในตัวด้วยครับ แต่เผ่ามนุษย์พึ่งจะใช้ได้ไม่นาน และโลกจะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ไม่เหมือนกันในแต่ละส่วน และสัตว์เทพนิยายผมก็คิดๆอยู่ว่าจะรวมไว้ด้วยเหมือนกัน ก็หวังว่าใครมีไอเดียแนะนำหรืออยากลงตัวละครของตัวเองก็ลงได้เลยนะครับ จะรับไว้พิจารณาแต่จะไม่ปฏิเสธแน่นอน ปล. เดี๋ยวสักพักจะเอามาลงละนะครับ แต่ผมยังไม่รู้จะลงยังไง แนบไฟล์มาหรือจะโพสลงเลย
นักอ่านรายงานตัวค่ะ โพสแบบนี้ก็อ่านสะดวกดีนะคะ ไม่รู้เมมเบอร์ท่านอื่นว่ายังไงบ้าง เดี๋ยวดึกๆ จะมาเป็นพิสูจน์อักษรให้ค่ะ ตอนนี้ต้องลงไปทำงานแล้ว ปล. เราว่าที่ทำตัวหนาเน้นสีมันลายตาไปหน่อยนะค่ะ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะ แล้วแต่สไตล์ของคนเขียนแล้วกันค่า
เผ่าพงไพรน่าจะอยากจับเผ่าน้ำเป็นทาสนะครับ เพราะถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็โตไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องเกรงใจเผ่าแสงเยอะๆ เพราะต้องสังเคราะห์แสง และรังเกียจเผ่าไฟเพราะเดี๋ยวไฟไหม้ป่า เผ่าไฟน่าจะถูกเผ่าแสงพยายามข่มที่สุด เพราะไฟมันดันส่องแสงได้เหมือนกัน เป็นผลพลอยได้... เผ่าไฟก็เลยไปเข้าข้างเผ่าความมืดเป็นพิเศษ เพราะเผ่ามืดก็อยากได้แสงจากเผ่าไฟไว้ต่อกรกับเผ่าแสงเหมือนกัน ในขณะเดียวกันก็เกลียดเผ่าน้ำที่ดับไฟได้ จึงยิ่งยุยงเผ่าพงไพรให้กดขี่เผ่าน้ำเข้าไปใหญ่ เผ่ามืดอิจฉาเผ่าแสงที่ในสายตาของทั้งเทพและมนุษย์นับถือว่าเป็นความดี ความสว่าง และความงาม ในขณะที่เผ่าแสงก็หัวสูงหลงระเริงไม่คิดจะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อเผ่าอื่นๆ เลย ยิ่งราดน้ำมันลงในกองไฟเข้าไปใหญ่ เผ่าความมืดจึงทำทีเป็นมิตรกับเผ่าไฟด้วยเหตุผลว่าแค้นเผ่าแสงล้วนๆ ไม่ได้ว่าจะญาติดีอย่างจริงใจอะไร ส่วนเผ่าวายุน่าจะไม่ยุ่งกับใครกับเท่าไหร่ เผ่าน้ำน่าสงสารที่สุด พอยำใหญ่กับผู้สร้าง เทพความตาย และมนุษย์ เราก็จะได้ครบ 7 ฝ่ายเหมือนเวสเทอรอสละครับ จับมารบกันให้หมดเหมือนสงคราม 5 ราชัน มันส์ครับ
สู้ๆขอรับ กระผมเอาใจช่วย...เห็นท่านมีความมานะพยายามและตั้งใจในสิ่งที่ตัวเองรักจะทำ ก็พลอยทำให้กระผมซาบซึ้งใจไปด้วย..ค่อยๆเขียนลองผิดลองถูกกันไป ไม่ต้องรีบร้อน กระผมจะคอยติดตามผลงานนะขอรับ
ขอบคุณคร้าบบ ครับท่านโฮด๋อ ปล.ผมควรเล่าประวัติตัวละครผ่านเกร็ดท้ายตอนหรือจะเล่าไปในเนื้อเรื่องเรื่อยๆดีอ่ะครับ อยากขอความเห็น
...ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าภูไขไฟ ...และสวมหน้ากากปีศาจปิดบังใบหน้านั่งอยู่บนบัลลังค์เหล็กสีดำนั่งอยู่ ...“ลุกขึ้น นายพลราฟาเอล”ชายที่อยู่บนบัลลังค์พูดขึ้น เขาลุกขึ้น ...“ข้าคือแบล็คคิง ราฟาเอล ข้าควบคุมอย่าง” ...โดยกำลำแพงจะแบ่งโซนไว้ 3 ชั้น ...จากนั้นทั้งสอบจับมือกัน ...“คุณชื่ออะไรเหรอครับ?” และส่งสายตาสเน่ห์หาไปให้หญิงสาวคนนั้น จุด ... นิยมใช้กันสามจุดค่ะ ส่วนเครื่องหมายคำถามที่ใช้ในประโยคคำถาม (เช่น ทำไม ใช่ไหม ไหน ฯลฯ ที่มีความหมายเป็นคำถามในตัวแล้วน่ะค่ะ) บางคนก็ใช้ บางคนก็ไม่ใช้ แต่ถ้าไม่ใช้ประโยชน์มันจะมีตรงที่ใช้เน้นอารมณ์น่ะค่ะ ลองดู "ข้า...ควบคุมมันได้" อันนี้เป็นประโยคบอกเล่าธรรมดา "ข้า...ควบคุมมันได้?" เป็นคำถาม แสดงความไม่แน่ใจ พอเห็นความแตกต่างไหมคะ นอกนั้นก็สรรพนาม "เขา" ที่บางทีทำให้สับสนไม่แน่ใจว่าเป็นตัวละครไหนค่ะ ลองเปลี่ยนเป็นใช้ยศเรียก เรียกตามลักษณะ-นิสัย ฉายา อะไรพวกนี้ช่วยดูค่ะ เกร็ดท้ายเรื่องค่อยๆ แทรกลงไปในเนื้อเรื่องจะเยี่ยมมากเลยค่ะ
อืมมมมมมมม เอาหละ อ้างอิงจากกระทู้ก่อนหน้าที่บอกว่าไม่ค่อยอ่านนิยายนะคะ นี่คือคำแนะนำเบื้องต้น เราอาจไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ แต่เป็นนักอ่านตัวยงไม่แพ้ใครแน่นอน คิดพลอตได้แล้ว จดใส่กระดาษค่ะ เท่าที่อ่านๆดูเนื้อเรื่องยังคงมีความน่าสนใจอยู่ แต่ภาษานี่ ยังไม่ผ่านค่ะ คะแนนเต็ม10 ให้ 5 คะแนน 5 คะแนนนี้ ให้เพราะสะกดคำดีค่ะ เรามาลองดูกันนะ -อันดับแรก ต้องติงอย่างแรง ภาษาที่ใช้ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลย ตอนแรกฉากที่ราฟาเอลพบแบล็คคิง ภาษาที่ใช้เรียบเรียงเป็นทางการ ดูเคร่งขรึม ถึงจะยังใช้คำเรียงประโยคไม่สวย แต่พอมาฝั่งเชสเตอร์ นี่มันอะไรกันคะ อย่าเขี่ย!!! อันนี้ดุ จริงจังนะ เพราะใช้คำได้กลายเป็นนิยายรักวัยรุ่น เหมือนนิยายที่เป็นสาวม.ปลายเขียนลงบล๊อกแล้วได้พิมพ์ มีหน้าปกเป็นรูปผู้ชายลายเส้นญี่ปุ่น ซะงั้น ไม่เอานะคะ พยายามรักษาภาษาในเรื่องให้อยู่โทนเดียวกันหน่อย มันกระชากอารมณ์เกินไป บางทีมันน่าหงุดหงิด - ถ้าเป็นไปได้ อยากให้อธิบายส่วนต่างๆไปในเรื่อง ไม่ใช่ใส่เอาไว้ข้างต้น เรื่อง ลอร์ด ออฟ เดอะริงส์ อาจจะทำอย่างนั้นที่กล่าวถึงฮอบบิทในตอนต้น 20 กว่าหน้าก่อนจะเข้าเรื่อง ขอบอกค่ะ "มันน่าเบื่อ" และน้อยคนจะสนใจอ่านจริงๆ จังๆ อยากให้พยายามอธิบายไปในเรื่อง แทรกแบบเนียนๆ -การอธิบาย เรียบเรียงประโยค ....... ไปหานิยายมาอ่านเยอะๆค่ะ นิยายแปลก็ได้ เอาจากคุณสุนัขป่าโลกันต์ที่แปลเรื่อง นี้หละ พี่เค้าแปลดีมากๆๆๆ จริงๆ ลองศึกษาการเรียงประโยคใหม่นะ แต่งนิยายนะคะ ไม่ใช่เขียนเรื่องย่อบทละคร ตัดมาที่ ....อันนี้ อย่าใช้เลย มันดูขัดๆใจ - "สายแล้วๆๆๆๆๆ" นี่นิยายแฟนตาซี โรแมนติกคอมมานดี้หรอจ๊ะ ทำเอานึกถึงวัยรุ่นการ์ตูนตาหวาน เล่มละ35 นางเอกเป็นสาวม.ปลาย แอบชอบหนุ่มขรึมผู้สันโดษ หรือผระธานนักเรียน บลาๆ ถามจริง พี่เป็นญาติกับ ซาโอโตเมะ โรมัน ในสเกตดานซ์ป้ะ !!!!! (หากไม่รู้จักสเกตดานซ์ มันเป็นชื่อการ์ตูนค่ะ) มันทำให้โทนเนื้อเรื่อง ประหลาดชะมัด ลองนี้นะ ปราสาทดำ (Castle Black) ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าภูเขาไฟ รายรอบด้วยหมู่บ้านของพลเมืองแห่งความมืด ภายในพระโรงปราสาทนั้นประดับด้วยเครื่องเงินที่ดูน่าพรั่นพรึง สุดฟากด้านในท้องพระโรง เหนือบัลลังก์เหล็กสีดำแห่งกษัตริย์ของdarkseeker แบล๊คคิงประทับอยู่ที่บัลลังก์ของพระองค์ ในชุดเกราะสีดำสวมหน้ากากปีศาจปิดบังใบหน้า เสียงประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงถูกเปิดออกทำให้แบล๊คคิงเหลือบตาขึ้นไปมอง นักรบในชุดเกราะเทาด้าน ผู้มีดวงตาสีแดง โดดเด่นบนใบหน้าขาวซีดเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าลง “ข้ามารายงานตัวแล้วขอรับนายท่าน”เขาพูด “ลุกขึ้น ราฟาเอล” แบล๊คคิงออกคำสั่ง “อะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ กษัตริย์ข้า?”ราฟาเอลถาม --------ลองเปลี่ยนแค่นี้หละ อาจจะดีหรือไม่ดีขึ้นนะ-------- “เราจะบุกโจมตี The Lantern”แบล๊คคิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ราฟาเอลได้ยินดังนั้นจึงแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยเขาจึงตอบไป (กล้าแสดงสีหน้าใส่คิงจริงๆดิ) “กำลังพลของเราเสียเปรียบกำลังพลของพวกแลนเทิร์นนะขอรับ(เดี๋ยวครับ เดี๋ยวขอรับ ปั๊ดจับฟาดกำแพง อันนี้แอบแก้ให้) เราไม่อาจเสี่ยงต่อความพ่ายแพ้....”แต่ก่อนที่ราฟาเอลจะพูดจบ ร่างกายของเขาก็ขยับไม่ได้ แบล๊คคิงลุกขึ้นจากบัลลังค์แล้วค่อยๆเดินลงมา(ใส่เกราะอยู่ไม่คิดว่าจะเดินค่อยๆได้นะ)จากที่นั่ง (บัลลังก์กลายเป็นที่นั่งไปละเรอะ) เสียงฝีเท้า(ใส่เกราะยู้ววววววววว เกราะพี่เบาเรอะ) ที่แตะลงบนนั้นเสียงแน่น ราฟาเอลตัวสั่นเขาเคารพแบล็คคิงแต่ก็เกรงกลัวเขาไม่น้อยเลยทีเดียว เขาเดินผ่านราฟาเอลไป จากนั้นใช้เวทบังคับให้เขาเดินตามแบล็คคิงไป “ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้ากำลังพูดนะ ราฟา แต่….บางทีข้าก็หงุดหงิดที่ต้องฟังเสียงค้านบ่อยๆ ข้าจะแสดงบางอย่างให้เจ้าดูก็แล้วกัน สหายข้า…”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จากนั้นเขาเดินออกมายังระเบียงปราสาทเผยให้เห็นทิวทัศน์ภายนอกที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟที่มีปากถ้ำ ราฟาเอลเห็นประตูมีบางอย่างออกมาจากปากถ้ำ(ประตูหรือปากถ้ำ ที่ปากถ้ำมีประตู ลองหาวิธีอธิบายใหมีเถิด) มันคือปีศาจออร์คจำนวนมากกำลังเดินออกมาจากปากถ้ำพร้อมกับชุดเกราะรบ โดยมีทหารของแบล็คคิงคอยกำกับอยู่ จากนั้นแบล็คคิงก็คลายเวทลง ทำให้ตัวของราฟาเอลถึงกับทรุดลงเพราะถูกบีบรัดด้วยเวทมนต์ของแบล็คคิง “แล้วเจ้าคิดว่าเราจะแพ้ไหมล่ะ ราฟาเอล?”เขาหันมาถามราฟาเอลค่อยๆลุกขึ้นทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจนั้นแฝงความพยาบาทไว้ไม่น้อย “ไม่มีทางครับ (ขอรับหรือครับ เดี๋ยวปั๊ดฟาด) ฝ่าบาท แต่เราสามารถควบคุมพวกมันได้อยู่หรือขอรับ?”ราฟาเอลตอบและถามอย่างไม่มั่นใจ “ข้าคือแบล็คคิง ราฟาเอล ข้าควบคุมอย่าง”เขาพูดจากนั้นก็เดินเข้าไปในท้องพระโรง แต่เขาหยุดเดินและหันมาหาราฟาเอล (ขัดใจชอบกลมันไม่เนียนอ้ะ) “อ้อ เจ้าเตรียมกองกำลังผสมระหว่างเผ่าเรากับพวกปีศาจให้พร้อมภายใน 2 วันและเตรียมบุกโจมตีพวกแลนเทิร์นที่นครแห่งความยุติธรรมได้เลย นี่คือคำสั่ง”เขาลั่นคำสั่งออกมา ราฟาเอลตอบรับ “และพาลูกชายข้า “ฟราน” ไปกับเจ้าด้วย”เขาพูดขึ้น ---เปลี่ยนเป็น พาลูกชายของข้าไปด้วย //แต่ฟรานยังเด็กอยู่นะขอรับ -----ฟังดูไม่ขัดนะ แต่ถ้ามีลูกชายหลายคน ไว้กล่าวถึงทีหลังไม่เสียหาย “แต่เขายังเด็กเกินไปที่จะออกรบนะครับ ก็จริงอยู่ว่าพลังของเขาโดดเด่นกว่าเด็กคนอื่น แต่ว่า..”เขาพูดไม่ทันจบก็ถูกเวทของแบล็คคิงจับเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังของปราสาท (สมมมม) “ข้าไม่ต้องการฟัง ทำตามที่ข้าสั่ง ไม่งั้นข้าจะหาคนมาแทนเจ้า!”เขาเสียงแข็ง จากนั้นก็เดินออกไป ทิ้งให้ราฟาเอลจุกและนอนอยู่ตรงนั้นและเก็บความอัปยศไว้ในใจ ณ ใจกลางเมือง กลาดิอุส (Gladius) เมืองสุดท้ายของมนุษย์ ที่มีหุบเขาล้อมทั้งด้านซ้ายและขวาและข้างหลัง และตรงสุดขอบเมืองมีกำแพงสีขาวที่คอยปกป้องประชาชนแห่งเมืองนี้โดยกำลำแพงจะแบ่งโซนไว้ 3 ชั้น ชั้นในสุดสำหรับคนร่ำรวยและขุนนาง ชั้นกลางสำหรับคนฐานะปานกลาง และส่วนของตลาด ชั้นนอกสุดสำหรับคนยากจนและประกอบอาชีพทำนาเสียส่วนใหญ่ และศูนย์บัญชาการ The Lantern ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในกำแพงชั้นในและมีสำแสงสีขาวออกมาจากหอคอยของที่นี่ มันคือพลังงานชีวิต Power of Life มันคือตึกที่สูงที่สุดและสง่างามที่สุด ที่ไหนสักแห่งในเมือง เวลา : 7.45 “สายแล้ว!!”เสียงของชายหนุ่มอายุราวๆ 18 กำลังวิ่งหอบกระเป๋าและใบกระดาษบนมือ (โห จบเลย วิจารณ์ต่อไม่เป็นเลย)
โอ้วในที่สุดก็มีคนคอมเมนต์ ต้องขออภัยจริงๆครับบางทีพิมพ์สัมผัสผมมันเพลินจนพิมพ์ตกหรือพิมพ์ผิดไป ส่วนฉายาผมคงต้องคิดอีกแล้วแฮะ ไม่ได้คิดไว้ก่อน แย่จุง ส่วนเรื่องจุดผมจะลองไปปรับปรุงดูนะครับ ขอบคุณฮะ @ Amarill นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆจริงๆ ผมคงโดนฟาดจนเขียวแล้วสินะฮ่าๆ ขอบคุณครับ จริงๆก็รู้สึกแหม่งๆเหมือนกัน ผมคงต้องไปหาหนังสือมาอ่านมากกว่านี้แล้วสินะ ถ้าจะแต่งให้ดีขึ้น ดูท่าคุณคงมีหงุดหงิดกันสินะ คงจะต้องปรับปรุงบางส่วนและแต่งต่อไปด้วย ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ
ได้นักอ่านตัวยงมาช่วยคอมเมนท์ถือว่าได้ครูดีเลยนะคะ เขียนนิยายไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว ขอให้สนุกกับงานอดิเรกชิ้นนี้นะคะ
อีดิทลำบากมาก แต่ว่า ทั้งหมดข้างต้นอะ เค้าพิมพ์จากมือถืออะ เค้าแก้ให้จากมือถืออะ แบบพยายามอะ พิมพ์ตั้งกะเที่ยงคืนเสร็จตีหนึ่งกว่าๆเพราะมันค้างอะ เห็นใจป้ะ เค้าทุ่มเทให้อะ เห็นใจป้ะะะะะะะะะะะะะะะ
เห็นด้วยว่าถ้าแต่ละเผ่ามีพลังค้ำกันไปเรื่อยๆเป็นวงจรแล้วดันมีเผ่าใดเผ่านึงคิดตัดตอนย้อนรอยทำสงครามเข้าควบรวมคงมันดี ประมาณว่า เผ่าแห่งความมืดที่ทุกคนเคยเข้าใจว่ามีพลังเพียงการสร้างเงามืดปกคลุมพื้นที่นั้นแท้จริงแล้วมีพลังที่ซุกซ่อนอยู่คือสามารถสร้างเงามืดและหลุมดำในใจคนได้ด้วย แต่เป็นวิชาที่บรรพบุรุษของเผ่าจงใจทำลายไปเพราะว่าการจะสร้างเงาในใจมนุษย์นั้นข้อสำคัญคือจะต้องเข้าไปในใจซึ่งถือเป็น พื้นที่ต้องห้ามอันตราย แต่แบล็กคิงส์(ซึ่งบังเอิญไปค้นพบศาสตการฝังวิญญาณของเผ่าพงไพร). คิดจะปลุกมันขึ้นมา แต่ถ้าจะทำให้สำเร็จได้นั้น ต้องทำให้เผ่าแห่งแสงหมดไปเพื่อจะไม่ฉายแสงฆ่าเงามืด(ซึ่งปัจจุบันทายาทแห่งแสงเหลืออยู่คนเดียว) ช่วงแรกนี่เปิดตัวพระเอกดูน่ารักดีนะคะ เขียนให้เห็นภาพพระเอกทะเล้นน่ารักดี(ปรากฏณ์ว่าคุณโจ้บอกนั่นไม่ใช่พระเอก..ผ่าง!) แต่ถ้าเข้าช่วงซีเรียสคงต้องตัดฉากกันหน่อยอย่างที่คุณริวว่า หรือจะค่อยๆไล่อารมขึ้นไปก็ได้ประมาณเพอซี่ แรกๆพระเอกก็ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็คงยังไม่ต้องเครียดนานๆไปเข้าช่วงผจญภัยก็คงต้องนิ่งๆแมนๆกันหน่อย
เค้าขอโทษคร้าบบ ผิดไปแล้วว ผมจะปรับปรุงนะครับ แหะๆ ไม่เคยเห็นคนแสดงความเห็นใส่ผมเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ครั้งแรกนะเนี่ย